เราแต่งงานมา 3 ปีแล้วค่ะ ชีวิตคู่กำลังไปได้สวย เราแพลนว่าจะมีลูกกัน แต่ทุกอย่างก็จบลงเมื่อเรารู้ว่าเราเป็นมะเร็ง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราตรวจพบว่าเราเป็นมะเร็งค่ะ และหมอบอกว่าต้องทำคีโมนะ แต่ไม่หายแค่ยืดระยะเวลา ความรู้สึกตอนนั้นคือช็อคมาก ทำไมทุกอย่างในชีวิตที่กำลังไปได้ดีต้องมาจบลงแบบนี้
งานที่กำลังไปได้ดี ชีวิตครอบครัวที่กำลังมีความสุข คือทุกอย่างมันมืดไปหมด จิตตกอยู่หลายเดือนค่ะ กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวตาย กลัวไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีก ไม่ได้กินข้าวกับแม่อีก ไม่ได้กอดสามีอีก และด้วยความที่ได้ยินมานักต่อนักว่าการให้คีโมมันทรมาน ก็กลัวการให้คีโมไปอีก ร้องไห้ทุกวันค่ะ ร้องกับสามีบ้าง แอบร้องอยู่คนเดียวบ้าง ในหัวตอนนั้นคิดแต่ว่าตัวเองจะต้องตาย เลยตัดสินใจไม่ทำคีโมค่ะ เพราะยังไงก็ต้องตาย จะทรมานกับคีโมไปทำไม
เราทนกับความปวดที่เกิดจากตัวโรคมาตลอดค่ะ ร่างกายก็เจ็บปวด จิตใจก็ตกต่ำ
แต่โชคดีที่ตอนนั้นไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ยิ่งคิด ยิ่งร้องไห้ ก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายก็ตัดสินใจทำคีโมค่ะ เพราะได้กำลังใจจากพ่อแม่และสามี ตอนนั้นเค้าทำให้เรารู้สึกว่า เราจะตายไม่ได้นะ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เรามีค่าและสำคัญกับเค้ามาก ถ้าไม่มีเราเค้าก็อยู่ไม่ได้ จนทำให้เรามีพลังสู้ต่อค่ะ
ตอนนี้เราให้คีโมครบคอร์สแล้ว แต่มันก็ยังไม่หายอย่างที่หมอบอกนั่นแหละ คือเอาจริงๆ คนที่ไม่ได้ป่วยก็จะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเราซักเท่าไหร่
ทุกวันนี้เวลาเจอใครเราก็เหมือนคนปกติค่ะ ยิ้มแย้มพูดคุย แต่พออยู่คนเดียวเมื่อไหร่เราร้องไห้ตลอด เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วยแล้วค่ะ
และพักหลังๆมานี้สามีไม่ค่อยใส่ใจเราเหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ กลับบ้านดึก เช้าก็ออกไปทำงานแต่เช้า แต่ละวันแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ
เสาร์ อาทิตย์ ก็มีธุระตลอด เค้าทำงานราชการค่ะ เรารู้สึกตัวเองไม่มีความหมาย ต้องการให้เค้าสนใจใส่ใจเราเหมือนเดิม เราเลยทะเลาะกันบ่อยค่ะ ตอนนี้ความรู้สึกเรามันกลับไปอยู่ในจุดนั้นอีกแล้วค่ะ จุดที่จิตตก สิ้นหวัง ไร้ค่า ร้องไห้ทุกวัน แต่ที่มากกว่าตอนนั้นก็คือ ตอนนั้นเราไม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้เรากลัวใจตัวเองค่ะ หลายๆครั้งมันก็แว๊ปเข้ามาในหัว สามีที่เคยเป็นทั้งหมดของชีวิตที่ทำให้เราลุกขึ้นสู้ก็เหมือนไม่อยากอยู่ข้างๆเราแล้ว พยายามไม่คิด แต่พอมะเร็งมันทำให้ปวดมันก็จิตตกติดมากทุกทีค่ะ เราควรทำยังไงดีคะ
ปล. คนที่เค้าสู้กับโรคนี้ได้เพียงลำพังนี่เค้าเก่งมากเลยนะ กำลังใจมันสำคัญมากจริงๆค่ะ
ใช้ชีวิตต่อยังไงเมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง
งานที่กำลังไปได้ดี ชีวิตครอบครัวที่กำลังมีความสุข คือทุกอย่างมันมืดไปหมด จิตตกอยู่หลายเดือนค่ะ กลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวตาย กลัวไม่ได้เห็นหน้าพ่ออีก ไม่ได้กินข้าวกับแม่อีก ไม่ได้กอดสามีอีก และด้วยความที่ได้ยินมานักต่อนักว่าการให้คีโมมันทรมาน ก็กลัวการให้คีโมไปอีก ร้องไห้ทุกวันค่ะ ร้องกับสามีบ้าง แอบร้องอยู่คนเดียวบ้าง ในหัวตอนนั้นคิดแต่ว่าตัวเองจะต้องตาย เลยตัดสินใจไม่ทำคีโมค่ะ เพราะยังไงก็ต้องตาย จะทรมานกับคีโมไปทำไม
เราทนกับความปวดที่เกิดจากตัวโรคมาตลอดค่ะ ร่างกายก็เจ็บปวด จิตใจก็ตกต่ำ
แต่โชคดีที่ตอนนั้นไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย ยิ่งคิด ยิ่งร้องไห้ ก็ยิ่งปวดหัว สุดท้ายก็ตัดสินใจทำคีโมค่ะ เพราะได้กำลังใจจากพ่อแม่และสามี ตอนนั้นเค้าทำให้เรารู้สึกว่า เราจะตายไม่ได้นะ เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อ เรามีค่าและสำคัญกับเค้ามาก ถ้าไม่มีเราเค้าก็อยู่ไม่ได้ จนทำให้เรามีพลังสู้ต่อค่ะ
ตอนนี้เราให้คีโมครบคอร์สแล้ว แต่มันก็ยังไม่หายอย่างที่หมอบอกนั่นแหละ คือเอาจริงๆ คนที่ไม่ได้ป่วยก็จะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเราซักเท่าไหร่
ทุกวันนี้เวลาเจอใครเราก็เหมือนคนปกติค่ะ ยิ้มแย้มพูดคุย แต่พออยู่คนเดียวเมื่อไหร่เราร้องไห้ตลอด เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่รู้ว่าตัวเองป่วยแล้วค่ะ
และพักหลังๆมานี้สามีไม่ค่อยใส่ใจเราเหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ กลับบ้านดึก เช้าก็ออกไปทำงานแต่เช้า แต่ละวันแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ
เสาร์ อาทิตย์ ก็มีธุระตลอด เค้าทำงานราชการค่ะ เรารู้สึกตัวเองไม่มีความหมาย ต้องการให้เค้าสนใจใส่ใจเราเหมือนเดิม เราเลยทะเลาะกันบ่อยค่ะ ตอนนี้ความรู้สึกเรามันกลับไปอยู่ในจุดนั้นอีกแล้วค่ะ จุดที่จิตตก สิ้นหวัง ไร้ค่า ร้องไห้ทุกวัน แต่ที่มากกว่าตอนนั้นก็คือ ตอนนั้นเราไม่คิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ตอนนี้เรากลัวใจตัวเองค่ะ หลายๆครั้งมันก็แว๊ปเข้ามาในหัว สามีที่เคยเป็นทั้งหมดของชีวิตที่ทำให้เราลุกขึ้นสู้ก็เหมือนไม่อยากอยู่ข้างๆเราแล้ว พยายามไม่คิด แต่พอมะเร็งมันทำให้ปวดมันก็จิตตกติดมากทุกทีค่ะ เราควรทำยังไงดีคะ
ปล. คนที่เค้าสู้กับโรคนี้ได้เพียงลำพังนี่เค้าเก่งมากเลยนะ กำลังใจมันสำคัญมากจริงๆค่ะ