สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิป ขอเปิดรีวิวกระทู้ดองเค็ม อเมริกาใต้ 19 วัน 13 สนามบิน 7 สายการบิน 6 เมือง 3 ประเทศเลยละกันนะครับ
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่านี่เป็นการหัดรีวิวครั้งแรก หลังจากที่ได้เป็นผู้อ่านที่ดีในห้องบลูมานาน ได้ความรู้ ข้อมูลการเที่ยวจากห้องนี้มาเยอะมากๆ รอบนี้ขอแชร์ประสบการณ์ทริปอเมริกาใต้ครั้งนี้ให้เพื่อนๆ บ้าง ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ทริปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม ลากยาวไปจนถึงสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ
เนื่องด้วยเหตุผลมากมายก็เพิ่งจะได้มีโอกาสเหมาะตอนนี้เอง
Day 1: Bangkok-Inchoen-Narita
มายไอด่อลของผม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พี่กาญจนา หงษ์ทอง เคยกล่าวไว้ว่า
ถ้าคุณคือนักเดินทาง คุณจะต้องไม่พลาดสถานที่ 2 แห่งนี้
ได้วาระประจวบเหมาะ ก็จองตั๋วโลดครับ....เลือกอยู่นาน ไปๆ มาๆ ต้องบินหลายตุ้บเลยกว่าจะถึงอเมริกาใต้ดินแดนอันไกลโพ้น
TIP#1: ตั๋วโปรดีๆไปอเมริกาใต้ แต่ต้องออกจากประเทศอื่นถูกและดีมีอยู่จริงนะครับ ผมจองแบบผสมผสานในกลุ่ม Star Alliance บินฟูลเซอร์วิสตลอดทางได้ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อครับ
อาจเป็นจังหวะที่ดีที่แวะพักเปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ 6 ชม. ดูพยากรณ์แล้วซากุระกำลังบานสะพรั่งเลย
เลยแวะลงไปเก็บภาพสักนิดให้ได้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยไปๆ มาๆ อยู่ที่นี่ 2 ปีกว่าๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ
Day 2: Narita-Newark
หมดเวลาลั้นลาก็เซย์ซาโยนาระ นั่งไฟลต์ต่ออีก 12.50 ชม. ไปเปลี่ยนเครื่องที่ Newark, New Jersey ต่อเลยครับ
TIP#2: มาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินในอเมริกา
ต้องมีวีซ่าอเมริกานะครับ แต่จากนี้ไป อาร์เจนติน่า ชิลีและเปรู พาสปอร์ตไทยเข้าได้เลยค้าบ
ไหนๆ ก็มีเวลารอเปลี่ยนเครื่องอีกตั้ง 5-6 ชม. ก็แว๊บไปชะโงกทักทาย New York ซะหน่อยเนอะ แหะๆ
Day 3: Newark-Buenos Aires
ผ่านไปวันที่ 3 ของการเดินทางนี่ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ มาแวะพักที่ New York อีกเกือบ 6 ชม. ก่อนที่จะขึ้นเครื่องอีก 11.05 ชม. สู่ Buenos Aires ครับ
สนามบินหลักของประเทศคือ EZE (Ministro Pistarini Airport) จากสนามบินสู่ตัวเมืองไกลเหมือนกันครับ แต่เค้ามี shuttle bus ไปส่งสถานีรถไฟที่ใกล้สนามบินที่สุด จากนั้นก็ต่อรถไฟใต้ดินเข้าเมืองได้ แต่ผลพวงจากการที่อยู่บนเครื่องมานานกว่า 2 วันแล้ว เลยตัดสินใจแท๊กซี่โลดดดด
*Casa Rosada อยู่ตรงข้ามกับ Plaza de Mayo คือจุดที่ อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของอาร์เจนติน่า Eva Perón เคยกล่าวสุนทรพจน์ครับ
การเดินทางใน Buenos Aires สะดวกสบายนะครับ เหมือนเมืองใหญ่ทั่วโลก มีรถไฟใต้ดินที่เรียกว่า Subte ไปตามสถานที่เที่ยวทั่วเมืองหลวงแห่งนี้ได้เลยครับ
*La Boca ย่านฮิปๆใน Buenos Aires ดูแล้วไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนที่กล่าวๆกันไว้ครับ
วันเดียวใน Buenos Aires ดูจะไม่พอเลยจริงๆ ครับ ไว้วันหลังเราเจอกันใหม่เน้อะ Adiós Buenos Aires
Day 4: Buenos Aires-El Calafate-El Chalten
วันรุ่งขึ้นเราจะต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน AEP (Aeroparque Jorge Newbury Airport) ก็ประมาณเดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเราเนี่ยครับ เน้นไฟลท์ภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อมุ่งหน้าสู่ El Calafate เมืองหน้าด่านเข้าสู่ Patagonia ที่แท้จริงละครับ
3.15 ชม. บนเครื่องแป๊บเดียวก็พาเรามาสู่ El Calafate ผมเองจองตั๋วรถบัสเพื่อต่อไปยังเมือง El Chaltenไว้ล่วงหน้าแล้วทางออนไลน์ผ่านทางบริษัททัวร์ Chalten Travel แต่ๆๆๆๆ ทำให้เสียเวลามากครับ
TIP#3 : จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องจองตั๋วล่วงหน้ามาเลยครับ เพราะไม่งั้นคุณต้องนั่งรถจากสนามบินเพื่อเข้าไปเปลี่ยนรถที่ Bus Terminal ใน El Calafate อีก เพราะที่สนามบินแห่งนี้ มีบริการรถตู้ออกจากสนามบินไป El Chalten ตรงได้เลยครับ
ค่ารถ 1010 Peso กับ 3ชม 213กม เราก็มาถึง ปากประตู Patagonia ฝั่ง Argentina ละนะครับ
El Chalten เป็นเมืองเล็กๆ มากครับ เดินแป๊บเดียวก็รอบละครับ นทท ที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็มาเทรคกัน เทรคที่นี่มีหลายเส้นทางมากๆ เพื่อนๆสามารถเลือกเดินได้ตามความชอบและสมรรถนะของร่างกายได้เลยนะครับ
แพลนที่คิดไว้ว่าจะเทรคของฝั่งอาร์เจนติน่าก็มีแค่ 2 เทรคครับ (เพราะมีเวลาอยู่ที่นี่แค่ 2 วัน 555+)
1.Laguna del los Tres เพื่อไปดู Fitz Roy อันลือลั่น
2.Laguna Torre อีกเทรคที่จะไปดู Las Torres อีกยอดเขาที่สวยงามไม่แพ้กันเลย
ถึง รร ละก็รีบนอนพักผ่อนเก็บพลังกันเลย Big Day is coming!
TIP#4 : ถ้าคุณจองที่พักไว้ที่ Grande Rancho ละมากับรถทัวร์ของ Chalten Travel พอมาถึงไม่ต้องลงที่ El Chalten Bus Terminal นะครับ เพราะรถทัวร์คันนี้จะพาคุณมาส่งถึงหน้าประตู รร เลย ผมเองก็ปากหนักไม่รู้จักถาม กว่าจะลากกระเป๋ามาถึง รร เสียพลังงานไปเยอะเลยครับ
ที่พักโอเค ราคาสมเหตุสมผล มีครัวให้ทำ ห้องน้ำสะอาด แถมมีรูมเมทเป็น 2 สาวจากสเปนอัธยาศัยดีให้ได้คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดและแพลนเที่ยวได้เป็นอย่างดีเลยครับ
*เดี๋ยวมาต่อนะครับ พรุ่งนี้จะไปเทรคแรกที่ Patagonia กันละ ไม่โหดเท่าไหร่ครับ เดินไปกลับแค่ 30 กม เอ๊งงงง!
"Let's find some beautiful place ... to get lost" [Patagonia v Machu Picchu]
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่านี่เป็นการหัดรีวิวครั้งแรก หลังจากที่ได้เป็นผู้อ่านที่ดีในห้องบลูมานาน ได้ความรู้ ข้อมูลการเที่ยวจากห้องนี้มาเยอะมากๆ รอบนี้ขอแชร์ประสบการณ์ทริปอเมริกาใต้ครั้งนี้ให้เพื่อนๆ บ้าง ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ
ทริปนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือน มีนาคม ลากยาวไปจนถึงสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ
เนื่องด้วยเหตุผลมากมายก็เพิ่งจะได้มีโอกาสเหมาะตอนนี้เอง
Day 1: Bangkok-Inchoen-Narita
มายไอด่อลของผม [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เคยกล่าวไว้ว่า
ถ้าคุณคือนักเดินทาง คุณจะต้องไม่พลาดสถานที่ 2 แห่งนี้
ได้วาระประจวบเหมาะ ก็จองตั๋วโลดครับ....เลือกอยู่นาน ไปๆ มาๆ ต้องบินหลายตุ้บเลยกว่าจะถึงอเมริกาใต้ดินแดนอันไกลโพ้น
TIP#1: ตั๋วโปรดีๆไปอเมริกาใต้ แต่ต้องออกจากประเทศอื่นถูกและดีมีอยู่จริงนะครับ ผมจองแบบผสมผสานในกลุ่ม Star Alliance บินฟูลเซอร์วิสตลอดทางได้ในราคาที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อครับ
อาจเป็นจังหวะที่ดีที่แวะพักเปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ 6 ชม. ดูพยากรณ์แล้วซากุระกำลังบานสะพรั่งเลย
เลยแวะลงไปเก็บภาพสักนิดให้ได้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยไปๆ มาๆ อยู่ที่นี่ 2 ปีกว่าๆ ได้เป็นอย่างดีเลยครับ
Day 2: Narita-Newark
หมดเวลาลั้นลาก็เซย์ซาโยนาระ นั่งไฟลต์ต่ออีก 12.50 ชม. ไปเปลี่ยนเครื่องที่ Newark, New Jersey ต่อเลยครับ
TIP#2: มาเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินในอเมริกาต้องมีวีซ่าอเมริกานะครับ แต่จากนี้ไป อาร์เจนติน่า ชิลีและเปรู พาสปอร์ตไทยเข้าได้เลยค้าบ
ไหนๆ ก็มีเวลารอเปลี่ยนเครื่องอีกตั้ง 5-6 ชม. ก็แว๊บไปชะโงกทักทาย New York ซะหน่อยเนอะ แหะๆ
Day 3: Newark-Buenos Aires
ผ่านไปวันที่ 3 ของการเดินทางนี่ยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ มาแวะพักที่ New York อีกเกือบ 6 ชม. ก่อนที่จะขึ้นเครื่องอีก 11.05 ชม. สู่ Buenos Aires ครับ
สนามบินหลักของประเทศคือ EZE (Ministro Pistarini Airport) จากสนามบินสู่ตัวเมืองไกลเหมือนกันครับ แต่เค้ามี shuttle bus ไปส่งสถานีรถไฟที่ใกล้สนามบินที่สุด จากนั้นก็ต่อรถไฟใต้ดินเข้าเมืองได้ แต่ผลพวงจากการที่อยู่บนเครื่องมานานกว่า 2 วันแล้ว เลยตัดสินใจแท๊กซี่โลดดดด
*Casa Rosada อยู่ตรงข้ามกับ Plaza de Mayo คือจุดที่ อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งของอาร์เจนติน่า Eva Perón เคยกล่าวสุนทรพจน์ครับ
การเดินทางใน Buenos Aires สะดวกสบายนะครับ เหมือนเมืองใหญ่ทั่วโลก มีรถไฟใต้ดินที่เรียกว่า Subte ไปตามสถานที่เที่ยวทั่วเมืองหลวงแห่งนี้ได้เลยครับ
*La Boca ย่านฮิปๆใน Buenos Aires ดูแล้วไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนที่กล่าวๆกันไว้ครับ
วันเดียวใน Buenos Aires ดูจะไม่พอเลยจริงๆ ครับ ไว้วันหลังเราเจอกันใหม่เน้อะ Adiós Buenos Aires
Day 4: Buenos Aires-El Calafate-El Chalten
วันรุ่งขึ้นเราจะต้องไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน AEP (Aeroparque Jorge Newbury Airport) ก็ประมาณเดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเราเนี่ยครับ เน้นไฟลท์ภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อมุ่งหน้าสู่ El Calafate เมืองหน้าด่านเข้าสู่ Patagonia ที่แท้จริงละครับ
3.15 ชม. บนเครื่องแป๊บเดียวก็พาเรามาสู่ El Calafate ผมเองจองตั๋วรถบัสเพื่อต่อไปยังเมือง El Chaltenไว้ล่วงหน้าแล้วทางออนไลน์ผ่านทางบริษัททัวร์ Chalten Travel แต่ๆๆๆๆ ทำให้เสียเวลามากครับ
TIP#3 : จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นต้องจองตั๋วล่วงหน้ามาเลยครับ เพราะไม่งั้นคุณต้องนั่งรถจากสนามบินเพื่อเข้าไปเปลี่ยนรถที่ Bus Terminal ใน El Calafate อีก เพราะที่สนามบินแห่งนี้ มีบริการรถตู้ออกจากสนามบินไป El Chalten ตรงได้เลยครับ
ค่ารถ 1010 Peso กับ 3ชม 213กม เราก็มาถึง ปากประตู Patagonia ฝั่ง Argentina ละนะครับ
El Chalten เป็นเมืองเล็กๆ มากครับ เดินแป๊บเดียวก็รอบละครับ นทท ที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็มาเทรคกัน เทรคที่นี่มีหลายเส้นทางมากๆ เพื่อนๆสามารถเลือกเดินได้ตามความชอบและสมรรถนะของร่างกายได้เลยนะครับ
แพลนที่คิดไว้ว่าจะเทรคของฝั่งอาร์เจนติน่าก็มีแค่ 2 เทรคครับ (เพราะมีเวลาอยู่ที่นี่แค่ 2 วัน 555+)
1.Laguna del los Tres เพื่อไปดู Fitz Roy อันลือลั่น
2.Laguna Torre อีกเทรคที่จะไปดู Las Torres อีกยอดเขาที่สวยงามไม่แพ้กันเลย
ถึง รร ละก็รีบนอนพักผ่อนเก็บพลังกันเลย Big Day is coming!
TIP#4 : ถ้าคุณจองที่พักไว้ที่ Grande Rancho ละมากับรถทัวร์ของ Chalten Travel พอมาถึงไม่ต้องลงที่ El Chalten Bus Terminal นะครับ เพราะรถทัวร์คันนี้จะพาคุณมาส่งถึงหน้าประตู รร เลย ผมเองก็ปากหนักไม่รู้จักถาม กว่าจะลากกระเป๋ามาถึง รร เสียพลังงานไปเยอะเลยครับ
ที่พักโอเค ราคาสมเหตุสมผล มีครัวให้ทำ ห้องน้ำสะอาด แถมมีรูมเมทเป็น 2 สาวจากสเปนอัธยาศัยดีให้ได้คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิดและแพลนเที่ยวได้เป็นอย่างดีเลยครับ
*เดี๋ยวมาต่อนะครับ พรุ่งนี้จะไปเทรคแรกที่ Patagonia กันละ ไม่โหดเท่าไหร่ครับ เดินไปกลับแค่ 30 กม เอ๊งงงง!