82 ปี การสูญพันธุ์ของ "เสือแทสมาเนีย"

82 ปี การสูญพันธุ์ของ "เสือแทสมาเนีย"

เมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 1936 ได้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นอย่างหนึ่ง เมื่อเจ้า “เบนจามิน” เสือแทสมาเนียตัวสุดท้ายในสวนสัตว์ของนครโฮบาร์ต เมืองหลวงของรัฐแทสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย ได้เสียชีวิตลง ซึ่งถือเป็นการสูญพันธุ์ของสัตว์ชนิดนี้ ก่อนจะมีการประกาศรับรองสถานการณ์สูญพันธุ์อย่างเป็นทางการในปี 1982

เสือแทสมาเนีย (Tasmanian Tiger) หรือบางครั้งก็เรียกว่า สุนัขป่าแทสมาเนีย (Tasmanian Wolf) หรือ ไทลาซีน (Thylacine) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thylacinus cynocephalus ซึ่งแม้จะเรียกว่าเสือหรือสุนัขป่า แต่พวกมันก็ไม่ใช่ทั้งเสือและสุนัขป่า แต่จัดเป็นสัตว์จำพวกที่มีกระเป๋าหน้าท้องหรือมาร์ซูเปียล (Marsupial) เช่นเดียวกับจิงโจ้หรือโคอาล่าที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง แต่เป็นมาร์ซูเปียลจำพวกสัตว์กินเนื้อ


เสือแทสมาเนียมีลักษณะคล้ายเสือผสมกับสุนัขป่า คือมีลายพาดกลางลำตัวคล้ายเสือโคร่ง แต่มีกะโหลกด้านหน้ายื่นยาวออกมาคล้ายสุนัข หางที่แข็งแรงเหมือนอย่างจิงโจ้ มีขนาดใกล้เคียงกับสุนัขขนาดใหญ่

เชื่อกันว่าในอดีตนั้นเสือแทสมาเนียเคยมีอยู่ทั่วไปในทวีปออสเตรเลียรวมถึงเกาะนิวกีนีด้วย แต่ได้หายไปตั้งแต่เมื่อราว 3 พันปีมาแล้ว คงเหลืออยู่แต่ที่เกาะแทสมาเนีย (เกาะใหญ่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย) เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า การหายสาบสูญของเสือแทสมาเนียอาจจะเกิดจากการเข้ามาของสัตว์ล่าเนื้อที่แข็งแกร่งกว่าอย่างสุนัขดิงโก ที่เป็นสุนัขบ้านซึ่งได้ติดตามมนุษย์เข้ามาอยู่ในทวีปออสเตรเลีย เลยทำให้เสือแทสมาเนียที่ไม่สามารถล่าเหยื่อแข่งกับสุนัขป่าดิงโกค่อย ๆ ล้มหายตายจากไป แต่บางคนก็ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเสือแทสมาเนียอาจจะสาบสูญไปจากพื้นแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียก่อนที่สุนัขดิงโกจะเข้ามาแล้ว อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจนทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของออสเตรเลียกลายเป็นทะเลทราย จึงทำให้เสือแทสมาเนียส่วนใหญ่ตายไป เหลือแต่ที่เกาะแทสมาเนียเท่านั้นที่ยังรอดมาได้

แต่หายนะที่แท้จริงของเสือแทสมาเนียมาเกิดเมื่อชาวยุโรปได้เข้ามาตั้งรกรากบนเกาะแทสมาเนียตั้งแต่ศตวรรษที่ 19  เมื่อเสือแทสมาเนียถูกมนุษย์มองว่าพวกมันเป็นอันตรายต่อปศุสัตว์ที่พวกเขาเลี้ยงไว้ จึงทำให้พวกมันถูกตั้งค่าหัวเพื่อไล่ล่าสังหารรวมถึงการถูกรุกล้ำถิ่นที่อยู่ ก็ทำให้พวกมันมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว และเพียงต้นศตวรรษต่อมา เสือแทสมาเนียก็กลายเป็นสัตว์หายากมากในธรรมชาติ ก่อนที่จะสูญพันธุ์ไปในที่สุด

อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะถูกมองว่าได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีผู้ที่เชื่อว่าอาจจะยังมีเสือแทสมาเนียในธรรมชาติหลงเหลืออยู่บ้าง และมีรายงานของผู้ที่เชื่อว่าได้เห็นร่องรอยของเสือแทสมาเนียอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นความจริงหรือไม่

นอกจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ยังได้พยายามนำตัวอย่าง DNA ของเสือแทสมาเนียที่มีการสตัฟฟ์เก็บเอาไว้ตามที่ต่าง ๆ มาศึกษาถึงพันธุกรรมของพวกมัน ซึ่งนอกจากความหวังว่าที่ว่าจะมีหนทาง “คืนชีพ” พวกมันขึ้นมาใหม่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังหวังว่าการศึกษาพันธุกรรมของพวกมันก็อาจจะนำไปสู่การค้นพบความลับเกี่ยวกับวิวัฒนาการว่า เหตุใดสิ่งมีชีวิตที่มีสายวิวัฒนาการแยกจากกันอย่างสุนัขและเสือแทสมาเนีย จึงได้มีวิวัฒนาการจนกลับมามีลักษณะคล้ายคลึงกันได้อีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่