สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ของทีมชาติ หลายคนอาจจะคิดว่าความสนใจมันลดน้อยลงไปเพราะเป็นแค่การอุ่นเครื่อง แต่ทว่าตอนนี้การอุ่นเครื่องครั้งนี้จะมีความจริงจังขึ้นแล้วเพราะจะมีการใช้ระบบอุ่นเครื่องแบบใหม่เอี่ยมที่ชื่อว่า ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก
หลายคนคงได้ยินมาว่าจะมีการคิดคะแนนเพื่อสิทธิเข้ารอบ ยูโร 2020 ด้วย แต่เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนยังงงกันอยู่แน่นอน ระบบมันเป็นยังไง? แข่งยังไง? ระบบนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน แต่เราจะมาอธิบายแบบง่ายๆกัน
การแบ่งกลุ่ม
ชาติสมาชิกยูฟ่าทั้งหมด 55 ชาติจะมีการจัดอันดับวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ของแต่ละชาติ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน
ลีก A ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 1-12 (12 ทีม)
ลีก B ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 13-24 (12 ทีม)
ลีก C ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 25-39 (15 ทีม)
ลีก D ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 40-55 (16 ทีม)
นั่นหมายความว่าทีมในระดับเดียวกันจะได้เจอกัน คราวนี้จะไม่มีทีมไหนได้เปรียบเสียเปรียบกันแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ ในแต่ละลีกจะมีการแบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อยอีกต่างหาก ซึ่งมีการจับสลากกันไปเรียบร้อยแล้ว ดังจะมีทีมตามนี้
ลีก A
กลุ่ม 1 ได้แก่ เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ฮอลแลนด์
กลุ่ม 2 ได้แก่ เบลเยี่ยม, สวิตเซอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์
กลุ่ม 3 ได้แก่ โปรตุเกส, อิตาลี, โปแลนด์
กลุ่ม 4 ได้แก่ สเปน, อังกฤษ, โครเอเชีย
ลีก B
กลุ่ม 1 ได้แก่ สโลวาเกีย, ยูเครน, เช็ก
กลุ่ม 2 ได้แก่ รัสเซีย, สวีเดน, ตุรกี
กลุ่ม 3 ได้แก่ ออสเตรีย, บอสเนีย, ไอร์แลนด์เหนือ
กลุ่ม 4 ได้แก่ เวลส์, ไอร์แลนด์, เดนมาร์ก
ลีก C
กลุ่ม 1 ได้แก่ สก็อตแลนด์ , อัลเบเนีย, อิสราเอล
กลุ่ม 2 ได้แก่ ฮังการี, กรีซ, ฟินแลนด์, เอสโตเนีย
กลุ่ม 3 ได้แก่ สโลวีเนีย, นอร์เวย์, บัลเกเรีย, ไซปรัส
กลุ่ม 4 ได้แก่ โรมาเนีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, ลิทัวเนีย
ลีก D
กลุ่ม 1 ได้แก่ จอร์เจีย ,ลัตเวีย, คาซัคสถาน, อันดอร์รา
กลุ่ม 2 ได้แก่ เบลารุส, ลักเซมเบิร์ก, มอลโดว่า, ซาน มาริโน่
กลุ่ม 3 ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน, หมู่เกาะแฟโร, มอลต้า, โคโซโว
กลุ่ม 4 ได้แก่ มาเซโดเนีย, อาร์เมเนีย, ลิกเทนสไตน์, ยิบรอลตาร์
กฎการแข่ง
แต่ละกลุ่มจะแข่งขันกันแบบเหย้าเยือนพบกันหมด และมีระบบเก็บแต้มเหมือนปกติ ใครเก็บแต้มได้มากที่สุดก็จะเป็นแชมป์กลุ่ม
สำหรับแชมป์แต่ละกลุ่มของลีก B,C,D จะได้เลื่อนชั้นในยูฟ่า เนชั่นลีกครั้งถัดไป (หรืออีก 4 ปีข้างหน้า) เช่น แชมป์แต่ละกลุ่มของลีก B จะขึ้นไป ลีก A
แล้วทีมที่เก็บแต้มน้อยที่สุดในลีกหละ? ทีมอันดับสุดท้ายของแต่ละกลุ่มจะตกชั้นลงไปลีกรองลงมาในยูฟ่า เนชั่นลีกครั้งถัดไปเช่นกัน เช่น ลีก A ตกมาลีก B แต่กลุ่มสุดท้ายอย่างกลุ่ม D จะไม่มีตกชั้นแล้ว
นอกจากนี้ยูฟ่า เนชั่นลีกมีความพิเศษนั่นคือ จะมีการแข่งรอบรองชนะเลิศ เฉพาะลีก A เท่านั้น
แชมป์แต่ละกลุ่มในลีก A จะได้เข้ารอบรองชนะเลิศ โดยแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จะได้เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุด
ส่วนอีกคู่นั้นเป็นคู่ระหว่างแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้มากที่สุดอันดับ 2 เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มมากที่สุดอันดับ 3
รอบรองชนะเลิศจะเป็นการแข่งนัดเดียวจบโดยใช้สนามของทีมที่มีคะแนนเหนือกว่า (แข่งวันที่ 5 หรือ 6 มิถุนายน 2019)
ผู้ชนะก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ส่วนผู้แพ้ก็จะได้ชิงที่ 3 ซึ่งทั้งสองแมตช์แข่งในวันที่ 9 มิ.ย. 2019
ใครชนะก็จะได้แชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ไปครอง
โควต้าเพลย์ออฟยูโร 2022
หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีกในเดือน พ.ย. 2018 ก็จะมีรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรตามปกติในปีหน้า ซึ่งจะมีทั้งหมด 10 กลุ่ม เมื่อแข่งรอบคัดเลือกจบ ชาติที่ได้แชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มจะเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งก็จะเข้ารอบทั้งหมด 20 ทีม
ปกติฟุตบอลยูโรจะมีทั้งหมด 24 ทีม ซึ่งอีก 4 ทีมนั้นมาจากการแข่งรอบเพลย์ออฟโดยจะเอาอันดับสามที่ดีที่สุด 8 ทีม จับสลากเจอกัน แต่ครั้งนี้จะไม่มีอีกแล้ว
ยูฟ่าจะหันมาดูจาก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก แทน ซึ่งแต่ละลีก (A,B,C,D) จะมีโควต้าให้ไปฟุตบอลยูโร 1 โควต้าเท่านั้น
โดยแชมป์กลุ่ม 1,2,3,4 ในแต่ละลีกจะต้องมาเพลย์ออฟกันช่วงเดือนมีนาคม 2020 ทีมที่ได้แชมป์เพลย์ออฟของลีกนั้น ก็จะได้สิทธิยูโร 2020 ทันที
คราวนี้อาจจะมีทีมที่ตกรอบคัดเลือกยูโร แต่เป็นแชมป์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน ยูโร เนชั่นส์ลีก ผลคือชาตินั้นก็ยังมีสิทธิ์เพลย์ออฟเพื่อเข้ายูโรอยู่
แน่นอนว่ามันอาจจะมีกรณีที่แชมป์กลุ่ม 1,2,3,4 ได้ไปยูโร 2020 อยู่แล้วเพราะผ่านเข้ารอบตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้ว สิทธิ์ในการแข่งเพลย์ออฟจะตกไปอยู่กับทีมอันดับต่อไปในลีก (โดยเลือกทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดแบบไม่อิงกลุ่มหรือคือทีมที่อยู่อันดับ 5-12 ในลีกนั่นเอง) สรุปว่ายังไงแต่ละกลุ่มจะต้องมี 4 ทีมที่ได้เล่นเพลย์ออฟแน่นอน และจะมี 4 ทีมที่เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายยูโร 2020
credit : www.siamsport.co.th
ใครงงมารวมกันตรงนี้? ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก คืออะไร
หลายคนคงได้ยินมาว่าจะมีการคิดคะแนนเพื่อสิทธิเข้ารอบ ยูโร 2020 ด้วย แต่เชื่อว่าตอนนี้ทุกคนยังงงกันอยู่แน่นอน ระบบมันเป็นยังไง? แข่งยังไง? ระบบนี้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน แต่เราจะมาอธิบายแบบง่ายๆกัน
การแบ่งกลุ่ม
ชาติสมาชิกยูฟ่าทั้งหมด 55 ชาติจะมีการจัดอันดับวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ของแต่ละชาติ โดยจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน
ลีก A ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 1-12 (12 ทีม)
ลีก B ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 13-24 (12 ทีม)
ลีก C ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 25-39 (15 ทีม)
ลีก D ประกอบด้วยชาติที่มีค่าสัมประสิทธิ์ตั้งแต่อันดับ 40-55 (16 ทีม)
นั่นหมายความว่าทีมในระดับเดียวกันจะได้เจอกัน คราวนี้จะไม่มีทีมไหนได้เปรียบเสียเปรียบกันแล้ว
เท่านั้นยังไม่พอ ในแต่ละลีกจะมีการแบ่งเป็น 4 กลุ่มย่อยอีกต่างหาก ซึ่งมีการจับสลากกันไปเรียบร้อยแล้ว ดังจะมีทีมตามนี้
ลีก A
กลุ่ม 1 ได้แก่ เยอรมัน, ฝรั่งเศส, ฮอลแลนด์
กลุ่ม 2 ได้แก่ เบลเยี่ยม, สวิตเซอร์แลนด์, ไอซ์แลนด์
กลุ่ม 3 ได้แก่ โปรตุเกส, อิตาลี, โปแลนด์
กลุ่ม 4 ได้แก่ สเปน, อังกฤษ, โครเอเชีย
ลีก B
กลุ่ม 1 ได้แก่ สโลวาเกีย, ยูเครน, เช็ก
กลุ่ม 2 ได้แก่ รัสเซีย, สวีเดน, ตุรกี
กลุ่ม 3 ได้แก่ ออสเตรีย, บอสเนีย, ไอร์แลนด์เหนือ
กลุ่ม 4 ได้แก่ เวลส์, ไอร์แลนด์, เดนมาร์ก
ลีก C
กลุ่ม 1 ได้แก่ สก็อตแลนด์ , อัลเบเนีย, อิสราเอล
กลุ่ม 2 ได้แก่ ฮังการี, กรีซ, ฟินแลนด์, เอสโตเนีย
กลุ่ม 3 ได้แก่ สโลวีเนีย, นอร์เวย์, บัลเกเรีย, ไซปรัส
กลุ่ม 4 ได้แก่ โรมาเนีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร, ลิทัวเนีย
ลีก D
กลุ่ม 1 ได้แก่ จอร์เจีย ,ลัตเวีย, คาซัคสถาน, อันดอร์รา
กลุ่ม 2 ได้แก่ เบลารุส, ลักเซมเบิร์ก, มอลโดว่า, ซาน มาริโน่
กลุ่ม 3 ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน, หมู่เกาะแฟโร, มอลต้า, โคโซโว
กลุ่ม 4 ได้แก่ มาเซโดเนีย, อาร์เมเนีย, ลิกเทนสไตน์, ยิบรอลตาร์
กฎการแข่ง
แต่ละกลุ่มจะแข่งขันกันแบบเหย้าเยือนพบกันหมด และมีระบบเก็บแต้มเหมือนปกติ ใครเก็บแต้มได้มากที่สุดก็จะเป็นแชมป์กลุ่ม
สำหรับแชมป์แต่ละกลุ่มของลีก B,C,D จะได้เลื่อนชั้นในยูฟ่า เนชั่นลีกครั้งถัดไป (หรืออีก 4 ปีข้างหน้า) เช่น แชมป์แต่ละกลุ่มของลีก B จะขึ้นไป ลีก A
แล้วทีมที่เก็บแต้มน้อยที่สุดในลีกหละ? ทีมอันดับสุดท้ายของแต่ละกลุ่มจะตกชั้นลงไปลีกรองลงมาในยูฟ่า เนชั่นลีกครั้งถัดไปเช่นกัน เช่น ลีก A ตกมาลีก B แต่กลุ่มสุดท้ายอย่างกลุ่ม D จะไม่มีตกชั้นแล้ว
นอกจากนี้ยูฟ่า เนชั่นลีกมีความพิเศษนั่นคือ จะมีการแข่งรอบรองชนะเลิศ เฉพาะลีก A เท่านั้น
แชมป์แต่ละกลุ่มในลีก A จะได้เข้ารอบรองชนะเลิศ โดยแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จะได้เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุด
ส่วนอีกคู่นั้นเป็นคู่ระหว่างแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มได้มากที่สุดอันดับ 2 เจอกับแชมป์กลุ่มที่เก็บแต้มมากที่สุดอันดับ 3
รอบรองชนะเลิศจะเป็นการแข่งนัดเดียวจบโดยใช้สนามของทีมที่มีคะแนนเหนือกว่า (แข่งวันที่ 5 หรือ 6 มิถุนายน 2019)
ผู้ชนะก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ส่วนผู้แพ้ก็จะได้ชิงที่ 3 ซึ่งทั้งสองแมตช์แข่งในวันที่ 9 มิ.ย. 2019
ใครชนะก็จะได้แชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ไปครอง
โควต้าเพลย์ออฟยูโร 2022
หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่มของ ยูฟ่า เนชั่นส์ลีกในเดือน พ.ย. 2018 ก็จะมีรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรตามปกติในปีหน้า ซึ่งจะมีทั้งหมด 10 กลุ่ม เมื่อแข่งรอบคัดเลือกจบ ชาติที่ได้แชมป์กลุ่มและรองแชมป์กลุ่มจะเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลยูโร 2020 ซึ่งก็จะเข้ารอบทั้งหมด 20 ทีม
ปกติฟุตบอลยูโรจะมีทั้งหมด 24 ทีม ซึ่งอีก 4 ทีมนั้นมาจากการแข่งรอบเพลย์ออฟโดยจะเอาอันดับสามที่ดีที่สุด 8 ทีม จับสลากเจอกัน แต่ครั้งนี้จะไม่มีอีกแล้ว
ยูฟ่าจะหันมาดูจาก ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก แทน ซึ่งแต่ละลีก (A,B,C,D) จะมีโควต้าให้ไปฟุตบอลยูโร 1 โควต้าเท่านั้น
โดยแชมป์กลุ่ม 1,2,3,4 ในแต่ละลีกจะต้องมาเพลย์ออฟกันช่วงเดือนมีนาคม 2020 ทีมที่ได้แชมป์เพลย์ออฟของลีกนั้น ก็จะได้สิทธิยูโร 2020 ทันที
คราวนี้อาจจะมีทีมที่ตกรอบคัดเลือกยูโร แต่เป็นแชมป์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งใน ยูโร เนชั่นส์ลีก ผลคือชาตินั้นก็ยังมีสิทธิ์เพลย์ออฟเพื่อเข้ายูโรอยู่
แน่นอนว่ามันอาจจะมีกรณีที่แชมป์กลุ่ม 1,2,3,4 ได้ไปยูโร 2020 อยู่แล้วเพราะผ่านเข้ารอบตั้งแต่รอบคัดเลือกแล้ว สิทธิ์ในการแข่งเพลย์ออฟจะตกไปอยู่กับทีมอันดับต่อไปในลีก (โดยเลือกทีมที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดแบบไม่อิงกลุ่มหรือคือทีมที่อยู่อันดับ 5-12 ในลีกนั่นเอง) สรุปว่ายังไงแต่ละกลุ่มจะต้องมี 4 ทีมที่ได้เล่นเพลย์ออฟแน่นอน และจะมี 4 ทีมที่เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายยูโร 2020
credit : www.siamsport.co.th