- สวัสดีครับ ผมชื่อ ''ยงยุมธ " ผมมีเรื่องอึดอักใจนิกหน่อย คือผมเป็นลูกครึ่งไทย-จีน และผมก็เป็นมุอัลลัฟ ที่ทุกวันพยายามไขว่คว้าหาความรู้ทางศาสนาอิสลาม ..
ตังแต่แรกที่ผมหล่าวชาฮาดะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแกะดำ ทุกคนี่เข้ามาละหมาดมองผมด้วยสายตา ไอ้มูอัลลัฟ แต่ก็ยังมีคนดีๆพยายามเข้ามาสอนการละหมาดแต่สุดท้ายก็จากไปพร้อมคำเยาะเย้ย ผู้นำหลายคนพยายามไม่ยุ่งเริ่องของผม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ; จริงๆ ผมสามารถเที่ยวเตร่ได้ตลออ แต่ทำไม ? ผมหยุดที่อิสลาม เพราะผมเชือเสมอว่าพระองค์อบฮิดายะให้นำทางแล้ว แต่เสียดายที่ดูมืดหมืนเกินไป เพราะหุกคนดูแลใจแคบ พร้อมจะเหยียบ...
เพราะผมเป็นมุอัลลัฟ !! ดูเหมือนประเทศจะแบงแยากศาสนา นั้นศาสนาหนึ่ง นี้ศาสนากู ใครเข้ามากู
เหยียบ !! ทั้งๆที่ตัวศาสนาคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และคัมฏีร์คือตัวแม่บท ... ทุกวันนี้ผมฝึกอาซาน ทุกคนต่างหัวเราะใรสำเนียงของผม เพราะผมภาษามาลายูไม่ได้ ผมเสัยคว่ามรู้สึก #
ผมซื้อหนังสือสอนศาสนามาอ่าน หลายคนยังทำผิด อยากขออนุญาติตักเตือนทำไม่ได้ .... เพร่าะผมเป็นมุอัลลัฟ หลายครั้งหลายคราวผมเสียความรู้สึกแยกตัวไผมัสกัส(ดะวะห์) พบปะพี่น้องมุสลิมมาจากภาคเหนือของผระเทศไทย เขาแลดูเอ็นดูและสั่งสอนอัลกุอาน ..
สุดท้ายไม่กี่ตัวความสุขจากการเรียนรู้ก็จบลง เพราะทีมดะวะห์ต้องเดินทางกันต่อ ... รู้สึกเหมือนกลับมาโลกแห่งการเรียนรู้ที่แคบลงทันที ไม่นานผมแต่งงานกับสาวจังหวักนราธิวาส อัลหัมดุลิล.... พระแงค์มอบบททดสอบที่หลวงกว่าเดิม ครอบครัวเขาเกลียดชังมุอัลลัฟ เพราะคุณตาเขาเป็นโต๊ะบินละห์ ...
ความเข้าใจว่ามีคนในครอบครัวมีตำแหน่งแล้วต้องได้ลูกเขยที่เก่งศาสนา ... ผมเหมือนมูอัลลัฟที่โตได้ครึ่งนิ้วก็โดนเหยียบอีกรอบ ... 6 เดือนที่ผ่านมายอมรับว่ามีเรื่องดีๆเข้ามาไม่น้อยเหมือนกีน แต่ผมยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเพราะผมไม่เข้าใจภาษามาลายู คุยกับผู้ใหญ่ไม่ได้ และเพราะผมเป็น "มุอัลลัฟ'
#อยากฝากพี่น้องมุสลิมทุกคน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากละหมาดร่วมกับทุกคน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากเรียนอัลกุอาน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากมีร่วมทำกิจกรรมทางศาสนา
"มุอัลลัฟ" ทุกคน ก็มี '' ความรู้สึก " ....
จากใจมุอเลลัฟ (เข้ารับอิสลามใหม่)
ตังแต่แรกที่ผมหล่าวชาฮาดะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแกะดำ ทุกคนี่เข้ามาละหมาดมองผมด้วยสายตา ไอ้มูอัลลัฟ แต่ก็ยังมีคนดีๆพยายามเข้ามาสอนการละหมาดแต่สุดท้ายก็จากไปพร้อมคำเยาะเย้ย ผู้นำหลายคนพยายามไม่ยุ่งเริ่องของผม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ; จริงๆ ผมสามารถเที่ยวเตร่ได้ตลออ แต่ทำไม ? ผมหยุดที่อิสลาม เพราะผมเชือเสมอว่าพระองค์อบฮิดายะให้นำทางแล้ว แต่เสียดายที่ดูมืดหมืนเกินไป เพราะหุกคนดูแลใจแคบ พร้อมจะเหยียบ...
เพราะผมเป็นมุอัลลัฟ !! ดูเหมือนประเทศจะแบงแยากศาสนา นั้นศาสนาหนึ่ง นี้ศาสนากู ใครเข้ามากู
เหยียบ !! ทั้งๆที่ตัวศาสนาคือที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และคัมฏีร์คือตัวแม่บท ... ทุกวันนี้ผมฝึกอาซาน ทุกคนต่างหัวเราะใรสำเนียงของผม เพราะผมภาษามาลายูไม่ได้ ผมเสัยคว่ามรู้สึก #
ผมซื้อหนังสือสอนศาสนามาอ่าน หลายคนยังทำผิด อยากขออนุญาติตักเตือนทำไม่ได้ .... เพร่าะผมเป็นมุอัลลัฟ หลายครั้งหลายคราวผมเสียความรู้สึกแยกตัวไผมัสกัส(ดะวะห์) พบปะพี่น้องมุสลิมมาจากภาคเหนือของผระเทศไทย เขาแลดูเอ็นดูและสั่งสอนอัลกุอาน ..
สุดท้ายไม่กี่ตัวความสุขจากการเรียนรู้ก็จบลง เพราะทีมดะวะห์ต้องเดินทางกันต่อ ... รู้สึกเหมือนกลับมาโลกแห่งการเรียนรู้ที่แคบลงทันที ไม่นานผมแต่งงานกับสาวจังหวักนราธิวาส อัลหัมดุลิล.... พระแงค์มอบบททดสอบที่หลวงกว่าเดิม ครอบครัวเขาเกลียดชังมุอัลลัฟ เพราะคุณตาเขาเป็นโต๊ะบินละห์ ...
ความเข้าใจว่ามีคนในครอบครัวมีตำแหน่งแล้วต้องได้ลูกเขยที่เก่งศาสนา ... ผมเหมือนมูอัลลัฟที่โตได้ครึ่งนิ้วก็โดนเหยียบอีกรอบ ... 6 เดือนที่ผ่านมายอมรับว่ามีเรื่องดีๆเข้ามาไม่น้อยเหมือนกีน แต่ผมยังรู้สึกเหมือนเป็นคนนอกเพราะผมไม่เข้าใจภาษามาลายู คุยกับผู้ใหญ่ไม่ได้ และเพราะผมเป็น "มุอัลลัฟ'
#อยากฝากพี่น้องมุสลิมทุกคน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากละหมาดร่วมกับทุกคน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากเรียนอัลกุอาน
"มุอัลลัฟ" ทุกคนก็อยากมีร่วมทำกิจกรรมทางศาสนา
"มุอัลลัฟ" ทุกคน ก็มี '' ความรู้สึก " ....