The Equalizer 2 (Antoine Fuqua, 2018) คะแนน C+
By Form Corleone
"บทภาพยนตร์ไม่ค่อยมีทิศทางแต่ช่วงไคลแมกซ์ยังพอได้ร่วมสนุก" ปัญหาของ 'The Equalizer 2' คือการพาเราไปเข้าใจตัวละครหลักว่าพยายามจะสั่งสอนคนรอบข้างยังไง และพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน ทั้งหมดใช้ระยะเวลาที่ยืดยาวเกินไป จนแทบไม่น่าติดตามและไม่มีส่วนร่วมไปกับเนื้อหาสาระในแง่มุมของสภาพตัวละคร บทภาพยนตร์ในเรื่องดูไม่มีทิศทางและหาทางลงในส่วนของบทสรุปง่ายเกินไป ประกอบกับจังหวะที่หนังเลือกใช้ในการดำเนินเรื่องขาดความสมดุลอยู่เป็นระยะๆ ทั้งนี้ การแสดงของ 'เดนเซล วอชิงตัน' ได้ช่วยทำให้บทภาพยนตร์ที่มีทิศทางส่ายไปส่ายมาหรือบางขณะเบาบางเหลือเกินให้ดูดีขึ้นมาได้บ้างในบางสถานการณ์ ประกอบด้วยแอคติ้งต่างๆที่ทำให้ตัวละครหลักดูมีชีวิตจับต้องได้ เป็นคนธรรมดาที่ลุกมาทำอะไรเพื่อคนอื่น แฝงตัวไปกับฝูงชนอย่างสามัญธรรมดา เสมือนคุณลุงใจดีที่มีเบื้องหลังเป็นฮีโร่ช่วยเพื่อนมนุษย์ อนึ่ง ตัวร้ายในเรื่องเป็นฝ่ายตรงข้ามตัวหลักที่มีอุดมการณ์ที่ต่างกันในแง่มุมการมีชีวิตรอด แม้ว่าหนังจะโฟกัสที่ตัวร้ายได้ตื้นเขินเกินไปอย่างน่าเสียดายก็ตาม
อย่างไรเสีย งานแอคชั่นภายในเรื่องยังคงตอบสนองความบันเทิงและมีลูกเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ ดูเท่ห์ในบริบทของการต่อสู้ที่ตัวละครเลือกกระทำ พร้อมด้วยฉากไคลแมกซ์ขอเรื่องที่ถูกจัดสรรวางตำแหน่งได้ดี แม้ว่าจะต้องรอกันยาวนานกว่าจะได้ดูชม เราคิดว่าถ้าหนังเองมีความกระชับลงมากว่านี้น่าจะดูลงตัวและมีน้ำหนักที่สมดุลในมิติต่างๆมากขึ้น เพราะความยาว 2 ชั่วโมง ที่หนังเลือกนำเสนอนั้นอยู่บทฐานความเชื่องช้าเกินความจำเป็น ท้ายสุด 'The Equalizer 2' มีฉากแอคชั่นและการแสดงที่ช่วยแบกหนังเอาไว้ให้ดูตื่นตาตื่นเต้นในรูปแบบงานสไตล์แอคชั่นผสมทริลเลอร์ จุดอ่อนคือบทภาพยนตร์ที่ไม่มีแกนหลักชัดเจนจนไม่มีอะไรให้ยึดเป็นรูปเป็นร่างและความยืดยาวเกินไปจนอาจจะเผลอท้อได้ว่าเมื่อไหร่จะมีฉากแอคชั่นมาสักที...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: The Equalizer 2 (Antoine Fuqua, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
By Form Corleone
"บทภาพยนตร์ไม่ค่อยมีทิศทางแต่ช่วงไคลแมกซ์ยังพอได้ร่วมสนุก" ปัญหาของ 'The Equalizer 2' คือการพาเราไปเข้าใจตัวละครหลักว่าพยายามจะสั่งสอนคนรอบข้างยังไง และพัฒนาตัวเองไปในทิศทางไหน ทั้งหมดใช้ระยะเวลาที่ยืดยาวเกินไป จนแทบไม่น่าติดตามและไม่มีส่วนร่วมไปกับเนื้อหาสาระในแง่มุมของสภาพตัวละคร บทภาพยนตร์ในเรื่องดูไม่มีทิศทางและหาทางลงในส่วนของบทสรุปง่ายเกินไป ประกอบกับจังหวะที่หนังเลือกใช้ในการดำเนินเรื่องขาดความสมดุลอยู่เป็นระยะๆ ทั้งนี้ การแสดงของ 'เดนเซล วอชิงตัน' ได้ช่วยทำให้บทภาพยนตร์ที่มีทิศทางส่ายไปส่ายมาหรือบางขณะเบาบางเหลือเกินให้ดูดีขึ้นมาได้บ้างในบางสถานการณ์ ประกอบด้วยแอคติ้งต่างๆที่ทำให้ตัวละครหลักดูมีชีวิตจับต้องได้ เป็นคนธรรมดาที่ลุกมาทำอะไรเพื่อคนอื่น แฝงตัวไปกับฝูงชนอย่างสามัญธรรมดา เสมือนคุณลุงใจดีที่มีเบื้องหลังเป็นฮีโร่ช่วยเพื่อนมนุษย์ อนึ่ง ตัวร้ายในเรื่องเป็นฝ่ายตรงข้ามตัวหลักที่มีอุดมการณ์ที่ต่างกันในแง่มุมการมีชีวิตรอด แม้ว่าหนังจะโฟกัสที่ตัวร้ายได้ตื้นเขินเกินไปอย่างน่าเสียดายก็ตาม
อย่างไรเสีย งานแอคชั่นภายในเรื่องยังคงตอบสนองความบันเทิงและมีลูกเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ ดูเท่ห์ในบริบทของการต่อสู้ที่ตัวละครเลือกกระทำ พร้อมด้วยฉากไคลแมกซ์ขอเรื่องที่ถูกจัดสรรวางตำแหน่งได้ดี แม้ว่าจะต้องรอกันยาวนานกว่าจะได้ดูชม เราคิดว่าถ้าหนังเองมีความกระชับลงมากว่านี้น่าจะดูลงตัวและมีน้ำหนักที่สมดุลในมิติต่างๆมากขึ้น เพราะความยาว 2 ชั่วโมง ที่หนังเลือกนำเสนอนั้นอยู่บทฐานความเชื่องช้าเกินความจำเป็น ท้ายสุด 'The Equalizer 2' มีฉากแอคชั่นและการแสดงที่ช่วยแบกหนังเอาไว้ให้ดูตื่นตาตื่นเต้นในรูปแบบงานสไตล์แอคชั่นผสมทริลเลอร์ จุดอ่อนคือบทภาพยนตร์ที่ไม่มีแกนหลักชัดเจนจนไม่มีอะไรให้ยึดเป็นรูปเป็นร่างและความยืดยาวเกินไปจนอาจจะเผลอท้อได้ว่าเมื่อไหร่จะมีฉากแอคชั่นมาสักที...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/