+LFC+ Andrew Robertson จากเด็กแคชเชียร์...สู่กับตันทีมชาติสกอตแลนด์

นานามาลัย



               ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนว่าตอนแรกจะนอนแล้ว แต่บังเอิญไปเห็นข่าวดีเลยคิดถึงกระทู้ของพี่หญิง Buska ที่ทำไว้เมื่อนานมาแล้ว ขออนุญาตยกลิงก์กระทู้และข้อความบางส่วนมานะคะ พอดีว่าเรื่องของโรเบิร์ตสายควันของลิเวอร์พูลมันเป็นเรื่องที่ชวนประทับใจและให้แรงบันดาลใจหลายๆ อย่าง จึงอยากเอามาแชรือีกครั้งน่ะค่ะ


“ย้อนกลับไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว มีช่วงนึงที่เจ้าตัวยังเป็นพนักงานแคชเชียร์ในซุปเปอร์มาเก็ตอยู่เลยอยู่เลย แล้วก็มีคนช่วยเหลือให้เข้ามาทำงานที่สนามแฮมพ์เด้น ทำงานตั้งแต่ 09.00 - 17.00 น. แล้วพอหกโมงเย็นยังต้องไปซ้อมฟุตบอลต่อ แต่ก็ทำให้มีเงินใช้ในครอบครัวมากขึ้น (ตอนนี้คงดีขึ้นมามากกว่าเดิม เพราะรับกับลิเวอร์พูลที่ 50,000 ปอนด์ต่อวีค) เห็นร็อบโบ้บอกว่ามันยากเหมือนกันนะ ก็ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว

โชคดีที่ต่อมาเจ้าตัวก็ได้ขึ้นชุดใหญ่ให้ควีนปาร์ค ทีมดิวิชั่น 4 ในสก็อตแลนด์ ก่อนได้ขึ้นมาดันดี ยูไนเต็ด ทีมในลีคสูงสุดของสก็อตแลนด์ ก่อนจะย้ายมาฮัลล์ ซิตี้ ปีที่อยู่แชมป์เปี้ยนชิป ก่อนจะเลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่พรีเมียร์ลีค และตกลงไปอีก แล้วลิเวอร์พูลก็ไปซื้อตัวมา”
เครดิตกระทูพี่หญิง Buska_Buska : https://ppantip.com/topic/37560197

ก่อนอื่นต้องพูดถึงเรื่องการที่นักฟุตบอลจากทีมตกชั้นย้ายมาสู่การเป็นแบ็คซ้ายตัวจริงของลิเวอร์พูลในปัจจุบัน จุดเปลี่ยนมันเกิดขึ้นเมื่อร็อบโบ้เข้าไปคุยกับป๋าคล็อปป์ค่ะ

------------------------------------------
#แค่เคาะประตูห้องชีวิตก็เปลี่ยนไป

          - กรกฎาคมปีก่อน แอนดี้ โรเบิร์ตสัน โยกเข้ารังแอนฟิลด์จากฮัลล์ด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ การลงทุนดังกล่าวไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แค่เอามาเสริมบนม้านั่งสำรอง หลายคนมองอย่างนั้น
          - สามเดือนผ่านไป โรเบิร์ตสัน เป็นเพียงตัวเสริมตามคาด โอกาสลงเล่นตัวจริงแค่ 3 นัดจาก 15 เกมแรก
          - ปลายเดือนตุลาคม หนุ่มสก็อตต์พยายามทบทวนบทบาทตัวเอง ตกลงมาลิเวอร์พูลเพื่ออะไร และถ้าปล่อยเป็นแบบนี้เรื่อยๆ โอกาสจะลดลงอีกรึเปล่า?
          - มันไม่ง่ายนักหรอกครับที่นักเตะคนหนึ่งจะกล้าเดินเข้าไปเคาะประตูห้องผู้จัดการทีม เพื่อเคลียร์ตัวต่อตัว แต่ "ร็อบโบ้" ทำมัน...เพียงทำอย่างมีสติ
          - "ผมไม่ได้ต้องการไปเพื่อถามว่า "ทำไมผมไม่ได้เล่น" หรือ "ผมดีกว่าเขานะ เจ้านายต้องเลือกผม" อะไรทำนองนั้น" เขาเริ่มเล่าฉากสำคัญ
          - "มันคงไม่มีประโยชน์ ถ้าผมไปด้วยอารมณ์เดือดดาลและตะโกนถามสิ่งเหล่านั้น เรื่องที่ผมอยากรู้คือ ผมต้องทำอะไรบ้างเพื่อเข้าใกล้การเป็นส่วนหนึ่งของทีม และ เพื่อเป็นตัวเลือกของคุณในเกมแข่งขัน"
          - เหมือนเด็กนักเรียนต้องการคำอธิบาย ทำไมเกรดต่ำกว่าปกติ หรือพนักงานชั้นล่างคนหนึ่งอยากไปคุยกับผู้จัดการ ทำไมไม่ได้รับโอกาสอย่างที่ควรจะเป็น
          - เงื่อนไขตอบรับกลายเป็น เยอร์เกน คล็อปป์ รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรรับมืออย่างไร?
          - "เขา(คล็อปป์)เปิดประตูและอ้าแขนต้อนรับผม อธิบายหลายเรื่อง อธิบายแบบชัดเจน ผมต้องพิสูจน์ตัวเอง และใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับทีมมากกว่านี้"
          - "เขารู้ว่านี่คือช่วงยากลำบากสำหรับผม แต่ไม่มีถ้อยคำทำร้ายจิตใจ เขาไม่เคยบอกว่า "ฉันคือผู้จัดการทีม มีอำนาจตัดสินใจว่านายสมควรหรือไม่?" ยืนยันตรงนี้เลยว่า ผมเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกดีขึ้นกว่าตอนเดินเข้ามา"
          - "ในใจผมเริ่มพองโต "นี่แหละคำพูดที่ฉันอยากได้ยิน!" ผมบอกตัวเองอย่างนั้น และใช้แรงขับเคลื่อนลุยไปข้างหน้า ซ้อมให้ดีที่สุดเพื่อเตรียมพร้อมเมื่อโอกาสมาถึง"
          - ทุกอย่างดีขึ้น แววตามุ่งมั่นเดินเครื่องอย่างหนัก กระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็คซ้าย พร้อมตำแหน่งหนึ่งในนักเตะขวัญใจแฟนบอล
          - อีกครั้งที่เราเห็นเรื่องราวทัศนคติดีๆ แม้โลกหมุนเร็วขนาดไหน แต่สุดท้ายฟุตบอลไม่ใช่เรื่องแค่ในสนาม
          - มันอาจแตกต่างออกไป หากนายใหญ่ลิเวอร์พูลไม่ใช่ เยอร์เกน คล็อปป์ กุนซือผู้มีความเป็นเลิศทางจิตวิทยา รู้วิธีพูดกระตุ้นให้ฮึกเหิม,พร้อมออกไปรบในสังเวียนต่อสู้
          - ตัวอย่างรูปธรรมเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่เฉพาะเรื่องกีฬา ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ขับเคลื่อนด้วยทัศนคติตัวเอง
          - ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ ... ยังไงมันก็ไม่แพ้

#FlyingFullBack
เครดิตเพจ : Yuk DD ลิงก์ https://goo.gl/fN8WhX



ข่าวจาก siamsport
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ๊กจอมลุย ลิเวอร์พูล ยิ้มแก้มปริ นอกจากผลงานกับสโมสรเยี่ยมยอดจนรั้งบัลลังก์จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวยังได้รับการประกาศให้เป็นกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์คนใหม่ด้วยวัย 24 ปี
    โรเบิร์ตสัน ได้รับความไว้วางจาก อเล็กซ์ แม็คลีช โค้ชทีมชาติที่จับตาดูพัฒนาการของดาวเตะลิเวอร์พูลมาตลอด ให้เป็นผู้นำทัพตาร์ตันลุยศึก เนชั่นส์ ลีก ที่กำลังจะมาถึงแทนที่คนเก่าอย่าง ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หลังจากที่เกมประเดิมงานของเขา เลือกใช้ทั้ง ชาร์ลี มัลกรูว์ และ สกอตต์ แม็คเคนน่า

    สำหรับ โรเบิร์ตสัน ปัจจุบันอายุ 24 ปี และมีพัฒนาการที่รุดหน้ารวดเร็ว จาก ควีนส์พาร์ค ในบ้านเกิดสู่ ดันดี ยูไนเต็ด, ฮัลล์ ซิตี้ กระทั่งล่าสุดคือ ลิเวอร์พูล ที่ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงเต็มตัวในยุค เจอร์เก้น คล็อปป์

    ส่วนในระดับทีมชาติ ดาวเตะที่เกิดในเมือง กลาสโกว์ ประเดิมสนามตั้งแต่ปี 2014 และลงสนามไปทั้งสิ้น 22 เกม
เครดิตข่าว siamsport : http://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/88200

------------------------------------------
และจากไทม์ไลน์ชีวิตของร็อบโบ้ในกระทู้ของพี่หญิง
จากเด็กแคชเชียร์
v
พนักงานในสนาม
v
เล่นให้ทีมดิวิชั่น 4 สก็อตแลนด์
v
เล่นให้ดันดี ยูไนเต็ด ทีมในลีคสูงสุดสก็อตแลนด์
v
เล่นให้ฮัลล์ ซิตี้ ในแชมป์เปี้ยนชิป
v
เลื่อนชั้น
v
เล่นให้ฮัลล์ ซิตี้ในลีคสูงสุด
v
ตกชั้น
v
ลิเวอร์พูลไปซื้อมา

และตอนนี้
เขาเป็นแบ็กซ้ายตัวจริงของลิเวอร์พูล
รวมทั้ง
...
ในที่สุดก็ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์ในตอนนี้


พิมพ์ไปน้ำตาก็จะไหล นึกไม่ถึงว่าแบ็กโนเนมในวันนั้น จะได้เป็นกัปตันทีมชาติในวันนี้ เหมือนป๋าคล็อปปั้นดินให้เป็นดาวยังไงก็ไม่รู้ค่ะ
เห็นแล้วมันอิ่มเอมใจเหมือนสามีตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิต อิอิ
จุ๊บๆ

สุดท้ายนี้

พอดีน้องไม่ค่อยเก่งวิเคราะห์ฟุตบอลนัก เพราะดูเพื่อความบันเทิง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้อยากเขียนกระทู้นี้ก็คือร็อบโบ้เป็นแรงบันดาลให้เราได้จริง เลยอยากให้ทุกท่านที่กำลังท้อหรือเซ็งๆ ได้อ่านอะไรที่จรรโลงใจบ้างค่ะ

ปล.ทวิตเตอร์ของโรเบิร์ตสายควันทวิตนี้นะคะ : https://twitter.com/andrewrobertso5

miniheart
ปีกาซัส
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่