365 วันรักเธอคนเดียว หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ เถียนมีมี่ เป็นหนังระดับขึ้นหิ้งของฮ่องกง ผลงานกำกับของปีเตอร์ โฮ ซุน ชาน
กระทู้นี้เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึงความหลังของหนังเรื่องนี้ โดยพยายามมองและอ่านในด้านงานที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจสังคมในยุคนั้น
(บทความอาจมีการอ้างอิงหนังเรื่อง In the mood for love ของหว่องกาไว เพราะเป็นบทความต่อเนื่องกันมา)
หลี่เสี่ยวจิน ขึ้นรถไฟมาจากแผ่นดินใหญ่ พอถึงฮ่องกงก็ฝากตัวขออาศัยอยู่กับคุณป้า ผู้หญิงสูงอายุที่น่าจะอนุมานได้ว่ามาแสวงโชคที่นี่เช่นกัน เธอเล่าถึงดาราฮอลลีวูดที่ชื่อ วิลเลี่ยม โฮลเด็น เป็นวรรคเป็นเวร บางคนแถวนั้นก็ครหาว่าเธอคงเพี้ยน คลั่งดาราจนเอามามโนว่าฝรั่งที่ไหนไม่รู้เป็นดารา
หลี่เฉียวเป็นพนักงานร้านแม็คโดนัลด์ ที่ร้านเธอเป็นแค่ลูกจ้างทั่วไป วันดีคืนดีเสี่ยวจินงกๆ เงิ่นๆ เดินเข้ามาสั่งอาหารในร้านและหวังจะได้งานที่นี่ทำบ้าง หลี่เฉียวไม่รอช้าเห็นความซื่อในตัวเขาจึงหลอกให้ไปเรียนสถาบันภาษาอังกฤษที่เธอได้ค่านายหน้า
แม้จะไม่อยากเสวนาพาทีอะไร เธอก็แลเห็นประโยชน์บางอย่างในความซื่อจนบื้อของเสี่ยวจิน เธอใช้ให้เขาทำงานสารพัดอย่าง แลกกับค่าตอบแทนเล็กน้อย เช่นการเช่าวิดีโอโป๊ให้ดูที่บ้าน
จนกระทั่งวันตรุษจีนปี 1987 หลี่เฉียวคิดเอาดีทางด้านขายเทปเพลงเติ้งลี่จวินที่ตลาดนัด คืนนั้นทั้งคืนเทปขายไม่ออก และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดตามมา เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ต่างคิดไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน
ถ้าหาก In the mood for love คือไดอารี่ของคนยุคเบบี้บูม เถียนมีมี่ก็คือไดอารี่ของคนเจนเอ็กซ์ ที่หวานอมขมกลืนและพลิกผันกว่ามาก
การดิ้นรนภายใต้สภาพเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ผูกติดกับความฝัน ความหวัง ที่จะได้มีชีวิตคู่ดีๆ มีบ้าน มีความมั่นคงทางการเงิน
ในภาพใหญ่คือการเคลื่อนตัวของแรงงานจากชนบทมาสู่เมือง การลบล้างกำพืดเดิมไม่ให้เหลือร่องรอยของคนต่างถิ่นเฉิ่มเชย กลายเป็นคนเมืองที่พรั่งพร้อมด้วยรูปทรัพย์
น่าสนใจมากเมื่อหนังเล่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่สุกงอม ขณะเดียวกันมันก็กำลังสวนทางกับภาวะทางการเงิน หลี่เฉียวหมดเงินไปกับการลงทุนจนต้องไปทำงานเป็นหมอนวดหาลำไพ่พิเศษ
แต่เสี่ยวจินกลับมีเงินเก็บ จนสามารถซื้อสร้อยทอง เครื่องประดับที่แสดงการเข้าถึงของที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ใช่แค่บัตรเอทีเอ็มที่มูลค่าอิงกับเงินในบัญชี
แน่นอนว่าเขาไม่รู้เท่าทันสิ่งนี้ไปก่อนหลี่เฉียว สร้อยข้อมือเส้นที่สองมันทำให้หลี่เฉียวตระหนักรู้ทั้งความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออก และตอกย้ำสถานะอันล้มเหลวของตัวเอง
เธอไม่กล้าสู้ความจริงที่ว่าการมาแสวงโชคครั้งนี้ลงเอยด้วยความล้มเหลว และการมีเสี่ยวจินอยู่มันยิ่งพลาดซ้ำอีกเพราะเธอกำลังเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน
Comrades Almost A Love Story จึงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและบาดลึกกว่า In the mood for love เมื่อมันเล่าว่าการตัดใจจากใครสักคนมันช่างแสนยากเย็น ยากพอๆ กับการเอาตัวรอดในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์
มันจึงสมเหตุสมผลที่ตัวละครเลือกทิ้งสิ่งหนึ่ง เพื่อไปหาอีกสิ่งหนึ่ง โดยไม่พิรี้พิไรอาลัยอาวรณ์เหมือนคนสมัยก่อนอีกแล้ว ขณะเดียวกันค่านิยม ความเชื่อแบบเดิมมีแต่จะถูกท้าทายและถูกทำให้เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ
หนังแสดงหลักฐานดังกล่าวด้วยภาพมาเฟียแบบพี่เป้าที่มาจบชีวิตที่อเมริกา การตายอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของคุณป้าที่ตายไปพร้อมกับความจริงเรื่องวิลเลี่ยม โฮลเด็น ที่ไม่มีคนเชื่อ
แต่สำหรับคนยุคต่อมา อุดมการณ์ที่เคยวาดฝันตอนยังเยาว์วัยนั้น ก็ถูกเวลากัดกร่อนลงไปด้วย
บ้านที่หลี่เฉียวเคยฝันจะสร้างให้แม่ของเธอ ถึงจะสร้างเสร็จ แต่แม่ก็ไม่มีวันได้เห็นมัน ความสุขในชีวิตคู่ของเสี่ยวจินกับคู่หมั้นก็พังทลายลงจนคนที่เคยร่าเริงแบบเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงตอนจบของหนัง ครั้งหนึ่งเราเคยมองว่ามันโรแมนติคที่คนสองคนได้กลับมาพบกันราวกับพรหมลิขิตได้ขีดทางเอาไว้ แต่การสูญเสียเติ้งลี่จวินไปในวันนั้น มันอาจเหมือนกับการได้สูญเสียความไร้เดียงสาและทิ้งบาดแผลอันเจ็บปวดที่ยากจะลืมไว้ด้วยใช่หรือไม่ ???
---------------------------------------------------------------------------------------
สนใจอ่านรีวิวหนังเก่าๆ หนังเอเชียน หนังนอกกระแสต่าง
ติดตามเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุค
www.facebook.com/beingalter
[CR] Comrades Almost A Love Story วิจารณ์ เถียนมีมี่ 365 รักเธอคนเดียว
กระทู้นี้เขียนขึ้นเพื่อรำลึกถึงความหลังของหนังเรื่องนี้ โดยพยายามมองและอ่านในด้านงานที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจสังคมในยุคนั้น
(บทความอาจมีการอ้างอิงหนังเรื่อง In the mood for love ของหว่องกาไว เพราะเป็นบทความต่อเนื่องกันมา)
หลี่เสี่ยวจิน ขึ้นรถไฟมาจากแผ่นดินใหญ่ พอถึงฮ่องกงก็ฝากตัวขออาศัยอยู่กับคุณป้า ผู้หญิงสูงอายุที่น่าจะอนุมานได้ว่ามาแสวงโชคที่นี่เช่นกัน เธอเล่าถึงดาราฮอลลีวูดที่ชื่อ วิลเลี่ยม โฮลเด็น เป็นวรรคเป็นเวร บางคนแถวนั้นก็ครหาว่าเธอคงเพี้ยน คลั่งดาราจนเอามามโนว่าฝรั่งที่ไหนไม่รู้เป็นดารา
หลี่เฉียวเป็นพนักงานร้านแม็คโดนัลด์ ที่ร้านเธอเป็นแค่ลูกจ้างทั่วไป วันดีคืนดีเสี่ยวจินงกๆ เงิ่นๆ เดินเข้ามาสั่งอาหารในร้านและหวังจะได้งานที่นี่ทำบ้าง หลี่เฉียวไม่รอช้าเห็นความซื่อในตัวเขาจึงหลอกให้ไปเรียนสถาบันภาษาอังกฤษที่เธอได้ค่านายหน้า
แม้จะไม่อยากเสวนาพาทีอะไร เธอก็แลเห็นประโยชน์บางอย่างในความซื่อจนบื้อของเสี่ยวจิน เธอใช้ให้เขาทำงานสารพัดอย่าง แลกกับค่าตอบแทนเล็กน้อย เช่นการเช่าวิดีโอโป๊ให้ดูที่บ้าน
จนกระทั่งวันตรุษจีนปี 1987 หลี่เฉียวคิดเอาดีทางด้านขายเทปเพลงเติ้งลี่จวินที่ตลาดนัด คืนนั้นทั้งคืนเทปขายไม่ออก และเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดตามมา เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ต่างคิดไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อน
ถ้าหาก In the mood for love คือไดอารี่ของคนยุคเบบี้บูม เถียนมีมี่ก็คือไดอารี่ของคนเจนเอ็กซ์ ที่หวานอมขมกลืนและพลิกผันกว่ามาก
การดิ้นรนภายใต้สภาพเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ผูกติดกับความฝัน ความหวัง ที่จะได้มีชีวิตคู่ดีๆ มีบ้าน มีความมั่นคงทางการเงิน
ในภาพใหญ่คือการเคลื่อนตัวของแรงงานจากชนบทมาสู่เมือง การลบล้างกำพืดเดิมไม่ให้เหลือร่องรอยของคนต่างถิ่นเฉิ่มเชย กลายเป็นคนเมืองที่พรั่งพร้อมด้วยรูปทรัพย์
น่าสนใจมากเมื่อหนังเล่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่สุกงอม ขณะเดียวกันมันก็กำลังสวนทางกับภาวะทางการเงิน หลี่เฉียวหมดเงินไปกับการลงทุนจนต้องไปทำงานเป็นหมอนวดหาลำไพ่พิเศษ
แต่เสี่ยวจินกลับมีเงินเก็บ จนสามารถซื้อสร้อยทอง เครื่องประดับที่แสดงการเข้าถึงของที่มีมูลค่าในตัวเอง ไม่ใช่แค่บัตรเอทีเอ็มที่มูลค่าอิงกับเงินในบัญชี
แน่นอนว่าเขาไม่รู้เท่าทันสิ่งนี้ไปก่อนหลี่เฉียว สร้อยข้อมือเส้นที่สองมันทำให้หลี่เฉียวตระหนักรู้ทั้งความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออก และตอกย้ำสถานะอันล้มเหลวของตัวเอง
เธอไม่กล้าสู้ความจริงที่ว่าการมาแสวงโชคครั้งนี้ลงเอยด้วยความล้มเหลว และการมีเสี่ยวจินอยู่มันยิ่งพลาดซ้ำอีกเพราะเธอกำลังเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน
Comrades Almost A Love Story จึงเป็นเรื่องความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและบาดลึกกว่า In the mood for love เมื่อมันเล่าว่าการตัดใจจากใครสักคนมันช่างแสนยากเย็น ยากพอๆ กับการเอาตัวรอดในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามกระแสโลกาภิวัฒน์
มันจึงสมเหตุสมผลที่ตัวละครเลือกทิ้งสิ่งหนึ่ง เพื่อไปหาอีกสิ่งหนึ่ง โดยไม่พิรี้พิไรอาลัยอาวรณ์เหมือนคนสมัยก่อนอีกแล้ว ขณะเดียวกันค่านิยม ความเชื่อแบบเดิมมีแต่จะถูกท้าทายและถูกทำให้เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ
หนังแสดงหลักฐานดังกล่าวด้วยภาพมาเฟียแบบพี่เป้าที่มาจบชีวิตที่อเมริกา การตายอย่างโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาของคุณป้าที่ตายไปพร้อมกับความจริงเรื่องวิลเลี่ยม โฮลเด็น ที่ไม่มีคนเชื่อ
แต่สำหรับคนยุคต่อมา อุดมการณ์ที่เคยวาดฝันตอนยังเยาว์วัยนั้น ก็ถูกเวลากัดกร่อนลงไปด้วย
บ้านที่หลี่เฉียวเคยฝันจะสร้างให้แม่ของเธอ ถึงจะสร้างเสร็จ แต่แม่ก็ไม่มีวันได้เห็นมัน ความสุขในชีวิตคู่ของเสี่ยวจินกับคู่หมั้นก็พังทลายลงจนคนที่เคยร่าเริงแบบเขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงตอนจบของหนัง ครั้งหนึ่งเราเคยมองว่ามันโรแมนติคที่คนสองคนได้กลับมาพบกันราวกับพรหมลิขิตได้ขีดทางเอาไว้ แต่การสูญเสียเติ้งลี่จวินไปในวันนั้น มันอาจเหมือนกับการได้สูญเสียความไร้เดียงสาและทิ้งบาดแผลอันเจ็บปวดที่ยากจะลืมไว้ด้วยใช่หรือไม่ ???
---------------------------------------------------------------------------------------
สนใจอ่านรีวิวหนังเก่าๆ หนังเอเชียน หนังนอกกระแสต่าง
ติดตามเพิ่มเติมได้ทางเฟสบุค www.facebook.com/beingalter