๑. สัทธรรมนิยามสูตรที่ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ แม้
ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมพูดมาก ๑
พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก ๑
พูดปรารภตน ๑
เป็นผู้มีจิตฟุ้งซ่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้มีจิตไม่แน่วแน่มนสิการโดยอุบายไม่แยบคาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม
๕ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความ
ถูกในกุศลธรรม ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ฟังสัทธรรมอยู่
เป็นผู้ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมไม่พูดมาก ๑
ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก ๑
ไม่พูดปรารภตน ๑
เป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้มีจิตแน่วแน่มนสิการโดยอุบายแยบคาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ฟังสัทธรรมอยู่
ก็เป็นผู้ควรหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ฯ
จบสูตรที่ ๑
สัทธรรมนิยามเป็นไฉน
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ แม้
ฟังสัทธรรมอยู่ ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมพูดมาก ๑
พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก ๑
พูดปรารภตน ๑
เป็นผู้มีจิตฟุ้งซ่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้มีจิตไม่แน่วแน่มนสิการโดยอุบายไม่แยบคาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม
๕ ประการนี้แล แม้ฟังสัทธรรมอยู่ก็เป็นผู้ไม่ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความ
ถูกในกุศลธรรม ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ฟังสัทธรรมอยู่
เป็นผู้ควรเพื่อหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ
บุคคลย่อมไม่พูดมาก ๑
ไม่พูดคำพูดที่ผู้อื่นพูดแล้วมาก ๑
ไม่พูดปรารภตน ๑
เป็นผู้มีจิตไม่ฟุ้งซ่านฟังธรรม ๑
เป็นผู้มีจิตแน่วแน่มนสิการโดยอุบายแยบคาย ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ฟังสัทธรรมอยู่
ก็เป็นผู้ควรหยั่งลงสู่นิยาม คือ ความถูกในกุศลธรรม ฯ
จบสูตรที่ ๑