ต้องขอยอมรับไว้ล่วงหน้าว่า ผมเองค่อนข้าง Bias กับ โครงการ Produce 48 มาตั้งแต่ก่อนเริ่มฉายแล้ว
ที่จริงผมเองก็ไม่ได้ anti เกาหลี สุดโต่งสักเท่าไร แต่เนื่องจากปัจจัยหลายๆอย่างได้แสดงให้เห็นว่า
มี"ความไม่ชอบมาพากล"สูง จึงทำให้รู้สึกไม่ดีกับโครงการนี้ครับ
สิ่งที่ผมรู้สึก ก่อนรายการฉาย
ฝ่ายสนับสนุนหลายๆคน และแฟนฝั่ง K จะมองและพยายามนำเสนอว่า Produce 48 นั้นเป็นโครงการธุรกิจแบบ Win-win ที่ทั้งฝ่ายญี่ปุ่นและเกาหลี
โดยที่ฝั่งเกาหลี จะได้ช่องทางในการเข้ามาทำรายได้ในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็จะได้รับโอกาสในการบุกตลาดเกาหลีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา รูปการณ์ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า Mnet เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมด โดยที่ทาง AKS ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากส่งเด็กเข้าแข่ง และประชาสัมพันธ์รายการทาง SNS ของตัวเองเท่านั้น ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที
ตอนนั้น ใจผมนึกย้อนกลับไปถึงนิยายแปลแนวสืบสวนเล่มหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อยังเด็กอยู่
หนังสือเล่มนั้นใช้ชื่อเรื่องว่า "อาร์แซน ลูแปง ปะทะ เชอร์ล็อค โฮล์มส์"เพียงแค่เห็นชื่อเรื่อง ผมก็รู้สึกอยากอ่านขึ้นมาทันที เพราะลูแปง ก็คือจอมโจรมือหนึ่ง ส่วนโฮล์มส์ก็คือยอดแห่งนักสืบ หากให้ทั้งสองคนมาหักเหลี่ยมเฉือนคงกัน ก็คงสนุกมาก ทว่าเมื่อผมอ่านหนังสือไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ก็ผิดหวังมากจนอ่านไม่จบ เพราะในเรื่อง โฮล์มส์เป็นฝ่ายที่โดนลูแปงปั่นหัวตลอด และได้แค่แสดงความฉลาดแบบพื้นๆเท่านั้น พอย้อนกลับไปดูชื่อผู้แต่งก็ร้องอ้อ เพราะคนแต่งคือ Maurice Leblanc ซึ่งเป็นคนเขียนนิยายอาร์แซน ลูแปง ตัวจริงเสียงจริงนี่เอง (และที่จริงผู้เขียนก็ตั้งชื่อในต้นฉบับแบบเลี่ยงบาลี ว่า Herlock Sholmes เพื่อไม่ให้โดน Sir Arthur Conan Doyle ฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์)
ฉันใดก็ฉันนั้น หากเอา Idolดัง ฝั่งญี่ปุ่น มาปะทะ Idol ดัวเกาหลี โดยให้ทางฝั่งเกาหลีดำเนินการจัดการนำเสนอและตัดสินทั้งหมด
มันก็คงออกมาเละไม่แพ้กัน (สำหรับฝั่งญี่ปุ่น)
นอกจากนี้ ก็มีอีกหลายๆปัจจัยที่ทำให้ชวนกังขาว่า Mnet จะทำการนำเสนอและตัดสินอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่
-
วงการบันเทิงเกาหลีและแฟนๆ มีความเป็นคอการเมืองสูง
ดารานักร้องเกาหลีไม่สามารถแสดงตัวโดยเปิดเผยว่าเป็นแฟน J-pop มีการทำหนังญี่ปุ่นเป็นผู้ร้ายออกมาทุกปี ในทางกลับกัน ทางญี่ปุ่นจะเน้น "การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งธุรกิจ" (และนี่อาจทำให้ทางฝั่ง AKS ตามเกมของฝั่งเกาหลีไม่ทัน) ใครที่ออกมาว่าจีนหรือเกาหลี เตรียมหมดอนาคตได้ (พวกคนดังที่ออกมาด่าแบบโต้งๆนั้น มักจะเป็นพวกที่จำกัดวงอยู่ในกลุ่มขวาจัด ซึ่งในความเป็นจริงๆก็ไม่สามารถชี้นำสังคมอะไรได้มาก คนส่วนใหญ่มองว่าบ้าเสียด้วยซ้ำ)
-
กฎการ "โหวตไขว้" ไม่ได้แฟร์อย่างที่คิด
ในตอนแรก Mnet ได้นำเสนอว่า จะนำกฎการโหวตไขว้ (ให้แฟนญี่ปุ่นโหวตได้เฉพาะเด็กเกาหลี ให้แฟนเกาหลีโหวต)มาใช้
เพื่อให้อุ่นใจว่าผลการแข่งจะได้ออกมาแฟร์ๆ แต่หากมองดีๆแล้ว จะพบว่ามันมีกับดักซ่อนอยู่
ในเรื่องวงการบันเทิงนั้น คนดูทางเกาหลีจะเปิดใจรับญี่ปุ่น น้อยกว่าคนดูญี่ปุ่นเปิดใจให้เกาหลี อย่างดาราญี่ปุ่นหลายคนนั้น
สามารถเปิดตัวได้ตรงๆว่าตัวเองเป็นแฟน K-pop ในขณะที่ดาราเกาหลีนั้น ไม่สามารถพูดได้เปิดเผย นอกจากนี้ กับดักชิ้นที่สองก็คือ
Expat ในเกาหลีนั้นมีคนญี่ปุ่นอยู่ประมาณไม่ถึงแสนคน แต่ในขณะที่มีคนเกาหลีในญี่ปุ่นเกือบเก้าแสน เพราะฉะนั้นโอกาสที่ทางเกาหลีจะได้โหวตเยอะกว่านั้นมีอยู่สูงมาก
หากจะให้โหวดกันแฟร์ๆนั้น ผมว่าควรใช้วิธีให้แฟนๆทั้งโลกโหวต เพราะแต่ละฝ่ายจะไม่ได้ได้เปรียบไปกว่ากันมาก
ญี่ปุ่นจะมีจุดแข็งตรงที่ตลาดใหญ่กว่า แต่เกาหลีก็จะได้เปรียบตรงที่มีแฟนๆในตลาดอินเตอร์กว้างขวางกว่า
- ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ที่ AKB48 ไปแสดงในงาน MAMA ของเกาหลี แล้วสื่อเกาหลีตัดต่อออกมาให้ดูว่าแสดงห่วยกว่าที่เป็นจริง ("ตัดต่อผี")
- Mnet และรายการ Produce เป็นที่ทราบกันในหมู่แฟนๆที่ตามมาแต่เดิมว่า เน้นดราม่า มีการชี้นำให้เข้าธงที่ตนตั้งไว้ และมีการตัดต่อผี
ผมประเมินว่าจริงๆแล้ว Mnet มี Hidden Agenda อยู่สองอย่างครับ
1. แสดงให้ผู้ดูเห็นว่า K-pop เหนือกว่า J-pop ในเชิงคุณภาพ J-pop มีดีแค่ตลาดใหญ่กว่าเท่านั้น
2. ฮุบซากุระ และเมมเบอร์ระดับท็อปคนอื่นๆ มาเป็นพวกตัวเองเพื่อเสริมบารมี
และผลลัพธ์ของการแข่งขันที่จะได้ก็คือ ผู้ที่ชนะการแข่งขัน จะมีเด็กเกาหลีมากกว่าเด็กญี่ปุ่นในสัดส่วนที่ต่างกันมาก ( 8:4 หรือสูงกว่า)
โดยเด็กญี่ปุ่นที่ได้จะเป็นเมมเบอร์ที่ทาง Mnet เล็งไว้ เพื่อที่ว่าวงที่ฟอร์มขึ้นมา จะทำตาม Hidden Agenda ข้อ 1 ต่อไป
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่แข่งขันก็อาจจะมีการยอมถอยให้ฝั่งญี่ปุ่นเล็กน้อยเพื่อเลี้ยงกระแส
----------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่เกิดจริง หลังรายการฉาย
1. Mnet ทำตัวไม่ชอบมาพากลจริง
- มีการเปลียนกฎการโหวต จากการโหวดไขว้ ที่ทำให้ฝั่งเกาหลีได้เปรียบอยู่แล้ว
มาเป็นให้เกาหลีโหวตทั้งหมด เพื่อให้ฝั่งเกาหลีได้เปรียบสุดๆ ซึ่งจะทำให้บรรลุตาม Hidden Agenda ที่ต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า K-pop เหนือกว่า
- มีการกำหนดเนื้อหาสัญญาหลังเดบิววงใหม่ ในลักษณะที่ล็อกให้เมมเบอร์ทาง 48 Group ที่ชนะ ต้องอยู่กับวงใหม่ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เดิมโดยอิสระ
- มีการตัดต่อผี มีการสร้างดราม่าชี้นำ เหมือนที่คาดไว้
2. ฝั่งผู้ชมเกาหลีก็นำดราม่าการเมืองมาเกี่ยวกับเด็กเหมือนเดิม
- มีการปล่อยข่าวสกัดดาวรุ่งเด็กญี่ปุ่น เมื่อครบรอบสงครามโลกครั้งที่สอง และจุดกระแสชาตินิยมเกาหลี
3. ที่จริงแล้ว AKS มีกลยุทธลับซ่อนไว้เหมือนกัน แต่ไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่
- หลังรายการฉาย ผมเห็นได้ว่า ที่จริงแล้ว AKS ก็มีแผนลึกซึ้งอยู่เหมือนกัน
โดย เป้าหมายที่ AKS เล็งอยู่จริงๆนั้น อาจไม่ใช่ตลาดเกาหลี (ที่ไงๆก็เข็นให้ขึ้นยาก) แต่เป็น ตลาดโลกที่เป็นแฟน K-pop ต่างหาก
เพราะๆ แฟนชาวต่างประเทศหลายคนที่ไม่ได้สนใจ J-pop มาก่อน ก็ต้องมนต์เสน่ห์เด็กญี่ปุ่นหลายคนในรายการ และเริ่มตาม 48 Group นับจากนั้น
อย่างไรก็ตาม AKS ก็ยังพลาดอยู่ดีตรงที่ตนเองมอบอำนาจการบริหารจัดการให้ Mnet ไปแล้ว เลยทำให้กลยุทธนี้ไม่สามารถเกิดประสิทธิภาพได้เต็มที่
4. Mnet บรรลุเป้าหมายในการนำเสนอให้โลกเห็นว่า K-pop เหนือกว่า J-pop
ความจริง Mnet บรรลุเป้าหมายในการนำเสนอว่า K-pop เหนือกว่า มาตั้งแต่ก่อนเริ่มฉายรายการแล้ว
เพราะการที่ AKB48 ยอมส่งตัว top มาลงแข่งก็เหมือนเป็นการยอมรับโดยกลายๆว่า ทาง K-pop เหนือกว่า
การที่ซากุระออกความเห็นในตอนเข้ามาแข่งขัน ก็เป็นการสื่อกลายๆว่า เธอมองว่า K-pop เหนือกว่า
(ที่จริงผมว่าซากุระเองเป็นเด็กดี ถ่อมตัว และก็รัก 48 Group ในแบบของเธออยู่เหมือนกัน แต่เธอก็อ่านเกม Mnet ไม่ทัน)
แฟนๆ 48 Group ที่เห็นดีเห็นงาม กับ Produce 48 ก็มองว่า การไปเกาหลีนั้นจะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆจากเกาหลี ซึ่งก็ตีความได้ว่า
แฟนๆถูกทำให้เชื่อว่า K-pop เหนือกว่า J-pop ไปแล้ว
พอรายการฉายจริง แม้จะพบว่า เด็กญี่ปุ่น ไม่กระจอกอย่างที่คิด
แต่ Mnet ก็สามารถแก้เกมได้อย่างรู้ทัน โดยการช่วยดัน และช่วยแต่งหน้าให้ดูสวยไปเลย
ทำให้คนดูทีรู้สึกว่า "ที่จริงฝั่งญี่ปุ่นก็เก่งนะ" กลายมาเป็น "48 Group เหมือนไก้ได้พลอย ดีแล้วที่มี Mnet มาช่วยเจียระไนให้เปล่งประกาย ย้ายมาอยู่เกาหลีเถอะ"
หลังรายการจบ Mnet ก็ได้คนที่เดบิวในสัดส่วนที่เป็นไปตาม Agenda ของตนที่ 9:3
ซึ่งแฟนฝั่งญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ก็กังขาว่า เด็กฝั่งญี่ปุ่นที่ชนะมีน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น
ุ6. Mnet มีการเดินเกม"ฮุบ" เมมเบอร์จริง
- มีการพยายามกำหนดสัญญาในลักษณะที่ล็อกเมมเบอร์ของ 48 Group เข้ากับวงที่เดบิวใหม่ ไปปฏิบัติหน้าที่ของ 48 Group ไม่ได้
ซึ่งจะทำให้เมมเบอร์ที่เก่งๆหลายคนลังเลว่าตัวเองอยากจะแข่งจนชนะหรือไม่ ยิ่งเมมเบอร์ญี่ปุ่นที่ชนะน้อย ก็ยิ่งเข้าทาง Mnet
(ไม่แน่ว่า การที่ผู้ที่ได้เดบิว PD48 จากญี่ปุ่นมีน้อยกว่าที่คิดนั้น ก็อาจเป็นเพราะเด็กญี่ปุ่นบางคนสละสิทธิ์แบบลับๆก็ได้ เพื่อไม่ให้ทาง Mnet เสียหน้า)
- มีการกำหนดตารางเวลาตามจังหวะของตนเอง และตั้งใจให้ไล่เลี่ยกับตารางงานของ 48 Group
ทำให้เมมเบอร์ 48 Group ต้องเลือกว่า จะไปกับ PD48 อย่างเดียวหรือจะต้องทนทำงานควบทั้งสองอย่างไปเรื่อยๆ
(ซากุระเลือกอย่างแรก ส่วนจูรินะเลือกอย่างหลังจนบาดเจ็บยาว)
6. AKS รับผลเสียหายเพิ่มเติมที่คาดไม่ถึงจากการสูญเสียจูรินะ ที่ทำงานหนักเกินไปจนป่วยยาว
ในขณะนี้ก็ยังไม่ทราบชัดได้ว่า เธอจะกลับมาได้เมื่อไร และถึงกลับมาได้เธอจะเหมือนเดิมหรือไม่
จากสิ่งที่เกิดเหล่านี้ ข้อสรุปที่ได้ก็คือ ในโครงการ PD48 ทาง AKS แพ้แบบเจ็บหนักอย่างทีเดียว
และสิ่งที่น่าเป็นห่วงจากต่อไปนี้ก็คือ สถานะของ 48 Group ในญี่ปุ่น ที่เริ่มโดน 46 Group แซงหน้า ก็จะยิ่งสั่นคลอนไปอีกครับ
เพราะทางแฟนๆญี่ปุ่นก็จะสงสัยกันว่า
ไอดอลแห่งชาติที่เสียท่าให้กับชาติอื่นอย่างสาหัสนั้น เหมาะสมที่จะเป็นไอดอลแห่งชาติต่อไปหรือไม่
เมื่อมาถึงจุดนี้ แฟน 48 Group เริ่มเห็นด้วยแล้วหรือไม่ว่า PD48 คือ "การล่อเอา 48 Group มาเป็นไก่รองบ่อน"
ที่จริงผมเองก็ไม่ได้ anti เกาหลี สุดโต่งสักเท่าไร แต่เนื่องจากปัจจัยหลายๆอย่างได้แสดงให้เห็นว่า
มี"ความไม่ชอบมาพากล"สูง จึงทำให้รู้สึกไม่ดีกับโครงการนี้ครับ
สิ่งที่ผมรู้สึก ก่อนรายการฉาย
ฝ่ายสนับสนุนหลายๆคน และแฟนฝั่ง K จะมองและพยายามนำเสนอว่า Produce 48 นั้นเป็นโครงการธุรกิจแบบ Win-win ที่ทั้งฝ่ายญี่ปุ่นและเกาหลี
โดยที่ฝั่งเกาหลี จะได้ช่องทางในการเข้ามาทำรายได้ในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง ส่วนฝั่งญี่ปุ่นก็จะได้รับโอกาสในการบุกตลาดเกาหลีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา รูปการณ์ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า Mnet เป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมด โดยที่ทาง AKS ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักนอกจากส่งเด็กเข้าแข่ง และประชาสัมพันธ์รายการทาง SNS ของตัวเองเท่านั้น ผมก็เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาทันที
ตอนนั้น ใจผมนึกย้อนกลับไปถึงนิยายแปลแนวสืบสวนเล่มหนึ่งที่เคยอ่านเมื่อยังเด็กอยู่
หนังสือเล่มนั้นใช้ชื่อเรื่องว่า "อาร์แซน ลูแปง ปะทะ เชอร์ล็อค โฮล์มส์"เพียงแค่เห็นชื่อเรื่อง ผมก็รู้สึกอยากอ่านขึ้นมาทันที เพราะลูแปง ก็คือจอมโจรมือหนึ่ง ส่วนโฮล์มส์ก็คือยอดแห่งนักสืบ หากให้ทั้งสองคนมาหักเหลี่ยมเฉือนคงกัน ก็คงสนุกมาก ทว่าเมื่อผมอ่านหนังสือไปได้สักพักหนึ่งแล้ว ก็ผิดหวังมากจนอ่านไม่จบ เพราะในเรื่อง โฮล์มส์เป็นฝ่ายที่โดนลูแปงปั่นหัวตลอด และได้แค่แสดงความฉลาดแบบพื้นๆเท่านั้น พอย้อนกลับไปดูชื่อผู้แต่งก็ร้องอ้อ เพราะคนแต่งคือ Maurice Leblanc ซึ่งเป็นคนเขียนนิยายอาร์แซน ลูแปง ตัวจริงเสียงจริงนี่เอง (และที่จริงผู้เขียนก็ตั้งชื่อในต้นฉบับแบบเลี่ยงบาลี ว่า Herlock Sholmes เพื่อไม่ให้โดน Sir Arthur Conan Doyle ฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์)
ฉันใดก็ฉันนั้น หากเอา Idolดัง ฝั่งญี่ปุ่น มาปะทะ Idol ดัวเกาหลี โดยให้ทางฝั่งเกาหลีดำเนินการจัดการนำเสนอและตัดสินทั้งหมด
มันก็คงออกมาเละไม่แพ้กัน (สำหรับฝั่งญี่ปุ่น)
นอกจากนี้ ก็มีอีกหลายๆปัจจัยที่ทำให้ชวนกังขาว่า Mnet จะทำการนำเสนอและตัดสินอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่
- วงการบันเทิงเกาหลีและแฟนๆ มีความเป็นคอการเมืองสูง
ดารานักร้องเกาหลีไม่สามารถแสดงตัวโดยเปิดเผยว่าเป็นแฟน J-pop มีการทำหนังญี่ปุ่นเป็นผู้ร้ายออกมาทุกปี ในทางกลับกัน ทางญี่ปุ่นจะเน้น "การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งธุรกิจ" (และนี่อาจทำให้ทางฝั่ง AKS ตามเกมของฝั่งเกาหลีไม่ทัน) ใครที่ออกมาว่าจีนหรือเกาหลี เตรียมหมดอนาคตได้ (พวกคนดังที่ออกมาด่าแบบโต้งๆนั้น มักจะเป็นพวกที่จำกัดวงอยู่ในกลุ่มขวาจัด ซึ่งในความเป็นจริงๆก็ไม่สามารถชี้นำสังคมอะไรได้มาก คนส่วนใหญ่มองว่าบ้าเสียด้วยซ้ำ)
- กฎการ "โหวตไขว้" ไม่ได้แฟร์อย่างที่คิด
ในตอนแรก Mnet ได้นำเสนอว่า จะนำกฎการโหวตไขว้ (ให้แฟนญี่ปุ่นโหวตได้เฉพาะเด็กเกาหลี ให้แฟนเกาหลีโหวต)มาใช้
เพื่อให้อุ่นใจว่าผลการแข่งจะได้ออกมาแฟร์ๆ แต่หากมองดีๆแล้ว จะพบว่ามันมีกับดักซ่อนอยู่
ในเรื่องวงการบันเทิงนั้น คนดูทางเกาหลีจะเปิดใจรับญี่ปุ่น น้อยกว่าคนดูญี่ปุ่นเปิดใจให้เกาหลี อย่างดาราญี่ปุ่นหลายคนนั้น
สามารถเปิดตัวได้ตรงๆว่าตัวเองเป็นแฟน K-pop ในขณะที่ดาราเกาหลีนั้น ไม่สามารถพูดได้เปิดเผย นอกจากนี้ กับดักชิ้นที่สองก็คือ
Expat ในเกาหลีนั้นมีคนญี่ปุ่นอยู่ประมาณไม่ถึงแสนคน แต่ในขณะที่มีคนเกาหลีในญี่ปุ่นเกือบเก้าแสน เพราะฉะนั้นโอกาสที่ทางเกาหลีจะได้โหวตเยอะกว่านั้นมีอยู่สูงมาก
หากจะให้โหวดกันแฟร์ๆนั้น ผมว่าควรใช้วิธีให้แฟนๆทั้งโลกโหวต เพราะแต่ละฝ่ายจะไม่ได้ได้เปรียบไปกว่ากันมาก
ญี่ปุ่นจะมีจุดแข็งตรงที่ตลาดใหญ่กว่า แต่เกาหลีก็จะได้เปรียบตรงที่มีแฟนๆในตลาดอินเตอร์กว้างขวางกว่า
- ที่ผ่านมาเคยมีเหตุการณ์ที่ AKB48 ไปแสดงในงาน MAMA ของเกาหลี แล้วสื่อเกาหลีตัดต่อออกมาให้ดูว่าแสดงห่วยกว่าที่เป็นจริง ("ตัดต่อผี")
- Mnet และรายการ Produce เป็นที่ทราบกันในหมู่แฟนๆที่ตามมาแต่เดิมว่า เน้นดราม่า มีการชี้นำให้เข้าธงที่ตนตั้งไว้ และมีการตัดต่อผี
ผมประเมินว่าจริงๆแล้ว Mnet มี Hidden Agenda อยู่สองอย่างครับ
1. แสดงให้ผู้ดูเห็นว่า K-pop เหนือกว่า J-pop ในเชิงคุณภาพ J-pop มีดีแค่ตลาดใหญ่กว่าเท่านั้น
2. ฮุบซากุระ และเมมเบอร์ระดับท็อปคนอื่นๆ มาเป็นพวกตัวเองเพื่อเสริมบารมี
และผลลัพธ์ของการแข่งขันที่จะได้ก็คือ ผู้ที่ชนะการแข่งขัน จะมีเด็กเกาหลีมากกว่าเด็กญี่ปุ่นในสัดส่วนที่ต่างกันมาก ( 8:4 หรือสูงกว่า)
โดยเด็กญี่ปุ่นที่ได้จะเป็นเมมเบอร์ที่ทาง Mnet เล็งไว้ เพื่อที่ว่าวงที่ฟอร์มขึ้นมา จะทำตาม Hidden Agenda ข้อ 1 ต่อไป
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่แข่งขันก็อาจจะมีการยอมถอยให้ฝั่งญี่ปุ่นเล็กน้อยเพื่อเลี้ยงกระแส
----------------------------------------------------------------------------------
สิ่งที่เกิดจริง หลังรายการฉาย
1. Mnet ทำตัวไม่ชอบมาพากลจริง
- มีการเปลียนกฎการโหวต จากการโหวดไขว้ ที่ทำให้ฝั่งเกาหลีได้เปรียบอยู่แล้ว
มาเป็นให้เกาหลีโหวตทั้งหมด เพื่อให้ฝั่งเกาหลีได้เปรียบสุดๆ ซึ่งจะทำให้บรรลุตาม Hidden Agenda ที่ต้องการแสดงให้โลกเห็นว่า K-pop เหนือกว่า
- มีการกำหนดเนื้อหาสัญญาหลังเดบิววงใหม่ ในลักษณะที่ล็อกให้เมมเบอร์ทาง 48 Group ที่ชนะ ต้องอยู่กับวงใหม่ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เดิมโดยอิสระ
- มีการตัดต่อผี มีการสร้างดราม่าชี้นำ เหมือนที่คาดไว้
2. ฝั่งผู้ชมเกาหลีก็นำดราม่าการเมืองมาเกี่ยวกับเด็กเหมือนเดิม
- มีการปล่อยข่าวสกัดดาวรุ่งเด็กญี่ปุ่น เมื่อครบรอบสงครามโลกครั้งที่สอง และจุดกระแสชาตินิยมเกาหลี
3. ที่จริงแล้ว AKS มีกลยุทธลับซ่อนไว้เหมือนกัน แต่ไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่
- หลังรายการฉาย ผมเห็นได้ว่า ที่จริงแล้ว AKS ก็มีแผนลึกซึ้งอยู่เหมือนกัน
โดย เป้าหมายที่ AKS เล็งอยู่จริงๆนั้น อาจไม่ใช่ตลาดเกาหลี (ที่ไงๆก็เข็นให้ขึ้นยาก) แต่เป็น ตลาดโลกที่เป็นแฟน K-pop ต่างหาก
เพราะๆ แฟนชาวต่างประเทศหลายคนที่ไม่ได้สนใจ J-pop มาก่อน ก็ต้องมนต์เสน่ห์เด็กญี่ปุ่นหลายคนในรายการ และเริ่มตาม 48 Group นับจากนั้น
อย่างไรก็ตาม AKS ก็ยังพลาดอยู่ดีตรงที่ตนเองมอบอำนาจการบริหารจัดการให้ Mnet ไปแล้ว เลยทำให้กลยุทธนี้ไม่สามารถเกิดประสิทธิภาพได้เต็มที่
4. Mnet บรรลุเป้าหมายในการนำเสนอให้โลกเห็นว่า K-pop เหนือกว่า J-pop
ความจริง Mnet บรรลุเป้าหมายในการนำเสนอว่า K-pop เหนือกว่า มาตั้งแต่ก่อนเริ่มฉายรายการแล้ว
เพราะการที่ AKB48 ยอมส่งตัว top มาลงแข่งก็เหมือนเป็นการยอมรับโดยกลายๆว่า ทาง K-pop เหนือกว่า
การที่ซากุระออกความเห็นในตอนเข้ามาแข่งขัน ก็เป็นการสื่อกลายๆว่า เธอมองว่า K-pop เหนือกว่า
(ที่จริงผมว่าซากุระเองเป็นเด็กดี ถ่อมตัว และก็รัก 48 Group ในแบบของเธออยู่เหมือนกัน แต่เธอก็อ่านเกม Mnet ไม่ทัน)
แฟนๆ 48 Group ที่เห็นดีเห็นงาม กับ Produce 48 ก็มองว่า การไปเกาหลีนั้นจะทำให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆจากเกาหลี ซึ่งก็ตีความได้ว่า
แฟนๆถูกทำให้เชื่อว่า K-pop เหนือกว่า J-pop ไปแล้ว
พอรายการฉายจริง แม้จะพบว่า เด็กญี่ปุ่น ไม่กระจอกอย่างที่คิด
แต่ Mnet ก็สามารถแก้เกมได้อย่างรู้ทัน โดยการช่วยดัน และช่วยแต่งหน้าให้ดูสวยไปเลย
ทำให้คนดูทีรู้สึกว่า "ที่จริงฝั่งญี่ปุ่นก็เก่งนะ" กลายมาเป็น "48 Group เหมือนไก้ได้พลอย ดีแล้วที่มี Mnet มาช่วยเจียระไนให้เปล่งประกาย ย้ายมาอยู่เกาหลีเถอะ"
หลังรายการจบ Mnet ก็ได้คนที่เดบิวในสัดส่วนที่เป็นไปตาม Agenda ของตนที่ 9:3
ซึ่งแฟนฝั่งญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ก็กังขาว่า เด็กฝั่งญี่ปุ่นที่ชนะมีน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น
ุ6. Mnet มีการเดินเกม"ฮุบ" เมมเบอร์จริง
- มีการพยายามกำหนดสัญญาในลักษณะที่ล็อกเมมเบอร์ของ 48 Group เข้ากับวงที่เดบิวใหม่ ไปปฏิบัติหน้าที่ของ 48 Group ไม่ได้
ซึ่งจะทำให้เมมเบอร์ที่เก่งๆหลายคนลังเลว่าตัวเองอยากจะแข่งจนชนะหรือไม่ ยิ่งเมมเบอร์ญี่ปุ่นที่ชนะน้อย ก็ยิ่งเข้าทาง Mnet
(ไม่แน่ว่า การที่ผู้ที่ได้เดบิว PD48 จากญี่ปุ่นมีน้อยกว่าที่คิดนั้น ก็อาจเป็นเพราะเด็กญี่ปุ่นบางคนสละสิทธิ์แบบลับๆก็ได้ เพื่อไม่ให้ทาง Mnet เสียหน้า)
- มีการกำหนดตารางเวลาตามจังหวะของตนเอง และตั้งใจให้ไล่เลี่ยกับตารางงานของ 48 Group
ทำให้เมมเบอร์ 48 Group ต้องเลือกว่า จะไปกับ PD48 อย่างเดียวหรือจะต้องทนทำงานควบทั้งสองอย่างไปเรื่อยๆ
(ซากุระเลือกอย่างแรก ส่วนจูรินะเลือกอย่างหลังจนบาดเจ็บยาว)
6. AKS รับผลเสียหายเพิ่มเติมที่คาดไม่ถึงจากการสูญเสียจูรินะ ที่ทำงานหนักเกินไปจนป่วยยาว
ในขณะนี้ก็ยังไม่ทราบชัดได้ว่า เธอจะกลับมาได้เมื่อไร และถึงกลับมาได้เธอจะเหมือนเดิมหรือไม่
จากสิ่งที่เกิดเหล่านี้ ข้อสรุปที่ได้ก็คือ ในโครงการ PD48 ทาง AKS แพ้แบบเจ็บหนักอย่างทีเดียว
และสิ่งที่น่าเป็นห่วงจากต่อไปนี้ก็คือ สถานะของ 48 Group ในญี่ปุ่น ที่เริ่มโดน 46 Group แซงหน้า ก็จะยิ่งสั่นคลอนไปอีกครับ
เพราะทางแฟนๆญี่ปุ่นก็จะสงสัยกันว่า
ไอดอลแห่งชาติที่เสียท่าให้กับชาติอื่นอย่างสาหัสนั้น เหมาะสมที่จะเป็นไอดอลแห่งชาติต่อไปหรือไม่