“
ฉันจะส่งพวกเธอให้ได้ยืนในที่ที่สูงที่สุด อย่างที่พวกเธอต้องการ...”
วอลเลย์บอล หญิง ทีมชาติไทย ลงสนามแข่งขันในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ มาตั้งแต่ปี 1966 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ
คุณรู้ไหมครับว่า จนถึงปี 1990 ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ผ่านมา 24 ปีเข้าให้แล้ว ทีมชาติไทย ก็ยังไม่เก่ง โดนถล่มอยู่ร่ำไป โดยการแข่งขันเมื่อปี 1990 ครั้งนั้น มี 6 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วย จีน (เจ้าภาพ), ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, ไชนีส-ไทเป และ ทีมชาติไทย
ยุคนั้น แข่งในระบบ 3 ใน 5 เซต โดยใครทำคะแนนถึง 15 แต้มก่อน จะได้เซตนั้นไปครอง
ทีมชาติไทยลงสนาม 5 นัดครับ และแพ้รวดทั้ง 5 นัด
แพ้ เกาหลีใต้ 0-3 เซต (1-15, 9-15, 2-15)
แพ้ จีน 0-3 เซต (2-15, 3-15, 2-15)
แพ้ ไต้หวัน 0-3 เซต (7-15, 2-15, 9-15)
แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 เซต (3-15, 2-15, 1-15)
แพ้ เกาหลีเหนือ 0-3 เซต (6-15, 1-15, 8-15)
แพ้รวด 5 นัด แบบไม่มีสักเซต และได้แค่ 58 แต้มเท่านั้น จากทั้งหมด 15 เซต
นี่คือความจริงที่เคยเกิดขึ้น เมื่อปี 1990
ไม่เคยมีใครคิดว่า ทีมชาติไทย จะก้าวหน้าได้ในกีฬาชนิดนี้
ไม่เคยมีใครคิดว่า ทีมชาติไทย จะได้เหรียญจากกีฬาชนิดนี้ ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์
จนกระทั่ง ผู้ชายที่ชื่อว่า “เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร” ที่เรารู้จักกันในนามว่า “โค้ชอ๊อด” เข้ามาเป็นเฮ้ดโค้ช เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ปี 1998 “โค้ชอ๊อด” เข้ามาวางระบบทุกอย่าง ทั้งการปั้นเยาวชน ทั้งในด้านแทคติกในสนาม ทั้งในเรื่องของโภชนาการ จนทำให้วงการวอลเลย์บอลหญิง ทีมชาติไทย พัฒนาอย่างถึงขีดสุด
ปี 2000 ทีมชาติไทย ได้ผ่านไปเล่นศึกวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังปรีซ์ ครั้งแรก และก็ได้เล่นต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
ปี 2009 ทีมชาติไทย คว้าแชมป์เอเชีย ได้เป็นครั้งแรก ในศึกวอลเลย์บอล หญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2009 ที่ประเทศเวียดนาม ตามด้วยการคว้าแชมป์สมัยที่สองได้ในปี 2013 ที่จังหวัดนครราชสีมา
แม้จะไม่สามารถพาทีมชาติไทย ไปเล่นในรอบสุดท้ายของกีฬาวอลเลย์บอล หญิง ศึกโอลิมปิก เกมส์ ได้ตามที่ใจจะคาดหวังไว้ แต่ “โค้ชอ๊อด” ก็ได้ทิ้งมรดกระดับประวัติศาสตร์ นั่นคือ การพาทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองแดง เอเชี่ยนเกมส์ ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้
มันคือเหรียญที่คุ้มค่าต่อการรอคอย
48 ปี นับตั้งแต่แข่งขันครั้งแรก ทีมชาติไทย ได้ยืนบนโพเดียมเป็นครั้งแรกแล้ว
“โค้ชอ๊อด” ได้ส่งพวกเธอขึ้นโพเดียมสัมผัสเหรียญเป็นครั้งแรก
“แต่ทุกงานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา…..”
ปี 2016 “โค้ชอ๊อด” ตัดสินใจอำลาจากทีมชาติไทย ทิ้งทุกประวัติศาสตร์ที่สร้างเอาไว้ เหลือเพียงความทรงจำอันยิ่งใหญ่ โดยที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จัดการเลือก “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล อดีตผู้ช่วยของ “โค้ชอ๊อด” ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
โค้ชด่วน เข้ามาทำหน้าที่โดยต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของโค้ชอ๊อด
และเงาที่ยิ่งใหญ่ของโค้ชอ๊อด
ก็ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ทุกๆ ทัวร์นาเมนต์
ทุกๆ แมตช์การแข่งขัน
ทุกๆ ฟอร์มการเล่น
ทุกๆ เกมที่ทีมชาติไทยลงสนาม
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ “โค้ชด่วน” มักจะโดนดูถูกจากแฟนกีฬาบางกลุ่มอยู่เสมอ ตามคอมเมนต์ ที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหนา
ชนะก็เพราะนักกีฬา
ชนะก็เพราะกินบุญเก่าของโค้ชอ๊อด
พอแพ้ก็เพราะแก้เกมไม่ดี
รีบๆ ลาออกไปซะ บลาๆๆๆ แล้วแต่จะสรรหาคำพูดมาวิจารณ์ได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ… สมาคมวอลเลย์บอล ยังคงไว้ใจโค้ชด่วน และ นักวอลเลย์บอล หญิง ทุกคนยังคงเชื่อมั่นในโค้ชคนนี้ ทุกคนยังคงตั้งหน้าตั้งตามองไปที่การแก้เกม มองไปที่การสอน ฟังทุกคำพูดของโค้ชด่วนทุกครั้ง ที่อยู่ข้างสนาม
“ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทุกคนยังอยู่ข้างโค้ชด่วน
เหมือนที่ทุกคนเคยอยู่ข้างโค้ชอ๊อด”
หากวันนั้น เราพ่ายแพ้ย่อยยับ แล้วท้อแท้ ไม่พยายามพัฒนาวงการวอลเลย์บอล หญิง ต่อ
เราก็คงไม่รู้จักชัยชนะจากผู้ชายที่ชื่อว่า “โค้ชอ๊อด”
หากวันนั้น ในวันที่เราฟอร์มการเล่นไม่เหมือนเดิม สมาคมวอลเลย์บอลจัดการไล่โค้ชด่วนออกไป ตามกระแสของแฟนกีฬา
เราก็อาจจะไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกของการเข้าชิงชนะเลิศ วอลเลย์บอล หญิง ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ดังเช่นวันนี้ วันที่ “โค้ชด่วน” พาทีมชาติไทย ขึ้นสู่โพเดียม เอเชี่ยนเกมส์ ในชั้นที่สูงกว่าเดิม สูงกว่าที่โค้ชอ๊อดทำได้
เพราะนี่คือหน้าที่ของโค้ช
หน้าที่ที่จะต้องส่งพวกเธอให้ได้ยืนในที่ที่สูงที่สุด อย่างที่พวกเธอต้องการ…
…..
“คุณไม่มีทางไปได้ถึงจุดหมายได้หรอก
ถ้ามัวแต่หยุดเดิน แล้วขว้างหินใส่หมาทุกตัวที่คอยเห่าคุณ”
วินสตัน เชอร์ชิล
“You will never reach your destination
if you stop and throw stones at every dog that barks.”
Winston S. Churchill
“จอน”
31-08-2561
ที่มา...
https://www.facebook.com/KajohnyosChoketanasret/photos/a.1787463758166366/2228533437392727/?type=3&theater
“ฉันจะส่งพวกเธอให้ได้ยืนในที่ที่สูงที่สุด อย่างที่พวกเธอต้องการ...” เขียนโดยคุณจอน
วอลเลย์บอล หญิง ทีมชาติไทย ลงสนามแข่งขันในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ มาตั้งแต่ปี 1966 ที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพ
คุณรู้ไหมครับว่า จนถึงปี 1990 ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ผ่านมา 24 ปีเข้าให้แล้ว ทีมชาติไทย ก็ยังไม่เก่ง โดนถล่มอยู่ร่ำไป โดยการแข่งขันเมื่อปี 1990 ครั้งนั้น มี 6 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน ประกอบด้วย จีน (เจ้าภาพ), ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เกาหลีเหนือ, ไชนีส-ไทเป และ ทีมชาติไทย
ยุคนั้น แข่งในระบบ 3 ใน 5 เซต โดยใครทำคะแนนถึง 15 แต้มก่อน จะได้เซตนั้นไปครอง
ทีมชาติไทยลงสนาม 5 นัดครับ และแพ้รวดทั้ง 5 นัด
แพ้ เกาหลีใต้ 0-3 เซต (1-15, 9-15, 2-15)
แพ้ จีน 0-3 เซต (2-15, 3-15, 2-15)
แพ้ ไต้หวัน 0-3 เซต (7-15, 2-15, 9-15)
แพ้ ญี่ปุ่น 0-3 เซต (3-15, 2-15, 1-15)
แพ้ เกาหลีเหนือ 0-3 เซต (6-15, 1-15, 8-15)
แพ้รวด 5 นัด แบบไม่มีสักเซต และได้แค่ 58 แต้มเท่านั้น จากทั้งหมด 15 เซต
นี่คือความจริงที่เคยเกิดขึ้น เมื่อปี 1990
ไม่เคยมีใครคิดว่า ทีมชาติไทย จะก้าวหน้าได้ในกีฬาชนิดนี้
ไม่เคยมีใครคิดว่า ทีมชาติไทย จะได้เหรียญจากกีฬาชนิดนี้ ในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์
จนกระทั่ง ผู้ชายที่ชื่อว่า “เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร” ที่เรารู้จักกันในนามว่า “โค้ชอ๊อด” เข้ามาเป็นเฮ้ดโค้ช เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ปี 1998 “โค้ชอ๊อด” เข้ามาวางระบบทุกอย่าง ทั้งการปั้นเยาวชน ทั้งในด้านแทคติกในสนาม ทั้งในเรื่องของโภชนาการ จนทำให้วงการวอลเลย์บอลหญิง ทีมชาติไทย พัฒนาอย่างถึงขีดสุด
ปี 2000 ทีมชาติไทย ได้ผ่านไปเล่นศึกวอลเลย์บอล เวิลด์ กรังปรีซ์ ครั้งแรก และก็ได้เล่นต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน
ปี 2009 ทีมชาติไทย คว้าแชมป์เอเชีย ได้เป็นครั้งแรก ในศึกวอลเลย์บอล หญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2009 ที่ประเทศเวียดนาม ตามด้วยการคว้าแชมป์สมัยที่สองได้ในปี 2013 ที่จังหวัดนครราชสีมา
แม้จะไม่สามารถพาทีมชาติไทย ไปเล่นในรอบสุดท้ายของกีฬาวอลเลย์บอล หญิง ศึกโอลิมปิก เกมส์ ได้ตามที่ใจจะคาดหวังไว้ แต่ “โค้ชอ๊อด” ก็ได้ทิ้งมรดกระดับประวัติศาสตร์ นั่นคือ การพาทีมชาติไทย คว้าเหรียญทองแดง เอเชี่ยนเกมส์ ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2014 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้
มันคือเหรียญที่คุ้มค่าต่อการรอคอย
48 ปี นับตั้งแต่แข่งขันครั้งแรก ทีมชาติไทย ได้ยืนบนโพเดียมเป็นครั้งแรกแล้ว
“โค้ชอ๊อด” ได้ส่งพวกเธอขึ้นโพเดียมสัมผัสเหรียญเป็นครั้งแรก
“แต่ทุกงานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา…..”
ปี 2016 “โค้ชอ๊อด” ตัดสินใจอำลาจากทีมชาติไทย ทิ้งทุกประวัติศาสตร์ที่สร้างเอาไว้ เหลือเพียงความทรงจำอันยิ่งใหญ่ โดยที่สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย จัดการเลือก “โค้ชด่วน” ดนัย ศรีวัชรเมธากุล อดีตผู้ช่วยของ “โค้ชอ๊อด” ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
โค้ชด่วน เข้ามาทำหน้าที่โดยต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของโค้ชอ๊อด
และเงาที่ยิ่งใหญ่ของโค้ชอ๊อด
ก็ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน
ทุกๆ ทัวร์นาเมนต์
ทุกๆ แมตช์การแข่งขัน
ทุกๆ ฟอร์มการเล่น
ทุกๆ เกมที่ทีมชาติไทยลงสนาม
ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ “โค้ชด่วน” มักจะโดนดูถูกจากแฟนกีฬาบางกลุ่มอยู่เสมอ ตามคอมเมนต์ ที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหนา
ชนะก็เพราะนักกีฬา
ชนะก็เพราะกินบุญเก่าของโค้ชอ๊อด
พอแพ้ก็เพราะแก้เกมไม่ดี
รีบๆ ลาออกไปซะ บลาๆๆๆ แล้วแต่จะสรรหาคำพูดมาวิจารณ์ได้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ… สมาคมวอลเลย์บอล ยังคงไว้ใจโค้ชด่วน และ นักวอลเลย์บอล หญิง ทุกคนยังคงเชื่อมั่นในโค้ชคนนี้ ทุกคนยังคงตั้งหน้าตั้งตามองไปที่การแก้เกม มองไปที่การสอน ฟังทุกคำพูดของโค้ชด่วนทุกครั้ง ที่อยู่ข้างสนาม
“ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ทุกคนยังอยู่ข้างโค้ชด่วน
เหมือนที่ทุกคนเคยอยู่ข้างโค้ชอ๊อด”
หากวันนั้น เราพ่ายแพ้ย่อยยับ แล้วท้อแท้ ไม่พยายามพัฒนาวงการวอลเลย์บอล หญิง ต่อ
เราก็คงไม่รู้จักชัยชนะจากผู้ชายที่ชื่อว่า “โค้ชอ๊อด”
หากวันนั้น ในวันที่เราฟอร์มการเล่นไม่เหมือนเดิม สมาคมวอลเลย์บอลจัดการไล่โค้ชด่วนออกไป ตามกระแสของแฟนกีฬา
เราก็อาจจะไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกของการเข้าชิงชนะเลิศ วอลเลย์บอล หญิง ในกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ดังเช่นวันนี้ วันที่ “โค้ชด่วน” พาทีมชาติไทย ขึ้นสู่โพเดียม เอเชี่ยนเกมส์ ในชั้นที่สูงกว่าเดิม สูงกว่าที่โค้ชอ๊อดทำได้
เพราะนี่คือหน้าที่ของโค้ช
หน้าที่ที่จะต้องส่งพวกเธอให้ได้ยืนในที่ที่สูงที่สุด อย่างที่พวกเธอต้องการ…
…..
“คุณไม่มีทางไปได้ถึงจุดหมายได้หรอก
ถ้ามัวแต่หยุดเดิน แล้วขว้างหินใส่หมาทุกตัวที่คอยเห่าคุณ”
วินสตัน เชอร์ชิล
“You will never reach your destination
if you stop and throw stones at every dog that barks.”
Winston S. Churchill
“จอน”
31-08-2561
ที่มา... https://www.facebook.com/KajohnyosChoketanasret/photos/a.1787463758166366/2228533437392727/?type=3&theater