อากาศที่เกาหลีช่วงเดือนพฤษภาเป็นยังไง สีสันใบไม้ใบหญ้าเป็นยังไง ค่าเครื่องเป็นไง มีอะไรน่าเที่ยว รู้กันแบบกระจ่างในรีวิวนี้
Facebook :
https://www.facebook.com/manatpii/
IG :
https://www.instagram.com/tehmanatpii/
หลังจากล่าสุดที่ได้รีวิวทริปเที่ยวแบบสงบๆที่เมืองกุ้ยหลิน
https://ppantip.com/profile/3573740 ก็เพิ่งมีโอกาสได้ออกเที่ยวอีกครั้ง รอบนี้เท่ตัดสินใจเลือกไปประเทศเกาหลีใต้อีกแม้ว่าจะเคยไปมาแล้วในช่วงซากุระบานของปี 2017 ความรู้สึกคือมันคิดถึงและโหยหาบรรยากาศแบบเกาหลีๆอีก ไม่ว่าจะเป็นความน่ารักของคนที่นั่น เสื้อผ้าสวยๆ หมูย่างอร่อยๆ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เสียงดนตรีสดเพราะๆ
ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม คือไปคนเดียวฉายเดี่ยวตลอดงาน ตั้งแต่วันที่ 4-11 พฤษภา เที่ยวกรุงโซลแบบชิลๆ รวม 8 วันเต็ม
“อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ เพื่อนไม่มีก็ไปหาเอาข้างหน้า” ก่อนไปก็หาดูรีวิวเที่ยวเกาหลีช่วงเดือนพฤษภา เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง สภาพอากาศ และเทศกาลที่น่าเที่ยว แต่ก็ไม่ค่อยมีข้อมูล บางรีวิวมีแต่ตัวหนังสือไม่มีภาพประกอบ ก็เลยไม่รู้ว่าสีสันของต้นไม้ใบหญ้าช่วงนั้นเป็นยังไง ส่วนบางอันก็เป็นรีวิวที่ข้อมูลไม่อัพเดท สุดท้ายเท่ก็ได้แค่เช็คสภาพอากาศแล้วก็แพลนเลย
แต่พอได้ไปเที่ยวกรุงโซลช่วงนี้จริงๆ ขอบอกเลยว่าฟิน อากาศดี๊ดี ไม่ร้อนและก็ไม่หนาวจนขาแตก เลยทำให้เท่อยากเอาข้อมูลมาแชร์ให้รู้กันไปเลยว่า เที่ยวเกาหลีช่วงพฤษภามันเป็นไง มันสวยไหม อากาศดีไหม ฝนตกไหม บลาๆๆ เผื่อใครที่อยากไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้จะได้เอาไว้เป็นข้อมูลวางแผนท่องเที่ยวกัน
ในรีวิวนี้จะพูดถึงตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน นั่งเครื่องขาไป เข้าเมืองโดยรถไฟ AREX ที่พักย่าน Hongdae บรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น Deoksugung Palace, Gwanghwamun Square, Gyeongbokgung Palace, Bokchon Hanok Village และวิวสวยๆของมหาวิทยาลัยในโซล เช่น Ehwa, Yonsei, Korea และ Kyunghee University ตามด้วยย่านสวนสนุก Lotte World, ตึกที่สูงที่สุดในเกาหลี Lotte World Tower และ Seokchon Lake จากนั้นก็จะเป็นย่านช็อปปิ้ง Myeongdong เข้าวัดเข้าวา Bongeunsa Temple และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Seoul Tower พร้อมปิดท้ายรีวิวงามๆกับประสบการณ์เที่ยวผับเกาหลีจนสว่าง 2 วันติด งานมันดีจริงๆ เนื้อหารีวิวรวม 7 หัวข้อ
สนใจเรื่องไหนก็เลื่อนไปอ่านอันนั้นก่อนได้เลย เดี๋ยวเท่จะเขียนแยกไว้ให้เป็นเรื่องๆ แต่เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะมีแต่คนเลื่อนลงไปอ่านเรื่องเที่ยวผับก่อน 55 ใครที่ติดตามเท่มาสักพักจะรู้ว่าเท่เป็นคนเรียบร้อย แต่รอบนี้คนเรียบร้อยไปผับจนสว่าง 2 วันติด มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ บอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยแม้ว่าจะสว่าง 2 วันติด แต่ก็ไม่มีเหนื่อยไม่มีเพลีย
1. ตั๋วเครื่องบิน จองล่วงหน้ากี่เดือน ราคาเท่าไร สายการบินอะไร เวลาไฟลท์ดีไหม และบรรยากาศนั่งเครื่องขาไป
เท่จองตั๋วล่วงหน้าประมาณเดือนครึ่ง เป็นของสายการบิน Asiana Airlines ได้ตั๋วไปกลับมาในราคา 15,100 บาท บินนิ่มๆสบายๆกับเครื่องลำใหญ่ที่สุดในโลก Airbus A380 และก็ได้เวลาบินที่เหมาะกับตัวเองมาก คือ ขาไปบินเวลา 01:30 ถึงตอนเช้า 09:15 และขากลับก็บินเวลาค่ำๆ 19:30 แล้วถึงสุวรรณภูมิ 23:10 มันดีสำหรับคนที่เลิกงานตอนเย็นจากนั้นก็กลับบ้านเตรียมกระเป๋า อาบน้ำ แล้วก็ออกไปสนามบิน ถึงเกาหลีตอนเช้าแล้วออกเที่ยวได้เลย เที่ยวเต็มๆแล้วก็บินกลับไทยตอนค่ำๆ ถึงสุวรรณภูมิแล้วแถมยังทัน Airport Link อีก ถึงบ้านอาบน้ำนอนพร้อมเริ่มทำงานในวันถัดไป
ผู้โดยสารร่วมทางในครั้งนี้ส่วนมากเป็นคนเกาหลี มีทั้งวัยรุ่นหน้าละอ่อน วัยกลางคน ไปจนถึงอาจุมม่าที่มาเที่ยวแดนแห่งรอยยิ้มกับครอบครัว เท่เลือกนั่งติดริมหน้าต่างชั้นบน พอขึ้นไปถึงประตูเครื่องบิน ก็มีแอร์สาวสวยหน้าเป๊ะมากมายืนรอต้อนรับพร้อมบอกให้เดินไปขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นบน สีสันของการเดินทางคนเดียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การลุ้นว่าจะได้นั่งข้างใคร (ถ้าได้นั่งข้างคนหน้าตาดีก็จะแกล้งนอนซบไปเลยเบาๆ 55) สรุปคือได้นั่งคนเดียว!!! จบข่าว!!! ผ่าม!!!
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องก็เริ่มสตาร์ท แล้วก็ค่อยๆเคลื่อนไปที่รันเวย์ มันเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพราะเกิดสถานการณ์ยากๆขึ้นหลายอย่างในช่วงนั้น ชีวิตของเราทุกคนก็คงเคยเจอไม่ว่าจะเป็นคนที่ไว้ใจหักหลัง โดนโกง ไม่มีตัง ตกงาน โดนทิ้ง อยู่ตัวคนเดียว ห่างไกลจากครอบครัว ทุกอย่างมันถาดโถมเข้ามาจนเราไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นจากที่นอน เท่เข้าใจและอยากจะบอกว่า ให้เรากลั้นใจลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เราทำได้ ถ้าตกงานก็ออกไปหางาน ถ้าโดนทิ้งก็ให้ระลึกไว้ว่ามีใครบางคนเสมอที่ไม่เคยทิ้งเรา จะเป็นคนขี้แพ้หัวฟูหน้าโทรมไปทำไม ลุกขึ้นมาเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด
“มีชีวิตที่ดีงามแล้วทิ้งคนที่แย่ๆไว้ข้างหลัง สะใจกว่าเยอะ”
หลับมาได้สัก 3-4 ชม. แอร์สาวก็เริ่มบริการอาหารและเครื่องดื่ม กลิ่นอาหารหอมไปทั่ว ไม่ต้องปลุกกันซะให้ยาก ตื่นเองอย่างรวดเร็วพร้อมดึงที่วางถาดออกมารออย่างสวยงาม แอร์ก็ทยอยเสิร์ฟมาเรื่อยๆ ถามกันไปมาเป็นภาษาเกาหลี แต่พอถึงที่นั่งเรา โดนถามมาเป็นภาษาอังกฤษว่าจะรับอะไรดี รู้เลยทันทีว่าแอร์คนนี้ทำการบ้านมาดี และใส่ใจข้อมูลตอนบรีฟว่าผู้โดยสารที่นั่งตรงไหนใช่ไม่ใช่คนเกาหลี หรือว่าพี่แอร์เค้าดูจากเบ้าหน้าเราเอา? อันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
ถึงแล้ว แดนเกาหมี เกาเหลา จะเกาอะไรก็เอาตามใจเลย ระหว่างรอไปจอดที่เกท ก็หยิบมือถือขึ้นมาส่องดูหนังหน้าตัวเอง จัดเสื้อผ้า และปรับทรงผมกันไป อากาศเช้านี้ประมาณ 13-15 องศา ท้องฟ้าแจ่มใส คือดีย์ สนามบินอินชอนมีอาคารผู้โดยสาร 2 อาคาร ถ้าเครื่องไปจอดอาคาร 2 จะต้องนั่งรถไฟมาผ่าน ตม. ที่อาคาร 1 แต่ถ้านั่งสายการบินนี้ ก็จะมาจอดที่อาคารผู้โดยสาร 1 เลยไม่ต้องนั่งรถไฟเชื่อมให้เสียเวลา คือดีย์
พอจอดเทียบที่เกท เท่ก็เดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ก่อนออกจากเครื่องก็สบตาแอร์พร้อมพูดขอบคุณพี่ๆเค้า และส่งยิ้มอ่อนๆให้ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ แล้วก็รีบก้าวยาวเพื่อไปห้องน้ำ มัวแต่ซาบซึ้งกันอยู่นั่นแหละ เป็นไงล่ะเกือบฉี่ราดไปแล้ว
เท่พักที่เกสเฮ้าส์ย่านฮงแด วิธีที่ง่ายที่สุดคือ นั่งรถไฟ AREX ไปลงที่สถานี Hong-ik ได้เลย เดินตามป้าย Airport Railroad ไปเรื่อยๆ แล้วจะเจอเอง เท่มีบัตร T-Money อยู่แล้ว แค่ไปเติมเงินแล้วใช้งานได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ถือซะว่านั่งพักเมื่อยและชมวิวข้างทางไปเพลินๆ จะไม่เจาะลึกเรื่องการเดินทางเข้าเมืองมาก ไปดูเอาในรีวิวก่อนๆ
https://ppantip.com/topic/36361945
2. เกสเฮ้าส์ที่ Hongdae ย่านช็อปปิ้งและแหล่งสังสรรค์ของหนุ่มสาววัยรุ่น
มีเหตุผลเดียวเลยที่กลับมาพักเกสเฮ้าส์นี้อีกครั้ง ก็คือ
“ความประทับใจ” คำเดียวจบแล้วไม่ต้องพูดอธิบายอะไรให้เจ็บคอ รู้สึกว่าเกสเฮ้าส์แห่งนี้เป็นเหมือนบ้านของตัวเองเลยล่ะ มีห้องครัวพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ยกเว้นน้ำปลาร้ากับครกไว้ตำส้มตำ หลับตาแล้วเดินจากสถานี Hong-ik มาไม่ถึง 5 นาที พร้อมมีทางเดินชันๆที่เราสามารถลากกระเป๋าหนักๆขึ้นมาจนถึงหน้าประตูบ้านได้อย่างสละสลวย ระบบความปลอดภัยนี่ชั้นยอด เพราะต้องกดรหัสผ่าน 4 หลักแล้วตามด้วยเครื่องหมายดอกจันทร์ถึงจะเปิดประตูเข้ามาได้ แต่พอกดเสร็จ แล้วกำลังจะดึงเปิดประตูเท่านั้นล่ะ เอ้า! มันไม่ได้ล็อก ถ้ามีขโมยขึ้นบ้าน อย่ามาโบ๊ยเค้านะ กุเปล่า 55
สิ่งที่เท่ชอบในการพักเกสเฮ้าส์ก็คือ เราจะได้เพื่อนใหม่ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองอะไรใหม่ๆ และได้พูดภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี รวมไปถึงภาษาอื่นๆที่เราพอสื่อสารได้ ว่างๆก็เรียนจากเค้าบ้าง ช่วยสอนให้เค้าบ้าง ถ้าสอนรอบแรกไม่เข้าใจเราก็ต้องอธิบายซ้ำเป็นรอบที่ 2 ด้วยรอยยิ้ม สงสัยตำแหน่งทูตการท่องเที่ยวคงตกเป็นของเราสักวัน แต่ถ้ารอบที่ 3 แล้วยังไม่เก็ตความหงุดหงิดมันก็จะเริ่มเข้ามา 55
เดินสะดิ้งออกจากบ้านตัวเองมา 3 ก้าว ความชมพูนวลผ่องของดอกอันนี้มันช่างสวยงามเหลือเกิน อากาศ 18 องศา พร้อมลมเบาๆที่พอช่วยให้ผมปลิวๆแล้วมีวอลุ่มขึ้นมา มันช่างเหมาะเจาะกับการถ่ายภาพของเราจริงๆ ยืนฟาดอยู่ตรงนี้ 10 นาทีได้ แล้วก็เดินไปหาของกินต่อในย่านช็อปปิ้ง Hongdae ซึ่งใช้เวลาเดินจากบ้านเราประมาณ 5 นาที ถ้าไม่มัวนั่งเล่นกับหมาข้างทาง
เดินวนหาร้านอาหารอยู่ 2-3 รอบ แล้วเห็นคนหน้าตาดีส่วนมากชอบเดินเข้าร้านนี้ เราก็เลย...เอาวะ...ร้านนี้ก็ร้านนี้ การสั่งอาหารนั้นง่ายมาก นิ้ววิเศษ อยากกินอะไรก็ชี้ๆเอา แล้วพอเห็นหน้าตาอาหารที่มาเสิร์ฟก็พอได้อยู่ รสชาติก็ไม่แย่นะ แต่ที่มันแปลกและสากคอมากก็คือใบหม่อนที่เค้าให้มาในถ้วยนี่ล่ะ อันนี้เท่ขอบาย เข็ดหลาบ สวัสดี
Hongdae เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น จะมาช็อปปิ้ง มาเม้าท์มอยกับเพื่อนพร้อมนั่งจิบเครื่องดื่มที่คาเฟ่ หรือมากินอาหารอร่อยๆก็ได้ทั้งนั้น มีผับดังๆงานดีๆเยอะแยะ คืนเดียวเที่ยว 3 ผับก็ยังได้ และสิ่งที่ห้ามพลาด กาดอกจันทร์แปดร้อยดอกนั่นก็คือ มานั่งฟังดนตรีสดที่เค้าร้องตามข้างทาง คือแบบมันเพราะมาก ขนลุกเลย แถมขอเพลงก็ยังได้ถ้ามั่นหน้าพอ กราบได้กราบ สรุปง่ายๆคือ ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ให้คิดถึง “ฮงแด” ตามนี้
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะมีบางคนที่อยากให้คอนเฟิร์มเรื่องอากาศว่าสรุปแล้วมันหนาวไม่หนาว เอาง่ายๆเลยคือให้สังเกตในรูปว่าผู้คนยังคงใส่เสื้อผ้าค่อนข้างหนาอยู่ งั้นก็แสดงว่าอะไรครับ? ใช่แล้ว...มันยังถือว่าหนาวๆอยู่ หนาวสุดที่เจอก็ประมาณ 10 องศา ร้อนสุดก็ประมาณ 25 องศา รวมๆเฉลี่ยประมาณ 14-20 องศา ใครมาช่วงนี้ก็เอาเสื้อกันหนาวมาด้วยละกัน เอามาแล้วถ้ามันร้อน ไม่อยากใส่ก็โยนทิ้งไว้ที่ห้อง เกินดีกว่าเหลือ เอ้ย! เหลือดีกว่าขาด
[CR] เที่ยวเกาหลีเดือนพฤษภา บรรยากาศดีงามกว่าที่คิด
Facebook : https://www.facebook.com/manatpii/
IG : https://www.instagram.com/tehmanatpii/
หลังจากล่าสุดที่ได้รีวิวทริปเที่ยวแบบสงบๆที่เมืองกุ้ยหลิน https://ppantip.com/profile/3573740 ก็เพิ่งมีโอกาสได้ออกเที่ยวอีกครั้ง รอบนี้เท่ตัดสินใจเลือกไปประเทศเกาหลีใต้อีกแม้ว่าจะเคยไปมาแล้วในช่วงซากุระบานของปี 2017 ความรู้สึกคือมันคิดถึงและโหยหาบรรยากาศแบบเกาหลีๆอีก ไม่ว่าจะเป็นความน่ารักของคนที่นั่น เสื้อผ้าสวยๆ หมูย่างอร่อยๆ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เสียงดนตรีสดเพราะๆ
ครั้งนี้ก็เหมือนเดิม คือไปคนเดียวฉายเดี่ยวตลอดงาน ตั้งแต่วันที่ 4-11 พฤษภา เที่ยวกรุงโซลแบบชิลๆ รวม 8 วันเต็ม “อยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ เพื่อนไม่มีก็ไปหาเอาข้างหน้า” ก่อนไปก็หาดูรีวิวเที่ยวเกาหลีช่วงเดือนพฤษภา เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง สภาพอากาศ และเทศกาลที่น่าเที่ยว แต่ก็ไม่ค่อยมีข้อมูล บางรีวิวมีแต่ตัวหนังสือไม่มีภาพประกอบ ก็เลยไม่รู้ว่าสีสันของต้นไม้ใบหญ้าช่วงนั้นเป็นยังไง ส่วนบางอันก็เป็นรีวิวที่ข้อมูลไม่อัพเดท สุดท้ายเท่ก็ได้แค่เช็คสภาพอากาศแล้วก็แพลนเลย
แต่พอได้ไปเที่ยวกรุงโซลช่วงนี้จริงๆ ขอบอกเลยว่าฟิน อากาศดี๊ดี ไม่ร้อนและก็ไม่หนาวจนขาแตก เลยทำให้เท่อยากเอาข้อมูลมาแชร์ให้รู้กันไปเลยว่า เที่ยวเกาหลีช่วงพฤษภามันเป็นไง มันสวยไหม อากาศดีไหม ฝนตกไหม บลาๆๆ เผื่อใครที่อยากไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้จะได้เอาไว้เป็นข้อมูลวางแผนท่องเที่ยวกัน
ในรีวิวนี้จะพูดถึงตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน นั่งเครื่องขาไป เข้าเมืองโดยรถไฟ AREX ที่พักย่าน Hongdae บรรยากาศของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ เช่น Deoksugung Palace, Gwanghwamun Square, Gyeongbokgung Palace, Bokchon Hanok Village และวิวสวยๆของมหาวิทยาลัยในโซล เช่น Ehwa, Yonsei, Korea และ Kyunghee University ตามด้วยย่านสวนสนุก Lotte World, ตึกที่สูงที่สุดในเกาหลี Lotte World Tower และ Seokchon Lake จากนั้นก็จะเป็นย่านช็อปปิ้ง Myeongdong เข้าวัดเข้าวา Bongeunsa Temple และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Seoul Tower พร้อมปิดท้ายรีวิวงามๆกับประสบการณ์เที่ยวผับเกาหลีจนสว่าง 2 วันติด งานมันดีจริงๆ เนื้อหารีวิวรวม 7 หัวข้อ
สนใจเรื่องไหนก็เลื่อนไปอ่านอันนั้นก่อนได้เลย เดี๋ยวเท่จะเขียนแยกไว้ให้เป็นเรื่องๆ แต่เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าจะมีแต่คนเลื่อนลงไปอ่านเรื่องเที่ยวผับก่อน 55 ใครที่ติดตามเท่มาสักพักจะรู้ว่าเท่เป็นคนเรียบร้อย แต่รอบนี้คนเรียบร้อยไปผับจนสว่าง 2 วันติด มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ บอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยแม้ว่าจะสว่าง 2 วันติด แต่ก็ไม่มีเหนื่อยไม่มีเพลีย
1. ตั๋วเครื่องบิน จองล่วงหน้ากี่เดือน ราคาเท่าไร สายการบินอะไร เวลาไฟลท์ดีไหม และบรรยากาศนั่งเครื่องขาไป
เท่จองตั๋วล่วงหน้าประมาณเดือนครึ่ง เป็นของสายการบิน Asiana Airlines ได้ตั๋วไปกลับมาในราคา 15,100 บาท บินนิ่มๆสบายๆกับเครื่องลำใหญ่ที่สุดในโลก Airbus A380 และก็ได้เวลาบินที่เหมาะกับตัวเองมาก คือ ขาไปบินเวลา 01:30 ถึงตอนเช้า 09:15 และขากลับก็บินเวลาค่ำๆ 19:30 แล้วถึงสุวรรณภูมิ 23:10 มันดีสำหรับคนที่เลิกงานตอนเย็นจากนั้นก็กลับบ้านเตรียมกระเป๋า อาบน้ำ แล้วก็ออกไปสนามบิน ถึงเกาหลีตอนเช้าแล้วออกเที่ยวได้เลย เที่ยวเต็มๆแล้วก็บินกลับไทยตอนค่ำๆ ถึงสุวรรณภูมิแล้วแถมยังทัน Airport Link อีก ถึงบ้านอาบน้ำนอนพร้อมเริ่มทำงานในวันถัดไป
ผู้โดยสารร่วมทางในครั้งนี้ส่วนมากเป็นคนเกาหลี มีทั้งวัยรุ่นหน้าละอ่อน วัยกลางคน ไปจนถึงอาจุมม่าที่มาเที่ยวแดนแห่งรอยยิ้มกับครอบครัว เท่เลือกนั่งติดริมหน้าต่างชั้นบน พอขึ้นไปถึงประตูเครื่องบิน ก็มีแอร์สาวสวยหน้าเป๊ะมากมายืนรอต้อนรับพร้อมบอกให้เดินไปขึ้นบันไดเพื่อไปชั้นบน สีสันของการเดินทางคนเดียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การลุ้นว่าจะได้นั่งข้างใคร (ถ้าได้นั่งข้างคนหน้าตาดีก็จะแกล้งนอนซบไปเลยเบาๆ 55) สรุปคือได้นั่งคนเดียว!!! จบข่าว!!! ผ่าม!!!
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องก็เริ่มสตาร์ท แล้วก็ค่อยๆเคลื่อนไปที่รันเวย์ มันเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม ที่ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เพราะเกิดสถานการณ์ยากๆขึ้นหลายอย่างในช่วงนั้น ชีวิตของเราทุกคนก็คงเคยเจอไม่ว่าจะเป็นคนที่ไว้ใจหักหลัง โดนโกง ไม่มีตัง ตกงาน โดนทิ้ง อยู่ตัวคนเดียว ห่างไกลจากครอบครัว ทุกอย่างมันถาดโถมเข้ามาจนเราไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้นจากที่นอน เท่เข้าใจและอยากจะบอกว่า ให้เรากลั้นใจลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เราทำได้ ถ้าตกงานก็ออกไปหางาน ถ้าโดนทิ้งก็ให้ระลึกไว้ว่ามีใครบางคนเสมอที่ไม่เคยทิ้งเรา จะเป็นคนขี้แพ้หัวฟูหน้าโทรมไปทำไม ลุกขึ้นมาเป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด “มีชีวิตที่ดีงามแล้วทิ้งคนที่แย่ๆไว้ข้างหลัง สะใจกว่าเยอะ”
หลับมาได้สัก 3-4 ชม. แอร์สาวก็เริ่มบริการอาหารและเครื่องดื่ม กลิ่นอาหารหอมไปทั่ว ไม่ต้องปลุกกันซะให้ยาก ตื่นเองอย่างรวดเร็วพร้อมดึงที่วางถาดออกมารออย่างสวยงาม แอร์ก็ทยอยเสิร์ฟมาเรื่อยๆ ถามกันไปมาเป็นภาษาเกาหลี แต่พอถึงที่นั่งเรา โดนถามมาเป็นภาษาอังกฤษว่าจะรับอะไรดี รู้เลยทันทีว่าแอร์คนนี้ทำการบ้านมาดี และใส่ใจข้อมูลตอนบรีฟว่าผู้โดยสารที่นั่งตรงไหนใช่ไม่ใช่คนเกาหลี หรือว่าพี่แอร์เค้าดูจากเบ้าหน้าเราเอา? อันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
ถึงแล้ว แดนเกาหมี เกาเหลา จะเกาอะไรก็เอาตามใจเลย ระหว่างรอไปจอดที่เกท ก็หยิบมือถือขึ้นมาส่องดูหนังหน้าตัวเอง จัดเสื้อผ้า และปรับทรงผมกันไป อากาศเช้านี้ประมาณ 13-15 องศา ท้องฟ้าแจ่มใส คือดีย์ สนามบินอินชอนมีอาคารผู้โดยสาร 2 อาคาร ถ้าเครื่องไปจอดอาคาร 2 จะต้องนั่งรถไฟมาผ่าน ตม. ที่อาคาร 1 แต่ถ้านั่งสายการบินนี้ ก็จะมาจอดที่อาคารผู้โดยสาร 1 เลยไม่ต้องนั่งรถไฟเชื่อมให้เสียเวลา คือดีย์
พอจอดเทียบที่เกท เท่ก็เดินตามคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ ก่อนออกจากเครื่องก็สบตาแอร์พร้อมพูดขอบคุณพี่ๆเค้า และส่งยิ้มอ่อนๆให้ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆ แล้วก็รีบก้าวยาวเพื่อไปห้องน้ำ มัวแต่ซาบซึ้งกันอยู่นั่นแหละ เป็นไงล่ะเกือบฉี่ราดไปแล้ว
เท่พักที่เกสเฮ้าส์ย่านฮงแด วิธีที่ง่ายที่สุดคือ นั่งรถไฟ AREX ไปลงที่สถานี Hong-ik ได้เลย เดินตามป้าย Airport Railroad ไปเรื่อยๆ แล้วจะเจอเอง เท่มีบัตร T-Money อยู่แล้ว แค่ไปเติมเงินแล้วใช้งานได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. ถือซะว่านั่งพักเมื่อยและชมวิวข้างทางไปเพลินๆ จะไม่เจาะลึกเรื่องการเดินทางเข้าเมืองมาก ไปดูเอาในรีวิวก่อนๆ https://ppantip.com/topic/36361945
2. เกสเฮ้าส์ที่ Hongdae ย่านช็อปปิ้งและแหล่งสังสรรค์ของหนุ่มสาววัยรุ่น
มีเหตุผลเดียวเลยที่กลับมาพักเกสเฮ้าส์นี้อีกครั้ง ก็คือ “ความประทับใจ” คำเดียวจบแล้วไม่ต้องพูดอธิบายอะไรให้เจ็บคอ รู้สึกว่าเกสเฮ้าส์แห่งนี้เป็นเหมือนบ้านของตัวเองเลยล่ะ มีห้องครัวพร้อมเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ยกเว้นน้ำปลาร้ากับครกไว้ตำส้มตำ หลับตาแล้วเดินจากสถานี Hong-ik มาไม่ถึง 5 นาที พร้อมมีทางเดินชันๆที่เราสามารถลากกระเป๋าหนักๆขึ้นมาจนถึงหน้าประตูบ้านได้อย่างสละสลวย ระบบความปลอดภัยนี่ชั้นยอด เพราะต้องกดรหัสผ่าน 4 หลักแล้วตามด้วยเครื่องหมายดอกจันทร์ถึงจะเปิดประตูเข้ามาได้ แต่พอกดเสร็จ แล้วกำลังจะดึงเปิดประตูเท่านั้นล่ะ เอ้า! มันไม่ได้ล็อก ถ้ามีขโมยขึ้นบ้าน อย่ามาโบ๊ยเค้านะ กุเปล่า 55
สิ่งที่เท่ชอบในการพักเกสเฮ้าส์ก็คือ เราจะได้เพื่อนใหม่ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนมุมมองอะไรใหม่ๆ และได้พูดภาษาอังกฤษ จีน เกาหลี รวมไปถึงภาษาอื่นๆที่เราพอสื่อสารได้ ว่างๆก็เรียนจากเค้าบ้าง ช่วยสอนให้เค้าบ้าง ถ้าสอนรอบแรกไม่เข้าใจเราก็ต้องอธิบายซ้ำเป็นรอบที่ 2 ด้วยรอยยิ้ม สงสัยตำแหน่งทูตการท่องเที่ยวคงตกเป็นของเราสักวัน แต่ถ้ารอบที่ 3 แล้วยังไม่เก็ตความหงุดหงิดมันก็จะเริ่มเข้ามา 55
เดินสะดิ้งออกจากบ้านตัวเองมา 3 ก้าว ความชมพูนวลผ่องของดอกอันนี้มันช่างสวยงามเหลือเกิน อากาศ 18 องศา พร้อมลมเบาๆที่พอช่วยให้ผมปลิวๆแล้วมีวอลุ่มขึ้นมา มันช่างเหมาะเจาะกับการถ่ายภาพของเราจริงๆ ยืนฟาดอยู่ตรงนี้ 10 นาทีได้ แล้วก็เดินไปหาของกินต่อในย่านช็อปปิ้ง Hongdae ซึ่งใช้เวลาเดินจากบ้านเราประมาณ 5 นาที ถ้าไม่มัวนั่งเล่นกับหมาข้างทาง
เดินวนหาร้านอาหารอยู่ 2-3 รอบ แล้วเห็นคนหน้าตาดีส่วนมากชอบเดินเข้าร้านนี้ เราก็เลย...เอาวะ...ร้านนี้ก็ร้านนี้ การสั่งอาหารนั้นง่ายมาก นิ้ววิเศษ อยากกินอะไรก็ชี้ๆเอา แล้วพอเห็นหน้าตาอาหารที่มาเสิร์ฟก็พอได้อยู่ รสชาติก็ไม่แย่นะ แต่ที่มันแปลกและสากคอมากก็คือใบหม่อนที่เค้าให้มาในถ้วยนี่ล่ะ อันนี้เท่ขอบาย เข็ดหลาบ สวัสดี
Hongdae เป็นศูนย์รวมของวัยรุ่น จะมาช็อปปิ้ง มาเม้าท์มอยกับเพื่อนพร้อมนั่งจิบเครื่องดื่มที่คาเฟ่ หรือมากินอาหารอร่อยๆก็ได้ทั้งนั้น มีผับดังๆงานดีๆเยอะแยะ คืนเดียวเที่ยว 3 ผับก็ยังได้ และสิ่งที่ห้ามพลาด กาดอกจันทร์แปดร้อยดอกนั่นก็คือ มานั่งฟังดนตรีสดที่เค้าร้องตามข้างทาง คือแบบมันเพราะมาก ขนลุกเลย แถมขอเพลงก็ยังได้ถ้ามั่นหน้าพอ กราบได้กราบ สรุปง่ายๆคือ ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ให้คิดถึง “ฮงแด” ตามนี้
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะมีบางคนที่อยากให้คอนเฟิร์มเรื่องอากาศว่าสรุปแล้วมันหนาวไม่หนาว เอาง่ายๆเลยคือให้สังเกตในรูปว่าผู้คนยังคงใส่เสื้อผ้าค่อนข้างหนาอยู่ งั้นก็แสดงว่าอะไรครับ? ใช่แล้ว...มันยังถือว่าหนาวๆอยู่ หนาวสุดที่เจอก็ประมาณ 10 องศา ร้อนสุดก็ประมาณ 25 องศา รวมๆเฉลี่ยประมาณ 14-20 องศา ใครมาช่วงนี้ก็เอาเสื้อกันหนาวมาด้วยละกัน เอามาแล้วถ้ามันร้อน ไม่อยากใส่ก็โยนทิ้งไว้ที่ห้อง เกินดีกว่าเหลือ เอ้ย! เหลือดีกว่าขาด
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้