ส่วนตัวแล้วไม่เคยเอาอะไรไปซ่อมที่ร้านอมรมาก่อน เคยแต่ไปหาซื้อของต่างๆเพราะมีความรู้สึกว่าราคาไม่แพง
มาคราวนี้ทีวีแอลอีดี ยี่ห้อ อโคเนติค ขนาด32นิ้ว ผ่านการใช้งานมาแค่ 2ปีครึ่ง (เสียเร็วเนอะประกัน2ปีหมดประกันได้6เดือนก็เสียเลย)
อาการเปิดดูได้สักพักก็ไม่มีภาพ แต่ยังมีเสียงอยู่แล้วบางทีก็เปิดไม่ติด ต้องปิดแล้วเปิดใหม่ก็ติด ระยะหลังมานี่เปิดดูได้แค่แป๊ปเดียวก็ดับ
เปิดใหม่ก็ดูได้แค่แป๊ปเดียวแล้วก็ดับอีกแล้วก็เปิดไม่ติดเลย เสริทดูแล้วศูนย์ซ่อมอยู่ที่งามวงศ์วาน ไม่สะดวกที่จะเอาไปซ่อม
ก็เลยเอาไปที่ร้านอมรบางกะปิ (อยู่ที่ชั้นล่างของโลตัส) เมื่อเอาไปถึงคนที่รับก็บอกว่า ต้องมีค่าตรวจเช็ค100บาท
ถ้าตรวจเช็คแล้วจะไม่ซ่อมก็ต้องเสียค่าตรวจ โอเคตรงนี้รับได้ครับ ถามราคาค่าซ่อมของอาการแบบนี้โดยประมาณช่างก็บอกว่าขนาด32นิ้ว
ค่าซ่อมก็ประมาณ1,800 พอวันรุ่งขึ้นช่างก็โทรมาแจ้งว่าเป็นที่ "ชุดหลอดแอลอีดีเสีย" ค่าซ่อม 1,800บาท เท่ากับราคาประเมิณเป๊ะเลย
ผมก็ตกลงสั่งซ่อม ช่างบอกว่าตอนเย็นมารับได้เลย เมื่อผมไปรับเครื่องที่ซ่อมเสร็จ ผมก็ขออะไหล่ชุดหลอดแอลอีดีที่เสีย
เขาก็บอกว่าต้องแจ้งตอนสั่งซ่อมว่าจะขออะไหล่เก่ากลับด้วย ถ้าไม่แจ้งเขาก็ไม่ได้เก็บเอาใว้ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าช่างคนที่ซ่อมเอาไปเก็บใว้ที่ไหน
ผมก็บอกว่าผมเอาทีวีโซนี่ไปซ่อมที่ศูนย์ ผมไม่ต้องแจ้งอะไรเลย เขาจะเอาอะไหล่เก่าที่เปลี่ยนออก ใส่ถุงแล้วติดเทปมาด้วยทุกครั้ง
พานาโซนิคก็ใช่ คิดไม่ถึงว่าระดับห้างอมรจะต้องขอก่อน ไม่เป็นไรวันรุ่งขึ้นผมจะให้ลูกชายแวะไปเอาอะไหล่ชุดหลอดแอลอีดีที่เปลี่ยนออก
มาวันนี้ผมก็ให้ลูกชายแวะไปเอา แต่สิ่งที่ร้านอมรให้มาก็คือเศษของหลอดแอลอีดีที่ราคาแค่ไม่กี่สิบบาท ไม่ใช่ชุดหลอดแอลอีดี ที่ราคาพันกว่าบาท
ผมรู้สึกว่าผมโดนฟันหัวแบะเลยครับ หรือว่าราคาของเศษหลอดแอลอีดีนี้มันจะพันกว่าบาทจริงๆ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมราคาหลอดที่เปลี่ยน
(แค่หลอดเดียว ไม่ใช่ชุดที่เป็นแบบยกแผง) ขายสัก200บาท ค่าแรง600บาท ค่าตรวจเช็ค100บาท นี่ก็น่าจะมีกำไรพอแล้วนะครับ
แต่นี่คิดมา1,800บาท เหมือนโกงลูกค้าเลย (เพราะบอกว่าเปลี่ยนชุดหลอดแอลอีดี) มีใครที่เอาของไปซ่อมแล้วโดนฟันหัวแบะแบบผมไหมครับ
ต่อจากนี้ผมก็จะบอกกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานทุกๆว่า ให้หลีกให้ห่างๆจากร้านอมร ไม่ว่าจะซื้อของหรือว่าจะเอาของไปซ่อม
นี่คือชุดหลอดแอลอีดีที่ร้านอมรบอกว่าเปลี่ยนออกมาราคา 1,800บาท รวมค่าแรง
เอาทีวีไปซ่อมที่ร้านอมร มีความรู้สึกว่าโดนฟันหัวแบะมา
มาคราวนี้ทีวีแอลอีดี ยี่ห้อ อโคเนติค ขนาด32นิ้ว ผ่านการใช้งานมาแค่ 2ปีครึ่ง (เสียเร็วเนอะประกัน2ปีหมดประกันได้6เดือนก็เสียเลย)
อาการเปิดดูได้สักพักก็ไม่มีภาพ แต่ยังมีเสียงอยู่แล้วบางทีก็เปิดไม่ติด ต้องปิดแล้วเปิดใหม่ก็ติด ระยะหลังมานี่เปิดดูได้แค่แป๊ปเดียวก็ดับ
เปิดใหม่ก็ดูได้แค่แป๊ปเดียวแล้วก็ดับอีกแล้วก็เปิดไม่ติดเลย เสริทดูแล้วศูนย์ซ่อมอยู่ที่งามวงศ์วาน ไม่สะดวกที่จะเอาไปซ่อม
ก็เลยเอาไปที่ร้านอมรบางกะปิ (อยู่ที่ชั้นล่างของโลตัส) เมื่อเอาไปถึงคนที่รับก็บอกว่า ต้องมีค่าตรวจเช็ค100บาท
ถ้าตรวจเช็คแล้วจะไม่ซ่อมก็ต้องเสียค่าตรวจ โอเคตรงนี้รับได้ครับ ถามราคาค่าซ่อมของอาการแบบนี้โดยประมาณช่างก็บอกว่าขนาด32นิ้ว
ค่าซ่อมก็ประมาณ1,800 พอวันรุ่งขึ้นช่างก็โทรมาแจ้งว่าเป็นที่ "ชุดหลอดแอลอีดีเสีย" ค่าซ่อม 1,800บาท เท่ากับราคาประเมิณเป๊ะเลย
ผมก็ตกลงสั่งซ่อม ช่างบอกว่าตอนเย็นมารับได้เลย เมื่อผมไปรับเครื่องที่ซ่อมเสร็จ ผมก็ขออะไหล่ชุดหลอดแอลอีดีที่เสีย
เขาก็บอกว่าต้องแจ้งตอนสั่งซ่อมว่าจะขออะไหล่เก่ากลับด้วย ถ้าไม่แจ้งเขาก็ไม่ได้เก็บเอาใว้ แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าช่างคนที่ซ่อมเอาไปเก็บใว้ที่ไหน
ผมก็บอกว่าผมเอาทีวีโซนี่ไปซ่อมที่ศูนย์ ผมไม่ต้องแจ้งอะไรเลย เขาจะเอาอะไหล่เก่าที่เปลี่ยนออก ใส่ถุงแล้วติดเทปมาด้วยทุกครั้ง
พานาโซนิคก็ใช่ คิดไม่ถึงว่าระดับห้างอมรจะต้องขอก่อน ไม่เป็นไรวันรุ่งขึ้นผมจะให้ลูกชายแวะไปเอาอะไหล่ชุดหลอดแอลอีดีที่เปลี่ยนออก
มาวันนี้ผมก็ให้ลูกชายแวะไปเอา แต่สิ่งที่ร้านอมรให้มาก็คือเศษของหลอดแอลอีดีที่ราคาแค่ไม่กี่สิบบาท ไม่ใช่ชุดหลอดแอลอีดี ที่ราคาพันกว่าบาท
ผมรู้สึกว่าผมโดนฟันหัวแบะเลยครับ หรือว่าราคาของเศษหลอดแอลอีดีนี้มันจะพันกว่าบาทจริงๆ ความคิดเห็นส่วนตัวของผมราคาหลอดที่เปลี่ยน
(แค่หลอดเดียว ไม่ใช่ชุดที่เป็นแบบยกแผง) ขายสัก200บาท ค่าแรง600บาท ค่าตรวจเช็ค100บาท นี่ก็น่าจะมีกำไรพอแล้วนะครับ
แต่นี่คิดมา1,800บาท เหมือนโกงลูกค้าเลย (เพราะบอกว่าเปลี่ยนชุดหลอดแอลอีดี) มีใครที่เอาของไปซ่อมแล้วโดนฟันหัวแบะแบบผมไหมครับ
ต่อจากนี้ผมก็จะบอกกับเพื่อนร่วมงานที่ทำงานทุกๆว่า ให้หลีกให้ห่างๆจากร้านอมร ไม่ว่าจะซื้อของหรือว่าจะเอาของไปซ่อม
นี่คือชุดหลอดแอลอีดีที่ร้านอมรบอกว่าเปลี่ยนออกมาราคา 1,800บาท รวมค่าแรง