เรื่องเล่าจากสาวเอ๋อ :: เม้าท์มอยงานแต่งญี่ปุ่น และการกลับมาของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร

เจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคักสวัสดีค่าาาาาาาา หลังจากหายหน้าไปนานหลายเดือนมาก (ซึ่งจริงๆต้องบอกว่าหายไปเป็นปี ถ้านับช่วงที่อู้ไปก่อนหน้านั้น ฮ่าๆๆๆๆ) เก๊ากลับมาแล้ววว กลับมาพร้อมกับภาพที่ไปงานแต่งที่ญี่ปุ่นค่ะ

หลายคนคงสงสัยอยู่ว่า อีนี่มันเป็นใครกัน ก็คงต้องเท้าความว่า เราเริ่มเขียนกระทู้ตั้งแต่ตอนไปเรียนที่นิวยอร์คค่ะ นินทาเพื่อน เม้าท์มอยโรงเรียน รวมไปถึงเม้าท์หนุ่มๆรอบตัวที่พบเจอระหว่างทาง บนรถไฟ ตามซอกตึก ฯลฯ รวมไปถึงมาเขียนบ่นระบายความในใจเรื่องไปแอบชอบผู้ชายในคลาส ไปจีบเค้าแบบดุเดือด จนได้เป็นแฟนกันแบบงงๆในระยะไกล และก็เลิกกันไปบ้าง กลับมาคบกัน บลาๆๆๆๆ สรุปก็คือ เราโผล่มาแบบจับสาระไม่ได้นี่เองค่ะ ฮ่าๆๆๆ และช่วงที่ผ่านมาก็หายหน้าหายตาไปนานมาก เพราะหมดมุขจะเขียนแล้ว ก็บังเอิญมีโอกาสได้กลับไปญี่ปุ่นอีกสองครั้งติดกันเลย ก็เลยจะเอามาเขียนรวบยอดไว้ด้วยกันเลยเนาะ ^^

เรื่องมันเกิดจากครั้งล่าสุดที่เขียน คือเราตัดสินใจเลิกกับคุณชายสนูปี้ไปเรียบร้อย และก็ไม่ได้ติดต่อกันหลังจากกลับมานิวยอร์คสักพัก เรียกว่าไปกันคนละทางอย่างแท้ทรู จนกระทั่งวันนึง เราก็นั่งทำเคสมือถือกระจุกกระจิกของเราไปตามเรื่องค่ะ แล้วก็แปะรูปลงเฟสบุคตามปกติ จู่ๆคุณแม่ของตาสนูปี้ก็ทักมา แล้วบอกว่า อยากได้เคสแบบนี้บ้าง สั่งทำหน่อยได้มั้ย ทางนี้ก็เลย เอ้า ได้ค่ะ ฝากโฆษณาด้วยค่ะ จะทำขายฮ่าๆๆๆ

พอทำเสร็จก็ส่งไปให้ที่ญี่ปุ่น ทางนั้นก็ถามเรามาว่าเออคิดราคาเท่าไหร่ จะส่งเงินให้ ก็แน่นอนว่าคนงกๆแบบเรา ก็บอกเค้าไปว่า...ไม่เป็นไรค่ะ เอาไปเถอะ ให้เป็นของขวัญ ซึ่งทางนั้นก็ไม่ยอม จนในที่สุดก็ตกลงกันว่า เดี๋ยวเค้าซื้อดินปั้นให้ก็แล้วกัน เราก็เลยโอเค เพราะดินที่เราใช้มันหาซื้อไม่ได้ในไทยแย้ว ฮือๆๆๆ ก่อนซื้อแม่เค้าก็เลยส่งรูปมาให้ว่าอันนี้ใช่มั้ย และมันไม่ใช่ค่ะ 555 มันคือดินแบบเก่าที่เราเคยใช้สมัยหัดปั้นใหม่ๆ ก็เลยบอกเค้าไปว่า เราใช้ยี่ห้อนี้ๆ แบบนี้ิ ถ้าไม่แน่ใจลองถามลูกชายแม่ดูก็ได้ค่ะ นางเคยไปซื้อด้วยกัน นางรู้

เวลาผ่านไปอีกหลายวัน จู่ๆก็มีเมสเสจเข้ามาจากคุณชาย ส่งรูปดินมาจำนวนนึง แล้วถามว่า แค่นี้พอมั้ย
...มันก็พอแหละ แต่มันไม่ใช่สีที่ตูใช้ตามปกติเลยเว้ยยยยยยยยย

ก็เลยกลายเป็นว่าเรากลับมาคุยกันโดยปริยายค่ะ และแน่นอน เราฝากฮีซื้อดินสีอื่นที่เราจะเอาได้ในที่สุดด้วย ฮิ้ววววว

ตัดภาพมาหลังจากนั้นอีกหลายเดือน คอนเสิร์ตบัลเล่ต์กลางปีของบ้านฮีก็เวียนกลับมาอีกครั้งค่ะ และแน่นอนว่าหลังจากไม่ได้เจอกันมาเกินปี คราวนี้ฮีก็เลยชวนเรากลับไปในที่สุดดดดดดดดดด

เจ้าคิกคักเจ้าคิกคักเจ้าคิกคัก

กลับไปรอบนี้ทุกคนทางนั้นก็ช๊อคกันไปหมดเพราะหายไปนานเกิ๊นนนน นานจนทุกคนก็รู้กันเป็นนัยๆว่าเลิกกันไปแล้วมั้ง แต่รอบนี้เราคุยกันตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้วว่า เรากลับมาคบกันเถอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ก็ตามนั้น!!

คืนแรกที่ไปถึง ฮีไม่สามารถมารับเราได้ค่ะ เราเลยงมทางไปโรงแรมเอง ซึ่งอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ฮีต้องวีดีโอคอลมาช่วยหา และพาเดินวนซะ1รอบจนเราเดินไปถามคุณตำรวจแถวนั้น ก็ค้นพบว่าเดินผ่านหน้าโรงแรมไปสองรอบแล้วจ้าาาา

วิวค่ำคืน


เช้าแรกในญี่ปุ่นนนน


สูจิบัตรคอนเสิร์ตปีนี้ค่ะ





หลังจากคคอนเสิร์ต จู่ๆคุณชายก็หันมาถามว่าอยากไปเที่ยวไหน เราก็มาแบบมึนๆ ก็เลยนึกไม่ออกจริงๆค่ะ สุดท้ายคุณชายก็เลยบอกว่า ไปเปลี่ยนชุดละกัน ไปเที่ยววาคายาม่ากันเถอะ!! จ้ะๆ ไปจ้ะไป

ไปกันสองคนจ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ตอนกำลังจะไปที่รถ เราก็ถามว่า เออ แล้วถ้าเราเอารถไปแบบนี้(ฮีไม่ชอบนั่งรถไฟค่ะ) แม่เธอจะเอารถที่ไหนใช้ล่ะ คุณชายก็บอก โนวอรี่ ตอนนี้บ้านเรามีรถสองคันแล้ว สบายมากเธอ ซึ่งเาก็ อ้อๆ โอเครรรร

และ ณ ลานจอดรถ ฮีก็ไปกดปุ่มที่เราไม่เคยสนใจมาก่อน และครืดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เพิ่งรู้ค่ะว่าที่จอดรถมันมีสองชั้น มันยกชั้นแรกขึ้น และเลื่อนชั้นล่างขึ้นมา มาบ้านนี้สี่ปีแล้วไม่เคยรู้ มันเท่มากแกร๊  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

และที่กรี๊ดกว่าคือรถที่โผล่มา ไม่ต้องบอกเลยว่ารถใคร 555555555 สีแดงแปร๊ดเบอร์นี้ มีคนเดียวจริงๆ

ถ้านึกภาพที่จอดรถไม่ออก มันเป็นแบบนี้ค่ะ

แดงแปร๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

แอบถามว่า ทำไมไม่ซื้อรถญี่ปุ่นล่ะเธอ น่าจะถูกกว่านะในคุณภาพเดียวกัน และคำตอบก็ไม่ค่อยผิดจากที่คิดเลยค่ะ "ก็คันนี้มันน่ารักกว่า"

หนูลูก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

แวะจุกพักรถค่ะ เดี๋ยวนี้ฮีพัฒนาแล้ว ถ่ายเราไม่หัวขาดเท้าขาดแล้วนาาาาา



ผ่านเรื่องรถไป เราก็ขับรถกันไปสักพักใหญ่ จนกระทั่งฮีเริ่มบ่นปวดหัว แล้วก็ความมือมาบีบแน่นมาก หน้าซีดมากกกก เราเองก็เริ่มตกใจค่ะ เพราะเสรฝ้จคอนเสิร์ต วันถัดมาเราก็ชิ่งมาขัยรถเที่ยวกันเลย เจ้าตัวก็ยังไม่ได้พักผ่อนเท่าไหร่ สุดท้ายก็เลยไปไม่ถึงจุดหมาย เราหาที่แวะพักกันกลางทาง ก็ไปเจอโรงแรมนี้เข้า ซึ่งในรูปมันเท่มากๆ เป็นเหมือนปราสาทแบบญี่ปุ่นน่ะค่ะ ก็เลยมองหน้ากัน เอาวะ ไปที่นี่กันเถอะ

จังหวะที่กำลังจะเลี้ยวรถเข้าไป ก็เหลือบไปเห็นๆข้างประตูทางเข้า...สุสานจ้า!!!
ไม่ใช่แบบ อยู่ใกล้สุสานนะคะ คือรั้วมันเป็นรั้วเดียวกัน ข้างนึงเป็นตึกโรงแรม อีกข้างเป็นหลุมฝังศพกันไปเล้ยยย บันเทิงแน่นอน

เราหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แล้วคุณชายก็เปิดปากถามขึ้นมาว่า "อยากย้ายที่มั้ย" เราก็เลยถามกลับว่า "ขับไหวเหรอ" ก็แน่นอนว่าไม่ไหว สองคนก็เลยมองหน้ากัน แล้วก็ เอาวะ คืนเดียวเอง มันก็คงไม่มีอะไรหรอก...มั้ง...

หน้าโรงแรมค่ะ


โชคดีอยู่สักหน่อยที่ได้ห้องพักชั้นล่าง ซึ่งในละแวกห้องนั้นก็มีอีกสองหรือสามห้องที่มีคนอยู่ค่ะ(ฝั่งตรงข้ามน่ะนะ ^^") เราก็จัดการตัวเอง นอนพักสักแป๊บ แล้วก็ออกไปอาบน้ำ เพราะที่นี่ไม่มีที่อาบน้ำในห้องพักค่ะ เราต้องเดินออกไปสุดทางเดิน ถึงจะเจอห้องอาบน้ำอยู่สุดทาง และเราก็เป็นคนที่กล้าหาญสุดๆ เมื่อเห็นว่าในห้องอาบน้ำไม่มีใครเลย เราก็ไม่ควรจะไปอยู่นานๆให้ความสงบนั้นมันเสียไป เราก็วิ่งเข้าไป วิ่งผ่านน้ำ และกลับออกมานั่งรอได้ภายในห้านาทจากที่นัดกันไว้ว่าสักสี่สิบนาทีเราออกมาเจอกัน 555555555 ไม่เป็นไรค่ะ มือถือมี เน็ตมี เราก็นั่งเล่นเกมรอได้ แช่น้ำรอหรือเล่นเกมรอมันก็ไม่ต่างกันหรอกเนอะ ฮี่ๆๆๆๆๆ

กลับมาเราก็ไปนั่งกินอาหารเย็นที่โรงแรมจัดไว้ให้อย่างรวดเร็ว แล้วรีบกลับไปนอน เนื่องจากเราจะต้องไปต่อกันแต่เช้า ที่สำคัญคือสภาพคุณชายก็ง่วงจนหัวจะทิ่มลงในชามข้าวอยู่แล้ว

ข้าวเย็น~




แต่ปัญหามันอยู่ที่คืนนั้นแหละค่ะ เพราะช่วงนั้นคงเป็นช่วงมรสุม พายุมา ตึกเก่ากับพายุก็ดูจะเป็นคู่ที่ไปกันได้ไม่ดีเท่าไหร่จริงๆ คืนนั้นคือเราพยายามหลับพร้อมกับเสียงโครมคราม เสียงหน้าต่างเขย่าครึ่กๆๆๆ เสียงเหมือนคนวิ่งไปวิ่งมา เสียงเหมือนคนทุบผนัง แล้วเสียงเขย่าอีกครั้ง สะดุ้งตื่นกันแทบจะทุกๆ5นาที จนเกือบเช้านั่นแหละค่ะ ทุกอย่างถึงจะสงบลง และเราได้นอนหลับกันจริงๆในที่สุด ฮือออออออออ

เช้ามา แน่นอนว่าสภาพดูไม่ได้กันทั้งคู่ที่สำคัญคือตอนแรกฮีบอกเราว่า เดย์ทริปจ้ะ เราเลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา 5555 ก็กลับหน้าเอหน้าบีกันไปเนอะ

วิวจากชั้นบนสุดของโรงแรม มันไม่แย่นะ มันแค่น่ากลัวตอนกลางคืน ^^”



ขับกันมาเพื่อจะไปหาดชิราฮามะ คุณชายก็หันมาบอกว่าแม่กับมิสะ(พี่สาวฮี)กำลังตามมา เดี๋ยวไปเจอกันที่โรงแรม(ใหม่)เลย เราก็ไปแวะเที่ยวกันก่อนละกันเนอะ

ก็ได้ แต่ชั้นจะเอาอะไรเปลี่ยนล่ะเว้ยยยยยยยย

สุดท้ายเราก็เลยต้องดึงเดรสที่ใส่ให้ลงมาเป็นกระโปรง แล้วก็หาซื้อเสื้อใหม่มาใส่กันตามระเบียบค่ะ

ระหว่างทางเจอโรงแรมนี้ มันสวยมากกกกก ร้องงอแงอยากไปพัก แต่ฮีเบรคไว้ว่า มันเก่านะ ยังไม่เข็ดอีกเหรอ เอิ้บบบ








แวะหาดกันระหว่างทางค่ะ แต่ฝนตกจนต้องวิ่งกลับรถในสภาพเปียกโชก และนั่งสั่นงั่กๆขับรถไปโรงแรมกัน

มีไฟปบบนี้ให้ดูในสวนโรงแรมด้วยนะคะ ดีงาม



โชคดีมากๆที่โรงแรมมียูกาตะให้เปลี่ยน เราเลยเอาชุดไปตาก เปลี่ยนใส่ยูกาตะแล้วออกไปกินข้าวกัน ความสนุกมันอยู่ที่ละแวกนั้นเป็นทะเล และผาหิน บ่อน้ำร้อนที่เราไปอาบก็เลยถูกสร้างให้อยู่ชิดหน้าผาค่ะ อาบน้ำไปดูคลื่นซัดหน้าผาไปให้หวาดเสียวเล่นๆ แล้วก็ผ่านไปอีก1 วันในที่สุด~

วิวจากระเบียงห้อง ดีเกิ๊นนนน



เช้าวันถัดมา เราก็ตื่นแบบสดชื่นมากกกก เพราะในที่สุดก็ได้พักกันแบบเต็มที่สักที เสื้อผ้าแห้งแล้ว พร้อมกลับบ้านแล้ว เย้~

และบนโต๊ะอาหารเช้า คุณชายก็หันมายิ้มแหยๆให้ บอกว่า เธอ แม่จองโรงแรมไว้อีกที่แล้วอะ เราคงต้องอยู่กันอีกคืน...เนอะ

เนอะแนะอะไรเล่า เอาเสื้อผ้าใหม่มาให้เปลี่ยนเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยยยย ฮืออออออออ


แวะเที่ยวระหว่างทางกันกรุบกริบ หน้าผาสูงและลมแรงมากกก คลื่นน่ากลัวมากกกก คิดว่าถ้าโดนซัดเข้าหาหน้าผาก็ไม่น่าจะรอดนะคะลมแรงสุดๆจนผมไม่เหลือทรงใดๆให้ดูต่างหน้าเลย ฮาาา







แถมมม ขนมมันจูเจ้าดัง(คุณชายบอก) เหมือนซาลาเปาที่มีแค่แป้งบางๆ ไส้ถั่วดู้มๆที่ละลายในปากได้เลย  อยากกินอีกจังน้าาาา



เดี๋ยวมาต่อนะค้า~
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่