สวัสดีครับ
นี่คือกระทู้แรกในชีวิตของผม อยากลองเขียนอะไรแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้ทำซักที หลังจากจบทริปจีน
มานั่งดูรูปแล้วนึกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างทริป รู้สึกว่ามีเรื่องราวหลายอย่างที่น่าสนใจ มีอะไรมากมาย ที่เราสามารถถ่ายทอดได้มากกว่าแค่รูป
เลยลองตั้งใจทำรีวิวนี้ขึ้นมาในสไตล์ตัวเองดูครับ
ผมเชื่อว่าทุกคน ต้องมีสถานที่ในฝันที่อยากจะไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และมีแผนในใจคร่าวๆ ว่าปีนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ลิสต์ที่อยากไปแต่ละที่ของผมเองนั้น ยาวเหยียดต่อกันเป็นหางว่าวเลยทีเดียว เวลามีเพื่อนมาชวนไปไหน ก็มักจะตอบแบบส่งๆไปเสมอว่า เออได้ แต่รอให้ไปอันที่อยากไปก่อนนะ ซึงไม่รู้เมื่อไหร่จะหมด
.
แต่มีอยู่ 2 ทริป! ที่ผมได้ไปบังเอิญเห็นรีวิวจากพันทิพแล้ว ติดสตั้นไปประมาณ 3 วิ พร้อมทั้งอ้าปากค้างอีก 4 วิ
คิดในใจว่า เห้ยย นี่มันที่ไหนกันว้าา โคดสวยเลย นั่งหาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมทำการขี้โกงตัวเอง ด้วยการแทรกคิวทริปนี้ให้เลื่อนมาเร็วที่สุด
1 ใน 2 ทริปที่ว่าก็คือ หุบเขาอวตาร จางเจี่ยเจี้ย และนั่นก็คือที่มาของทริปนี้
.
เราเริ่มต้นหาข้อมูลจากการเดินตามรอยเท้าหลายๆท่านในพันทิป ที่ไปบุกเบิกมาก่อนหน้า เอาข้อมูลมายำรวมกันจนทริปเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ส่วนมากคนที่ไปที่นี้จะใช้สูตรสำเร็จรูปคือ 3-5 วัน : จางเจี่ยเจี้ย > เทียนเหมินซาน > และก็เฟิ่งหวง
แต่รู้สึกว่าไปเที่ยวจีนทั้งที จะขาดกำแพงเมืองจีนได้ไง อ่านรีวิวปักกิ่งเองก็มีสถานที่ไฮไลท์ไม่ค่อยเยอะ แยกทริปไปคงจะไม่คุ้ม จับมารวมเป็นทริปเดียวซะเลย ทริปนี้จึงรวมทั้งหมด 1 อาทิตย์พอดี พูดจีนกันก็ไม่ได้ ไปตายเอาดาบหน้าละกัน
.
.
รูปทั้งหมดผมใช้กล้อง Sony A7 และเลนส์ FE 16-35 F4 ที่ไปเช่ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ บางรูปใช้ Lightroom แต่งเพิ่ม บางรูปก็เพรียวๆใส่แต่ลายน้ำอย่างเดียวเลยครับ
ได้เวลาปักหมุดกันแล้ว
พอเริ่มอ่านข้อมูลจนเริ่มลงตัว คึกคะนองพร้อมจองตั๋วทันที แน่นอน ไฟลท์ไปฉางซา ก็ต้องไม่พ้นสัมประทานเจ้าเก่าอย่างแอร์เอเชีย
ขากลับบินจากปักกิ่ง พบแคนดิเดตที่คุ้นเคยอยู่ 2 เจ้า คือ เจ้าป้าการบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ ราคาแทบจะเท่ากันที่ 7xxx
เลยเลือกเจ้าหลัง เผื่อฟลุคเจอญาญ่ามาถ่ายโฆษณาพอดี
.
ส่วนเรื่องการเดินทางข้ามไปปักกิ่ง ลองหาข้อมูลแต่ยังไม่เคยเจอใครไปเหมือนแผนที่วางไว้
พอเดาได้ว่ารถไฟความเร็วสูงน่าจะเวิร์คสุด เพราะเพิ่งเปิดให้บริการไม่นาน ครั้นจะให้บิน Domestic ก็กลัวจะจองตั๋วไม่เป็น
ส่วนการเดินทางอื่นๆ เราก็อาศัยข้อมูลจากหลายๆท่านที่ไปบุกเบิกมาแล้ว ดูรายละเอียดของทริปพร้อมราคาคร่าวๆได้ตามรูปครับ
ผมแพลนรายละเอียดเฉพาะถึงเฟิ่งหวง เพราะหลังจากนั้นเราน่าจะมั่วเองได้แล้ว เงินทั้งหมดคือเงินหยวนนะครับ ถ้าอยากรู้ว่ากี่บาทก็เอา 5 ไปคูณง่ายๆเลย ไม่รวมค่าเครื่องบินและค่าโรงแรม สะกดชื่อผิดถูกบ้าง ขออภัย
ลิสต์โรงแรมที่เราพักทั้งหมด 6 คืน 5 เมืองครับ
- วันที่ 1 เมืองอู่หลิงหยวน Zhangjiajie Yueranju Hostel
- วันที่ 2 เมืองจางเจี่ยเจี้ย Zhangjiajie Yijiaqin Hotel
- วันที่ 3 เมืองเฟิ่งหวง Fenghuang Ancient City Jiaxing Inn
- วันที่ 4 เมืองฉางซา Changsha Wanjiali World Trade Hotel
- วันที่ 5-6 เมืองปักกิ่ง Beijing Jingyuan Courtyard Hotel
โรงแรมไหนดีไม่ดียังไง ลองอ่านจากรีวิวแล้วตัดสินใจเองได้เลยครับ
วันที่ 1 ถึงเวลาเดินทาง
ขาไปมีไฟลท์เดียวคือ 7 โมง ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เพื่อไปสนามบินดอนเมือง ที่ซึ่งการจราจรไม่สามารถคาดเดาเวลาได้
เลยต้องตื่นแต่ตี 4 ... โถ่วชีวิต แน่นอนรถคงไม่ติด ถึงสนามบินเวลาตี 4:45 คิดว่าเช็คอินเสร็จ นั่งหาของกินสบายๆ รอเครื่องขึ้น
.
แต่ที่ไหนได้ระบบเช็คอินล่มจ้า ไอเราก็ว่าทำไมคิวไม่ขยับซักที เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนจะ 1 ชั่วโมง ทางเคาน์เตอร์เพิ่งจะเปิดให้เช็คอินแบบ Manual
ซึ่งระหว่างนั้นไม่มีการประกาศใดๆจากสนามบินเลย มีแต่น้องนักศึกษาฝึกงานมาชูป้ายกระดาษว่า system down แค่นั้น!!!!
.
พวกผมยังโอเคที่เป็นคนไทย เดินเข้าไปถามถึงความคืบหน้าได้ แต่สงสารพวกชาวต่างชาติที่มาต่อแถวกันงงๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แถวเริ่มเอ่อล้นจนจะเลยออกไปนอกประตู ยังไม่มีวี่แววว่าระบบจะแก้เสร็จ
ไอที่งงก็คือ ระหว่างที่ยืนรอ ก็มีประกาศจาก AOT อยู่เรื่อยๆ เรื่องห้ามเอาของมีคมเข้าบ้าง ห้ามเอานู้นนั่นนี่โหลดบ้าง
.
คือ ทำไมสายการบินไม่ไปขอใช้ประกาศให้มันเป็นเรื่องราวหน่อย คนรอจะได้เข้าใจสถานการณ์ ไอพวกมาใหม่ก็ยืนงงกันเป็นแถบ
สุดท้ายมาได้คิวเอาตอนเหลือเวลาบอร์ดดิ้ง 15 นาที!! ทีนี้ก็วิ่งกันเหงื่อไหลไคลย้อยสิครับ
จากที่มาก่อนจะได้ชิวๆนั่งจิบกาแฟ ลงเอยด้วยการโกยแน่บซะงั้น โถ่วชีวิตหางแดง
เหล่าผู้ประสบชะตากรรมหางแดงร่วมกัน ยืนกันเอ่อล้นทะลักเคาน์เตอร์
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า เราก็ได้เห็นการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดด้วยป้ายกระดาษ "System Down"
จากเหตุการณ์หางแดงอลหม่าน พอถึงเวลาบินจริงก็ยังดีเลย์ไปประมาณ 20 นาทีอยู่ดี ถึงสนามบินที่ฉางซาเวลาประมาณ 11 โมง
ผ่านตม.ปุ๊บก็รีบวิ่งหาที่ซื้อตั๋ว เพื่อไปท่ารถขนส่ง Changsha West bus station ตามลายแทงการบ้านที่เตรียมไว้อย่างดี
พอเวลามันล่กนี้มันหาอะไรก็ยากไปหมด ที่สำคัญคือ ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกเลยซักกะตัว
.
กดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง ปรากฎว่าไม่ใช้ ต้องขึ้นมาชั้น 3 เหมือนเดิม วิ่งไปสุดทางด้านขวาเจอเคาท์เตอร์ให้ซื้อตั๋ว
บอกพนักงานว่าไปขนส่ง เรียบร้อยโดนไปคนละ 17.2 หยวน ถามพนักงานว่ารอตรงไหน เจ๊แกก็ชี้ๆไปสุดทางโพ้น รีบวิ่งไปหา
สุดท้ายท่ารถ
ก็อยู่ประตูข้างหลังที่ซื้อตั๋ว แล้วเจ๊แกชี้ไปทางไหนของเค้าล่ะนั่น เสียเวลาวิ่งหาประตูที่รถจะออกไปอีก 5 นาที
.
เดินมาถึงรถก็ออกไปพอดี รอคันต่อไปอีก บันเทิงมาก ในใจก็คิด Ship หาย แผนที่วางไว้ซะนานแรมเดือนจะมาพังตั้งแต่เริ่มเลยหรอวะเนี่ย
ขณะกำลังนั่งคิดถึงความบรรลัย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูมาจากด้านหลัง เจอพี่คนไทยด้วยกันกลุ่มหนึ่ง
เข้าไปทักทาย สืบสาวท้าวความได้ว่า พี่เค้าก็ตามรอยพันทิปมาเหมือนกัน แต่จะเที่ยวแค่ฉางซาและเฟิ่งหวง และจะไปพักที่อู่หลิงหยวนเหมือนเรา
รู้สึกโล่งใจ เอาวะ อย่างน้อยก็มีพวกพี่เค้าไปด้วยกัน
ยืนรอรถที่ชานชาลา 4 ซึ่งอยู่ข้างหลังบริเวณเคาเตอร์ซื้อตั๋วเลย
สภาพบนรถ แคบไปหน่อย แต่ก็ค่อนข้างสะอาดพอควร
ระหว่างที่นั่งบัสก็มองนาฬิกาไป จนจะจำรายละเอียดนาฬิกาตัวเองได้หมดละ มันก็ยังไม่ถึงซักทีว้าา
พอถึงสถานีรีบวิ่งไปหาที่ซื้อตั๋ว อยู่ชั้นล่างลึกเข้าไปด้านขวาสุดหน่อย เดินไปจ๊ะเอ๋กับพี่กลุ่มเดิม และพบกับชะตากรรมอันน่าเศร้าว่า ...
ซื้อตั๋วไปอู่หลิงหยวนไม่ทันรอบสุดท้าย 14:30 แล้ว
.
ต้องใช้แผนสอง คือ นั่งรถไปลงเมืองจางเจียเจี้ย และนั่งรถเมืองไปอู่ลิงหยวนอีกต่อนึง ซึ่งเป็นไฟลท์บังคับ คุยกับพวกพี่ๆและซื้อตั๋วไปด้วยกัน
แวะเดินหาอะไรมากินรองท้อง เพราะต้องนั่งรถนานพอสมควร เจอร้าน Local แถวๆที่ขายตั๋ว
ได้ขนมหน้าตาคล้ายๆขนมตอนเด็ก ที่มีป้ารถเข็นมาขาย เป็นแป้งนวดแล้วเอาไปทอด ข้างในมีไส้ผัก ประทังความหิวได้
และได้น้ำเก๊กฮวยที่โคดอร่อย ตามหามานานมากแบรนด์นี้ ดื่มแล้วสดชื่นเลยพร้อมนั่งรถต่อ
เดินมาพบกับความจริงที่ว่า ....มันสายไปแล้ว รอบเร็วที่สุดที่จะไปจางเจี่ยเจี้ยคือ สามโมง
หลังจากซื้อตั๋วก็เดินย้อนกลับมาด้านหลังเพื่อตรวจตั๋ว ขึ้นมาชั้น 2 เพื่อรอรถที่ประตูทางออกที่ 5
ขนมแป้งนวดที่หน้าตาเหมือนของโปรดวัยเด็ก
สุดยอดน้ำเก๊กฮวยที่ดื่มแล้วพลัง Fresh + 75%
พอรถออก นั่งกินเสบียงจนหมด เราก็หลับยาวเลยครับ เวลาเดินทางน่าจะประมาณ 4 ชั่วโมง +- ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอาเฮียคนขับรถ
หลังจากทำการวาปตัวเอง ภาพก็ตัดกลับมาก่อนที่จะถึงจุดพักรถสักแปปนึง
.
เมื่อถึงจุดพักรถ รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที หลังจากอัดอั้นมานานกับน้ำเก๊กฮวยที่ซื้อไป อากาศข้างนอกโคตะระหนาวเลย
แถมลมยังแรงอีก ว่าแล้วเราก็เลยไปหาอะไรร้อนๆมาเพิ่มอุณหภูมิร่างกายตัวเอง
.
จุดพักรถมีอาหารขายเยอะมาก ทั้งร้านที่เหมือนข้าวราดแกง ซาลาเปา มินิมาร์ท สุดท้ายหวยมาออกที่ รวมมิตรเสียบไม้ ที่หลายๆท่านแนะนำ
พอได้ลองกินแล้วก็ เออออ อร่อยดีแฮะ เข้ากับบรรยกาศหนาวๆดีมาก แต่อาจจะต้องแรนดอมหน่อย เพราะบางอันรสชาดก็แหม่งๆ บางอันก็อร่อยดี
ส่วนตัวแล้วผมชอบไอที่มันเหมือนชิคุวะ ของญี่ปุ่น ใครแวะอย่ามาลืมมาลองนะครับ
หน้าตาร้านของกินในจุดพักรถ มีของกินเยอะแยะไปหมด ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านข้าวแกง เดินเลยไปหน่อยมีมินิมาร์ท
บรรดาของกินที่พร้อมจะลงไปอยู่ในท้องของเหล่านักเดินทาง แถวล่างสุดท่าจะขายดี อะไรก็ไม่รู้ 8 หยวน หมดเกลี้ยงไปเรียบร้อย
หน้าตาของรวมมิตรเสียบไม้ที่เรามาใช้บริการ อย่างที่บอกว่าอันที่เป็นกลมๆคล้ายชิคุวะ อร่อยที่สุด
แอพพลิเคชั่นที่ขาดไม่ได้เลยในประเทศจีนก็คือ wechat ครับ โชคดีที่ผมเคยโหลดมาก่อน (ส่วนจะเอาไว้ทำอะไรนั้น ขอไม่บอกเหตุผลละกัน อิอิ)
ตอนรถออกแรกๆ ผมได้แชทกับเจ้าของโฮสเทลผ่านวีแชทตลอด คอยอัพเดทสถานการณ์เป็นระยะๆ ว่าเราอยู่ไหนกันแล้ว
ผมบอกแกล่าสุด ก็คือตอนก่อนขึ้นรถบัส ว่าเราไปอู่หลิงหยวนไม่ทัน ต้องเปลี่ยนแผนไปจางเจียเจี้ยก่อนแทน
พอกลับมามีสติก็แชทไปบอกแกว่า เราเพิ่งขึ้นจากจุดแวะพักรถ และจะบอกแกอีกทีเมื่อเราถึงเมืองจางเจียเจี้ย
แต่ถ้ามันง่ายแบบนั้น การเดินทางมันก็คงไม่สนุกและตื่นเต้นน่ะสิ!
.
เจ้าของโรงแรมแกบอกว่า ให้ไปบอกอาเฮียคนขับรถ ว่าช่วยปล่อยพวกเราลงจุดที่ชื่อว่า YangHe ที
เพราะจากจุดนั้นมันใกล้เมืองอู่หลิงหยวนมากกว่า แล้วเด๋วแกจะไปรับเราที่นั่น ซึ่งเจ๊แกคิดค่าบริการ 100 หยวนถ้วน
เพราะไม่งั้นจากจุดที่เราอยู่ จะต้องเสียเวลานั่งรถไปจางเจี่ยเจี้ย 1 ชั่วโมง แล้วต่อรถกลับมาอู่หลิงหยวนทางเดิมอีก 1 ชั่วโมง
.
ผมก็เลยไปนั่งคุยกับพวกก่อนว่าจะรับข้อเสนอนี้ดีมั้ย ซึ่งก็สรุปว่า เอานะ!! เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ไอ้รสบัสนี่มันจะถึงเมืองซักที
เริ่มเมื่อยอวัยวะส่วนล่างแล้ว แถมไปถึงเมืองก็ไม่รู้จะมีรถบัสไปอู่หลิงหยวนรอบสุดท้ายกี่โมง?? แล้วถ้าไปไม่ทันล่ะ??
นอนที่จางเจี่ยเจี้ยมันซะเลย?? แล้วตอนเช้าจะไปเมืองอุทยานยังไง?? คิดไปคิดมาเริ่มเครียดละ
เอาวะ กะอีแค่จ่ายเพิ่ม 500 หาร 3 ตกคนละร้อยกว่า แลกกับความสบายและความชัวร์ เลยบอกอาเจ๊ว่าโอเค ดีลล
.
แต่ไอจุดที่ยากคือการเดินดุ่มๆ ไปบอกอาเฮียคนขับว่า พาผมลงตรง YangHe อะไรนั่นที
หลังจากรวบรวมความกล้า ก็เดินตรงไปยังหน้ารถ รถบัสมันมี 2 ชั้น (แต่นั่งได้ชั้นเดียว) ซึ่งที่นั่งอาเฮียคนขับแกจะอยู่ชั้นล่าง
พอเดินลงไปก็เอาล่ะสิ มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยว้า พอได้น่า ชื่อก็จำได้แล้ว ยางฮีๆ เนี่ย โลเคชั่นก็มีแล้ว ลุยยย ......
[CR] CHINA ไม่น่าใช่อย่างที่คิด > จางเจี่ยเจี้ย ถึง ปักกิ่ง 7 วัน 6 คืน 5 เมือง 3 คน กับเรื่องราวที่จำไม่มีวันลบเลือน
นี่คือกระทู้แรกในชีวิตของผม อยากลองเขียนอะไรแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่ได้ทำซักที หลังจากจบทริปจีน
มานั่งดูรูปแล้วนึกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างทริป รู้สึกว่ามีเรื่องราวหลายอย่างที่น่าสนใจ มีอะไรมากมาย ที่เราสามารถถ่ายทอดได้มากกว่าแค่รูป
เลยลองตั้งใจทำรีวิวนี้ขึ้นมาในสไตล์ตัวเองดูครับ
ผมเชื่อว่าทุกคน ต้องมีสถานที่ในฝันที่อยากจะไปให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต และมีแผนในใจคร่าวๆ ว่าปีนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
ลิสต์ที่อยากไปแต่ละที่ของผมเองนั้น ยาวเหยียดต่อกันเป็นหางว่าวเลยทีเดียว เวลามีเพื่อนมาชวนไปไหน ก็มักจะตอบแบบส่งๆไปเสมอว่า เออได้ แต่รอให้ไปอันที่อยากไปก่อนนะ ซึงไม่รู้เมื่อไหร่จะหมด
.
แต่มีอยู่ 2 ทริป! ที่ผมได้ไปบังเอิญเห็นรีวิวจากพันทิพแล้ว ติดสตั้นไปประมาณ 3 วิ พร้อมทั้งอ้าปากค้างอีก 4 วิ
คิดในใจว่า เห้ยย นี่มันที่ไหนกันว้าา โคดสวยเลย นั่งหาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมทำการขี้โกงตัวเอง ด้วยการแทรกคิวทริปนี้ให้เลื่อนมาเร็วที่สุด
1 ใน 2 ทริปที่ว่าก็คือ หุบเขาอวตาร จางเจี่ยเจี้ย และนั่นก็คือที่มาของทริปนี้
.
เราเริ่มต้นหาข้อมูลจากการเดินตามรอยเท้าหลายๆท่านในพันทิป ที่ไปบุกเบิกมาก่อนหน้า เอาข้อมูลมายำรวมกันจนทริปเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
ส่วนมากคนที่ไปที่นี้จะใช้สูตรสำเร็จรูปคือ 3-5 วัน : จางเจี่ยเจี้ย > เทียนเหมินซาน > และก็เฟิ่งหวง
แต่รู้สึกว่าไปเที่ยวจีนทั้งที จะขาดกำแพงเมืองจีนได้ไง อ่านรีวิวปักกิ่งเองก็มีสถานที่ไฮไลท์ไม่ค่อยเยอะ แยกทริปไปคงจะไม่คุ้ม จับมารวมเป็นทริปเดียวซะเลย ทริปนี้จึงรวมทั้งหมด 1 อาทิตย์พอดี พูดจีนกันก็ไม่ได้ ไปตายเอาดาบหน้าละกัน
.
.
รูปทั้งหมดผมใช้กล้อง Sony A7 และเลนส์ FE 16-35 F4 ที่ไปเช่ามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ บางรูปใช้ Lightroom แต่งเพิ่ม บางรูปก็เพรียวๆใส่แต่ลายน้ำอย่างเดียวเลยครับ
ได้เวลาปักหมุดกันแล้ว
พอเริ่มอ่านข้อมูลจนเริ่มลงตัว คึกคะนองพร้อมจองตั๋วทันที แน่นอน ไฟลท์ไปฉางซา ก็ต้องไม่พ้นสัมประทานเจ้าเก่าอย่างแอร์เอเชีย
ขากลับบินจากปักกิ่ง พบแคนดิเดตที่คุ้นเคยอยู่ 2 เจ้า คือ เจ้าป้าการบินไทย และบางกอกแอร์เวย์ ราคาแทบจะเท่ากันที่ 7xxx
เลยเลือกเจ้าหลัง เผื่อฟลุคเจอญาญ่ามาถ่ายโฆษณาพอดี
.
ส่วนเรื่องการเดินทางข้ามไปปักกิ่ง ลองหาข้อมูลแต่ยังไม่เคยเจอใครไปเหมือนแผนที่วางไว้
พอเดาได้ว่ารถไฟความเร็วสูงน่าจะเวิร์คสุด เพราะเพิ่งเปิดให้บริการไม่นาน ครั้นจะให้บิน Domestic ก็กลัวจะจองตั๋วไม่เป็น
ส่วนการเดินทางอื่นๆ เราก็อาศัยข้อมูลจากหลายๆท่านที่ไปบุกเบิกมาแล้ว ดูรายละเอียดของทริปพร้อมราคาคร่าวๆได้ตามรูปครับ
ผมแพลนรายละเอียดเฉพาะถึงเฟิ่งหวง เพราะหลังจากนั้นเราน่าจะมั่วเองได้แล้ว เงินทั้งหมดคือเงินหยวนนะครับ ถ้าอยากรู้ว่ากี่บาทก็เอา 5 ไปคูณง่ายๆเลย ไม่รวมค่าเครื่องบินและค่าโรงแรม สะกดชื่อผิดถูกบ้าง ขออภัย
ลิสต์โรงแรมที่เราพักทั้งหมด 6 คืน 5 เมืองครับ
- วันที่ 1 เมืองอู่หลิงหยวน Zhangjiajie Yueranju Hostel
- วันที่ 2 เมืองจางเจี่ยเจี้ย Zhangjiajie Yijiaqin Hotel
- วันที่ 3 เมืองเฟิ่งหวง Fenghuang Ancient City Jiaxing Inn
- วันที่ 4 เมืองฉางซา Changsha Wanjiali World Trade Hotel
- วันที่ 5-6 เมืองปักกิ่ง Beijing Jingyuan Courtyard Hotel
โรงแรมไหนดีไม่ดียังไง ลองอ่านจากรีวิวแล้วตัดสินใจเองได้เลยครับ
วันที่ 1 ถึงเวลาเดินทาง
ขาไปมีไฟลท์เดียวคือ 7 โมง ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า เพื่อไปสนามบินดอนเมือง ที่ซึ่งการจราจรไม่สามารถคาดเดาเวลาได้
เลยต้องตื่นแต่ตี 4 ... โถ่วชีวิต แน่นอนรถคงไม่ติด ถึงสนามบินเวลาตี 4:45 คิดว่าเช็คอินเสร็จ นั่งหาของกินสบายๆ รอเครื่องขึ้น
.
แต่ที่ไหนได้ระบบเช็คอินล่มจ้า ไอเราก็ว่าทำไมคิวไม่ขยับซักที เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนจะ 1 ชั่วโมง ทางเคาน์เตอร์เพิ่งจะเปิดให้เช็คอินแบบ Manual
ซึ่งระหว่างนั้นไม่มีการประกาศใดๆจากสนามบินเลย มีแต่น้องนักศึกษาฝึกงานมาชูป้ายกระดาษว่า system down แค่นั้น!!!!
.
พวกผมยังโอเคที่เป็นคนไทย เดินเข้าไปถามถึงความคืบหน้าได้ แต่สงสารพวกชาวต่างชาติที่มาต่อแถวกันงงๆ โดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แถวเริ่มเอ่อล้นจนจะเลยออกไปนอกประตู ยังไม่มีวี่แววว่าระบบจะแก้เสร็จ
ไอที่งงก็คือ ระหว่างที่ยืนรอ ก็มีประกาศจาก AOT อยู่เรื่อยๆ เรื่องห้ามเอาของมีคมเข้าบ้าง ห้ามเอานู้นนั่นนี่โหลดบ้าง
.
คือ ทำไมสายการบินไม่ไปขอใช้ประกาศให้มันเป็นเรื่องราวหน่อย คนรอจะได้เข้าใจสถานการณ์ ไอพวกมาใหม่ก็ยืนงงกันเป็นแถบ
สุดท้ายมาได้คิวเอาตอนเหลือเวลาบอร์ดดิ้ง 15 นาที!! ทีนี้ก็วิ่งกันเหงื่อไหลไคลย้อยสิครับ
จากที่มาก่อนจะได้ชิวๆนั่งจิบกาแฟ ลงเอยด้วยการโกยแน่บซะงั้น โถ่วชีวิตหางแดง
เหล่าผู้ประสบชะตากรรมหางแดงร่วมกัน ยืนกันเอ่อล้นทะลักเคาน์เตอร์
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า เราก็ได้เห็นการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาดด้วยป้ายกระดาษ "System Down"
จากเหตุการณ์หางแดงอลหม่าน พอถึงเวลาบินจริงก็ยังดีเลย์ไปประมาณ 20 นาทีอยู่ดี ถึงสนามบินที่ฉางซาเวลาประมาณ 11 โมง
ผ่านตม.ปุ๊บก็รีบวิ่งหาที่ซื้อตั๋ว เพื่อไปท่ารถขนส่ง Changsha West bus station ตามลายแทงการบ้านที่เตรียมไว้อย่างดี
พอเวลามันล่กนี้มันหาอะไรก็ยากไปหมด ที่สำคัญคือ ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษบอกเลยซักกะตัว
.
กดลิฟท์ลงไปชั้นล่าง ปรากฎว่าไม่ใช้ ต้องขึ้นมาชั้น 3 เหมือนเดิม วิ่งไปสุดทางด้านขวาเจอเคาท์เตอร์ให้ซื้อตั๋ว
บอกพนักงานว่าไปขนส่ง เรียบร้อยโดนไปคนละ 17.2 หยวน ถามพนักงานว่ารอตรงไหน เจ๊แกก็ชี้ๆไปสุดทางโพ้น รีบวิ่งไปหา
สุดท้ายท่ารถก็อยู่ประตูข้างหลังที่ซื้อตั๋ว แล้วเจ๊แกชี้ไปทางไหนของเค้าล่ะนั่น เสียเวลาวิ่งหาประตูที่รถจะออกไปอีก 5 นาที
.
เดินมาถึงรถก็ออกไปพอดี รอคันต่อไปอีก บันเทิงมาก ในใจก็คิด Ship หาย แผนที่วางไว้ซะนานแรมเดือนจะมาพังตั้งแต่เริ่มเลยหรอวะเนี่ย
ขณะกำลังนั่งคิดถึงความบรรลัย ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูมาจากด้านหลัง เจอพี่คนไทยด้วยกันกลุ่มหนึ่ง
เข้าไปทักทาย สืบสาวท้าวความได้ว่า พี่เค้าก็ตามรอยพันทิปมาเหมือนกัน แต่จะเที่ยวแค่ฉางซาและเฟิ่งหวง และจะไปพักที่อู่หลิงหยวนเหมือนเรา
รู้สึกโล่งใจ เอาวะ อย่างน้อยก็มีพวกพี่เค้าไปด้วยกัน
ยืนรอรถที่ชานชาลา 4 ซึ่งอยู่ข้างหลังบริเวณเคาเตอร์ซื้อตั๋วเลย
สภาพบนรถ แคบไปหน่อย แต่ก็ค่อนข้างสะอาดพอควร
ระหว่างที่นั่งบัสก็มองนาฬิกาไป จนจะจำรายละเอียดนาฬิกาตัวเองได้หมดละ มันก็ยังไม่ถึงซักทีว้าา
พอถึงสถานีรีบวิ่งไปหาที่ซื้อตั๋ว อยู่ชั้นล่างลึกเข้าไปด้านขวาสุดหน่อย เดินไปจ๊ะเอ๋กับพี่กลุ่มเดิม และพบกับชะตากรรมอันน่าเศร้าว่า ...
ซื้อตั๋วไปอู่หลิงหยวนไม่ทันรอบสุดท้าย 14:30 แล้ว
.
ต้องใช้แผนสอง คือ นั่งรถไปลงเมืองจางเจียเจี้ย และนั่งรถเมืองไปอู่ลิงหยวนอีกต่อนึง ซึ่งเป็นไฟลท์บังคับ คุยกับพวกพี่ๆและซื้อตั๋วไปด้วยกัน
แวะเดินหาอะไรมากินรองท้อง เพราะต้องนั่งรถนานพอสมควร เจอร้าน Local แถวๆที่ขายตั๋ว
ได้ขนมหน้าตาคล้ายๆขนมตอนเด็ก ที่มีป้ารถเข็นมาขาย เป็นแป้งนวดแล้วเอาไปทอด ข้างในมีไส้ผัก ประทังความหิวได้
และได้น้ำเก๊กฮวยที่โคดอร่อย ตามหามานานมากแบรนด์นี้ ดื่มแล้วสดชื่นเลยพร้อมนั่งรถต่อ
เดินมาพบกับความจริงที่ว่า ....มันสายไปแล้ว รอบเร็วที่สุดที่จะไปจางเจี่ยเจี้ยคือ สามโมง
หลังจากซื้อตั๋วก็เดินย้อนกลับมาด้านหลังเพื่อตรวจตั๋ว ขึ้นมาชั้น 2 เพื่อรอรถที่ประตูทางออกที่ 5
ขนมแป้งนวดที่หน้าตาเหมือนของโปรดวัยเด็ก
สุดยอดน้ำเก๊กฮวยที่ดื่มแล้วพลัง Fresh + 75%
พอรถออก นั่งกินเสบียงจนหมด เราก็หลับยาวเลยครับ เวลาเดินทางน่าจะประมาณ 4 ชั่วโมง +- ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอาเฮียคนขับรถ
หลังจากทำการวาปตัวเอง ภาพก็ตัดกลับมาก่อนที่จะถึงจุดพักรถสักแปปนึง
.
เมื่อถึงจุดพักรถ รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที หลังจากอัดอั้นมานานกับน้ำเก๊กฮวยที่ซื้อไป อากาศข้างนอกโคตะระหนาวเลย
แถมลมยังแรงอีก ว่าแล้วเราก็เลยไปหาอะไรร้อนๆมาเพิ่มอุณหภูมิร่างกายตัวเอง
.
จุดพักรถมีอาหารขายเยอะมาก ทั้งร้านที่เหมือนข้าวราดแกง ซาลาเปา มินิมาร์ท สุดท้ายหวยมาออกที่ รวมมิตรเสียบไม้ ที่หลายๆท่านแนะนำ
พอได้ลองกินแล้วก็ เออออ อร่อยดีแฮะ เข้ากับบรรยกาศหนาวๆดีมาก แต่อาจจะต้องแรนดอมหน่อย เพราะบางอันรสชาดก็แหม่งๆ บางอันก็อร่อยดี
ส่วนตัวแล้วผมชอบไอที่มันเหมือนชิคุวะ ของญี่ปุ่น ใครแวะอย่ามาลืมมาลองนะครับ
หน้าตาร้านของกินในจุดพักรถ มีของกินเยอะแยะไปหมด ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านข้าวแกง เดินเลยไปหน่อยมีมินิมาร์ท
บรรดาของกินที่พร้อมจะลงไปอยู่ในท้องของเหล่านักเดินทาง แถวล่างสุดท่าจะขายดี อะไรก็ไม่รู้ 8 หยวน หมดเกลี้ยงไปเรียบร้อย
หน้าตาของรวมมิตรเสียบไม้ที่เรามาใช้บริการ อย่างที่บอกว่าอันที่เป็นกลมๆคล้ายชิคุวะ อร่อยที่สุด
แอพพลิเคชั่นที่ขาดไม่ได้เลยในประเทศจีนก็คือ wechat ครับ โชคดีที่ผมเคยโหลดมาก่อน (ส่วนจะเอาไว้ทำอะไรนั้น ขอไม่บอกเหตุผลละกัน อิอิ)
ตอนรถออกแรกๆ ผมได้แชทกับเจ้าของโฮสเทลผ่านวีแชทตลอด คอยอัพเดทสถานการณ์เป็นระยะๆ ว่าเราอยู่ไหนกันแล้ว
ผมบอกแกล่าสุด ก็คือตอนก่อนขึ้นรถบัส ว่าเราไปอู่หลิงหยวนไม่ทัน ต้องเปลี่ยนแผนไปจางเจียเจี้ยก่อนแทน
พอกลับมามีสติก็แชทไปบอกแกว่า เราเพิ่งขึ้นจากจุดแวะพักรถ และจะบอกแกอีกทีเมื่อเราถึงเมืองจางเจียเจี้ย
แต่ถ้ามันง่ายแบบนั้น การเดินทางมันก็คงไม่สนุกและตื่นเต้นน่ะสิ!
.
เจ้าของโรงแรมแกบอกว่า ให้ไปบอกอาเฮียคนขับรถ ว่าช่วยปล่อยพวกเราลงจุดที่ชื่อว่า YangHe ที
เพราะจากจุดนั้นมันใกล้เมืองอู่หลิงหยวนมากกว่า แล้วเด๋วแกจะไปรับเราที่นั่น ซึ่งเจ๊แกคิดค่าบริการ 100 หยวนถ้วน
เพราะไม่งั้นจากจุดที่เราอยู่ จะต้องเสียเวลานั่งรถไปจางเจี่ยเจี้ย 1 ชั่วโมง แล้วต่อรถกลับมาอู่หลิงหยวนทางเดิมอีก 1 ชั่วโมง
.
ผมก็เลยไปนั่งคุยกับพวกก่อนว่าจะรับข้อเสนอนี้ดีมั้ย ซึ่งก็สรุปว่า เอานะ!! เพราะไม่รู้เมื่อไหร่ไอ้รสบัสนี่มันจะถึงเมืองซักที
เริ่มเมื่อยอวัยวะส่วนล่างแล้ว แถมไปถึงเมืองก็ไม่รู้จะมีรถบัสไปอู่หลิงหยวนรอบสุดท้ายกี่โมง?? แล้วถ้าไปไม่ทันล่ะ??
นอนที่จางเจี่ยเจี้ยมันซะเลย?? แล้วตอนเช้าจะไปเมืองอุทยานยังไง?? คิดไปคิดมาเริ่มเครียดละ
เอาวะ กะอีแค่จ่ายเพิ่ม 500 หาร 3 ตกคนละร้อยกว่า แลกกับความสบายและความชัวร์ เลยบอกอาเจ๊ว่าโอเค ดีลล
.
แต่ไอจุดที่ยากคือการเดินดุ่มๆ ไปบอกอาเฮียคนขับว่า พาผมลงตรง YangHe อะไรนั่นที
หลังจากรวบรวมความกล้า ก็เดินตรงไปยังหน้ารถ รถบัสมันมี 2 ชั้น (แต่นั่งได้ชั้นเดียว) ซึ่งที่นั่งอาเฮียคนขับแกจะอยู่ชั้นล่าง
พอเดินลงไปก็เอาล่ะสิ มันจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยว้า พอได้น่า ชื่อก็จำได้แล้ว ยางฮีๆ เนี่ย โลเคชั่นก็มีแล้ว ลุยยย ......
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้