ในช่วงที่นานๆครั้งหนังไทยแบบ ขุนพันธ์ 2 จะครองโรงแบบโดดเด่น เหนือหนังต่างชาติ ก็เป็นจังหวะ ตี๋เหรินเจี๋ย เข้ามาชนโรง ซึ่งมีส่วนทำให้กระแส ขุนพันธ์ 2 กลบ หนังจีนเรื่องนี้ไปได้เกือบมิด

วันนี้เลยเข้าไปพิสูจน์ดูว่า หนังภาคต่อเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เคยประทับใจภาคแรกที่ หลิวเต๋อหัว เคยแสดงไว้ในภาคแรกอย่างมาก และ ในภาคที่สอง ก็พอดูได้ แม้พระเอกจะไม่เด่น แต่การสืบคดียังมีความสนุกอยู่ จึงตัดสินใจไม่ยาก เข้าไปชมภาค 3



ชื่อตอนบอกเป็นเรื่อง 4 จตุรเทพ บวกกับดูหนังตัวอย่างมา ก็คิดว่างานนี้ คงมีหลายเทพมาสู้กันละมั้งน้อ แต่บอกกระซิบกันแบบ สปอยล์ตรงนี้ได้เลยว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่เกี่ยวกับ จตุรเทพเท่าไหร่เลยครับ เนื้อหาที่จะเขียนต่อไปนี้  มีสปอยล์บางส่วน แต่จะไม่ลงรายละเอียดนะครับ

เริ่มต้นเรื่องมีการท้าวความถึง การแต่งตั้งตี๋เหรินเจี๋ย ให้มีอำนาจในการลงโทษ ตามที่ทั้งสองภาคแรก เป็นที่รู้ๆกัน และ สร้างความไม่พอใจของผู้มีอำนาจบางคนซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องนี้ ก่อให้เป็นประเด็นหลักในเรื่องนี้ทั้งหมด และ ซึ่งหนังมีคดีให้ตามสืบกันบ้าง แต่หลักคือ ภาคนี้น้ำหนักไปลงที่  เป้าสังหาร คือ ตี๋เหรินเจี๋ย นั่นเอง

การผูกเรื่อง ถือว่ารับได้ ไม่ถึงกับสุดยอด และถ้าคนชอบหนังสืบสวนจริงๆ คงบอกว่าไม่ค่อยซับซ้อนนัก แต่ก็พอมีน้ำหนักอยุ่ ส่วนของการแสดง และ ซีจี นั้น อยู่ในระดับดูสนุก ผมเคยอ่านมีคนบางคนบอก ซีจี ไม่เนียน แต่ผมว่า เรื่องนี้ ซีจี ก็ไม่ขี้เหร่ครับ



หนังมีความสมดุลย์ในหลายด้าน แต่ที่ดูเด่นในเรื่องขึ้นมาสำหรับหนุ่มๆ คือ ความมีเสน่ห์ของ ดาราหญิง ภาคนี้ Sandra Ma ผมไม่รู้จักเธอมาก่อน แต่บล็อคหน้า นึกถึงดาราจีนได้หลายคน บทของเธอค่อนข้างส่ง และ ก็อาศัยความน่ารัก พอจะเรียกคะแนนจากคนดูได้ไม่น้อย มีบทเธอต้องเล่นแอ็คชั่น แต่ก็ตามประสาหนังยุคนี้ คือ ไม่ได้ลงไม้ลงมือชัดเจน คือมันเร็วไปหมด ด้วยซีจีเสริมอีกตามประสาหนังยุคนี้ แต่เรื่องความสัมพันธ์กับผู้ช่วยของ ตี๋เหรินเจี๋ย ก็ดูน่ารักเพลินๆกันพอเหมาะ พอควร ไม่มากไป น้อยไป

ฉากแอ็คชั่น มีให้ตามความเหมาะสม สำหรับคนดูหนังมาเยอะ รับรองจัดเต็ม ตามมาตรฐานหนังยุคนี้ ดูสนุกครับ
จังหวะสอดแทรก มุขตลก มีนิดๆให้พออมยิ้ม ไม่มีแบบขำกันยาวๆ ฮากันดังๆ อันนี้บอกกันไว้
ภาคนี้ หนังสร้างให้ ตี๋เหรินเจี๋ย โดนเล่นงานหลายรอบเหมือนกัน ไม่ได้เทพแบบ ภาค เฮีย หลิว และมีการกระจายบท ค่อนข้างทั่วถ้วนหน้า โดยที่ยังให้ความรู้สึกว่า ตี๋เหรินเจี๋ย ก็ยังเป็นคนเก่งคนสำคัญสุดยอดอยู่ได้

ดูจนถึงตอนจบ ผมว่า สิ่งที่ได้จากภาคนี้คือ อิทธิฤทธิ์ ต่างๆที่คนเราเชื่อถือนั้น มีน้ำหนักน้อยกว่า เหตุผล หลักความจริง ถึงแม้จะมีให้น้ำหนักกับ ศาสตร์ของการสร้างมนต์มายาอยู่บ้าง แต่ หนังก็พยายามให้ ตี๋หรินเจี๋ย คลี่คลาย คดีออกมาในแนวที่ว่า มายากล นั้น ไม่ใช่ อภินิหาร  แม้ว่าจะมีฉากที่ แสดงสิ่งที่ดูเหมือนคนมีอภินิหารอย่างหลวงจีนท้ายเรื่องก็ตาม ดูเหมือนมีอภินิหารยังไง อันนี้ต้องตีตั๋วดูละครับ ขอไม่เล่า

การแสดงของทุกคนในเรื่อง ผมถือว่าผ่านทุกคนทุกบท ไม่มีรู้สึก เกิน เวอร์ หรือ อ่อน ทั้งสีหน้า แววตา ไม่มีเก๊กเวอร์ให้เห็นเหมือนหนังบางเรื่อง มาตรฐานส่วนนี้ ต้องยอมรับว่า จะ ฮ่องกง หรือ จีน แป่ะยี่ห้อมาก็ยังคงมาตรฐานได้ดี สมบทบาท ดูเป็นธรรมชาติ และ อินกับทุกตัวละคร

ในช่วงที่หนังเข้าหลายเรื่องของสัปดาห์นี้ ผมว่า ถ้าดู ขุนพันธ์ 2 แล้ว หรือ ยังไม่ได้ดูเรื่องไหนเลย กำลังตัดสินใจอยู่ ก็ ขอบอกว่า ตี๋เหรินเจี๋ย 3 ดูได้ไม่เสียดายตังค์ แต่ถ้าอาการไม่ดี คนไม่เข้าไปดู ก็คงลาโรงหรือ ลดโรงตามกระแสไปในพฤหัสหน้า ที่ จะมี Equalizer 2 จ่อมาแล้ว ขณะที่ ขุนพันธ์  2 มั่นใจว่า จะยืนโรงในสัปดาห์หน้าสบายๆ ยังไงก็ขอให้ดูหนังกันอย่างมีความสุขครับ




ดู Trailer กันสักหน่อยก่อนตัดสินใจ