จากการทำงานที่ผ่านมาพบว่า การเลื่อนจากเด็กในครอบครัวยากจนมาเป็นคนมีฐานะนั้นมันก็มีแต่มีน้อย

ขั้นตอนชีวิตจะเป็นประมาณนี้

ครอบครัวคนมีฐานะ  : พ่อแม่รวย ลูกโชคดี เรียนโรเรียนประถมชื่อดัง เรียนโรงเรียนมัธยมชื่อดัง เรียนมอรัฐชื่อดัง ทำงานบริษัทหน่วยงานรัฐดัง

ส่วนครอบครัวไม่ค่อยมีเงิน : พ่อแม่ไม่ค่อยมีเงิน เรียนโรงเรียนประถมใกล้บ้าน เรียนโรงเรียนมัธยมธรรมดา เรียนมหาวิทยาลัยธรรมดา ทำงานบริษัทธรรมดา

ครอบครัวที่มีฐานะพ่อแม่ก็จะพร้อมมีเงินสนับสุนให้การศึกษามาก ส่วนครอบครัวที่ไม่มีฐานะสนับสนุนได้ไม่มากนักแถมยังต้องช่วยพ่อแม่ทำงานขายของเวลาอ่านหนังสือก็ลดลงไปอีก

บางคนโทษเด็กจากครอบครัวที่ไม่มีฐานะว่าไม่ตั้งใจเรียนไม่ขยันเอง ซึ่งก็ถูก แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาไม่ถูกสอนให้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาเท่าครอบครัวมีฐานะ

สิ่งเหล่านี้เรียกว่า economic mobility คือการข้ามจากครอบครัวไม่มีฐานะ มาเป็นมีฐานะ ซึ่งมันมีแต่น้อย ต้องยอมรับว่ามันคัดคนมาตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาลแล้ว

เกมนี้ไม่ไม่ใช่ fair game เหมือนวิ่งร้อยเมตร ที่ทุกคนแข่งอย่างเท่าเทียม เกมนี้เหมือนบางคนต้องสะพายกระเป๋าหนักหลายโลไปวิ่งด้วย บางคนไม่ต้องวิ่งตัวปริว

บทเรียนใน กท นี้คือเขาคัดคนมาตั้งแต่ อนุบาล ประถม มัธยม ไปจนถึงมหาลัยแล้ว อย่าเชื่อที่บอกว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน จบมหาลัยเกรดเอ โอกาสได้งานเกรดเอก็สูง จบมหาวิทยาลัยเกรดซี โอกาสได้งานเกรดเอก็มีแต่น้อย

และการจะเข้ามหาลัยเกรดเอ ก็ส่วนใหญ่ก็จบโรงเรียนมัธยมเกรดเอ
จะเข้าโรงเรียนมัธยมเกรดเอ ส่วนใหญ่ก็ต้องจบโรงเรียนประถมเกรดเอ
ไล่ไปถึงโรงเรียนอนุบาล

สังคมนี้เป็นการแข่งขัน การแข่งก็ต้องยอมรับก่อนว่ามีคนแพ้ มีคนชนะ
อยากจะแข่งก็ต้องฝึกซ้อมคือตั้งใจเรียนนี่แหละ อย่าเชื่อคนที่บอกว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน เค้าคัดกันตั้งแต่เรียนอนุบาล
ตั้งใจเรียนสู้ๆ ยังพอมีหวัง

ปล ขอแทคชานเรือนด้วย เผื่อมีผู้ปกครองมาอ่าน
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่