สวัสดีค่า วันนี้เราจะมาขออวดน้องหมาที่เราเพิ่งได้รับมาใหม่ คืออารมณ์แบบเห่อมากกก
ใครจะว่าขี้อวดก็ต้องยอมแล้วค่ะ ณ จุดนี้ 555 แต่ว่าต้องขอจริงๆ เพราะดีใจม๊ากมากเลยค่ะ
ปกติจะสิงอยู่ห้องชายคา รีวิวแต่พวกของใช้ในบ้าน แต่เราเองก็เป็นทาสหมาเหมือนกัน เลยขออนุญาตมาจอยห้องจตุจักรบ้างนะคะ
ในส่วนแรกเราจะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการได้รับคอร์กี้ตัวนี้ก่อน ถ้าใครไม่อยากอ่าน ให้ข้ามไปดูรูปที่ความเห็นต่อไปได้เลยค่า
จริงๆ แล้วคนที่ชอบคอร์กี้คือสามีของเราค่ะ แต่เนื่องจากเค้าเอารูปมาให้ดูเยอะๆ กรอกหูทุกวัน เราก็เหมือนจะชอบไปด้วย 555
ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าที่จะแต่งงาน (ประมาณ 5 ปีที่แล้ว) เรามองหาน้องหมามาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน สามีเค้าอยากได้คอร์กี้มากๆ แต่ติดปัญหาหลายอย่างเลยคือ ฟาร์มในไทยยังมีไม่ค่อยมากนัก จึงทำให้สายพันธุ์คอร์กี้ยังไม่ค่อยดี มีปัญหาสุขภาพต่างๆ นานา ถ้าจะเอาชัวร์คือต้องนำเข้ามา (ซึ่งก็อาจจะมีปัญหาอีก) แต่ราคาก็จะพุ่งสูงปรี๊ดดด เราเองก็ไม่มีเงินมากมาย ก็เลยตัดใจ และได้นำชิวาว่ามาเลี้ยงแทนค่ะ
จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เราก็ไม่คิดว่าจะเอาคอร์กี้หรือพันธุ์อื่นมาเลี้ยงเพิ่มหรอก เพราะเท่าที่มีอยู่เราก็รักม๊ากมาก รักแบบลูกเลย กินก็ดี โภชนาการครบถ้วน นอนก็นอนเตียงด้วยกัน แบบว่ารักสุดๆ เป็นอะไรขึ้นมาทีนึงใจแทบจะขาดเลย
แต่อยู่ๆ ก็มีโพสนึงเด้งขึ้นมาที่หน้าฟีดของสามี เป็นฟาร์มคอร์กี้ที่เค้ากดไลค์เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ว่ามีลูกหมาตัวนึงที่เป็นเคสพิเศษ สามีเราเลยเอามาให้เราดูว่าเค้าน่ารักมั้ย เราชอบมั้ย เราดูแล้วเราก็ว่าตัวนี้น่ารักดี
เราเลยหาข้อมูลของฟาร์มนี้ เรานั่งไล่อ่านฟีดที่หน้าเพจของเค้า ตามไปอ่านในเฟสส่วนตัวของเจ้าของฟาร์ม คือตามดูตามอ่านเยอะมากตามนิสัยของเรา สรุปเราคิดว่าฟาร์มนี้ใช้ได้ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์แข็งแรงดี และถึงแม้จะไม่ใช่ฟาร์มใหญ่ แต่ดูมีความรู้เชิงลึก ความรับผิดชอบสูง และมีการคัดบ้านก่อนส่งลูกหมาให้ด้วย ซึ่งเราโอเคมากๆ เลยให้สามีลองติดต่อไป
หลังจากได้คุยกับฟาร์ม ก็ได้รู้ว่าลูกหมาตัวนี้เกิดมาพร้อมกับเขี้ยวที่เก 1 ซี่ คือเกเข้าไปด้านใน ทำให้ไม่สามารถส่งเข้าประกวดได้ (ฟาร์มนี้เค้าเน้นน้องหมาประกวด) ซึ่งปัญหามีเท่านี้จริงๆ สุขภาพดีอะไรดีหมด เค้าเลยจะให้เราในราคาที่พิเศษ ซึ่งเป็นราคาที่เรารับได้ เราเลยขอนัดดูตัวจริงของเค้าก่อน
ระหว่างรอ (น่าจะประมาณ 1 อาทิตย์) เรากับสามีตื่นเต้นมากๆ เร่งวันเร่งคืนให้ได้เจอไวๆ รู้สึกเป็น 1 อาทิตย์ที่ยาวนานจริงๆ ค่ะ >_<
มาถึงวันดูตัวน้องหมา ทางฟาร์มเค้าก็พามาที่บ้านเลย จริงๆ ตรงนี้มันค่อนข้างบังเอิญมาก เพราะถึงแม้ว่าฟาร์มจะอยู่โคราช แต่เค้าก็มีบ้านในกทม. ด้วย และบ้านในกทม. นั้นก็อยู่ห่างบ้านเราไปแค่ 500 เมตร เท่านั้นเองอ่ะ
หลังจากที่เรากับสามีได้เจอตัวเค้าจริงๆ ก็เป็นไปตามคาด คือเค้าน่ารักมากกก เป็นมิตรกับคน ร่าเริงดี (คือมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ตุ๊กตาของหมาเราขาดไปสองตัว 555) เราก็เลยขอรับไว้ตั้งแต่วันนั้นเลย
อ้อ แล้วก็ ณ วันที่ฟาร์มมาส่งน้องหมา ตัวเขี้ยวที่มีปัญหานั้น ฟาร์มบอกว่า คุณหมอเค้าเหลาฟันออกไปส่วนนึงแล้ว เพราะไม่งั้นมันจะไปทิ่มเหงือก และให้รอลุ้นว่าฟันแท้ขึ้นแล้วจะเกเหมือนเดิมมั้ย ที่นี้ฟันที่มีอยู่มันก็จะสั้นๆ กุดๆ ใช่มั้ยคะ เราก็เลยตั้งชื่อเค้าว่า “ฟันกุด” ค่ะ ^_^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้าใครเคยดูเรื่อง How to train your dragon ตัวมังกรจะชื่อเขี้ยวกุดใช่มั้ย แต่เรากลับจำว่าชื่อของเค้าคือ ฟันกุด มาตลอด (ก็ภาษาอังกฤษมัน Toothless นี่นา) แล้วเราก็ว่าฟันกุดก็น่ารักดี เลยเอาชื่อนี้แหล่ะ ไม่ซ้ำกับในหนังด้วย ^_^
5 ปีที่รอคอย ในที่สุดก็ได้เจอกัน : คอร์กี้ตัวแรกของเรา
ใครจะว่าขี้อวดก็ต้องยอมแล้วค่ะ ณ จุดนี้ 555 แต่ว่าต้องขอจริงๆ เพราะดีใจม๊ากมากเลยค่ะ
ปกติจะสิงอยู่ห้องชายคา รีวิวแต่พวกของใช้ในบ้าน แต่เราเองก็เป็นทาสหมาเหมือนกัน เลยขออนุญาตมาจอยห้องจตุจักรบ้างนะคะ
ในส่วนแรกเราจะเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการได้รับคอร์กี้ตัวนี้ก่อน ถ้าใครไม่อยากอ่าน ให้ข้ามไปดูรูปที่ความเห็นต่อไปได้เลยค่า
จริงๆ แล้วคนที่ชอบคอร์กี้คือสามีของเราค่ะ แต่เนื่องจากเค้าเอารูปมาให้ดูเยอะๆ กรอกหูทุกวัน เราก็เหมือนจะชอบไปด้วย 555
ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าที่จะแต่งงาน (ประมาณ 5 ปีที่แล้ว) เรามองหาน้องหมามาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน สามีเค้าอยากได้คอร์กี้มากๆ แต่ติดปัญหาหลายอย่างเลยคือ ฟาร์มในไทยยังมีไม่ค่อยมากนัก จึงทำให้สายพันธุ์คอร์กี้ยังไม่ค่อยดี มีปัญหาสุขภาพต่างๆ นานา ถ้าจะเอาชัวร์คือต้องนำเข้ามา (ซึ่งก็อาจจะมีปัญหาอีก) แต่ราคาก็จะพุ่งสูงปรี๊ดดด เราเองก็ไม่มีเงินมากมาย ก็เลยตัดใจ และได้นำชิวาว่ามาเลี้ยงแทนค่ะ
จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เราก็ไม่คิดว่าจะเอาคอร์กี้หรือพันธุ์อื่นมาเลี้ยงเพิ่มหรอก เพราะเท่าที่มีอยู่เราก็รักม๊ากมาก รักแบบลูกเลย กินก็ดี โภชนาการครบถ้วน นอนก็นอนเตียงด้วยกัน แบบว่ารักสุดๆ เป็นอะไรขึ้นมาทีนึงใจแทบจะขาดเลย
แต่อยู่ๆ ก็มีโพสนึงเด้งขึ้นมาที่หน้าฟีดของสามี เป็นฟาร์มคอร์กี้ที่เค้ากดไลค์เอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ว่ามีลูกหมาตัวนึงที่เป็นเคสพิเศษ สามีเราเลยเอามาให้เราดูว่าเค้าน่ารักมั้ย เราชอบมั้ย เราดูแล้วเราก็ว่าตัวนี้น่ารักดี
เราเลยหาข้อมูลของฟาร์มนี้ เรานั่งไล่อ่านฟีดที่หน้าเพจของเค้า ตามไปอ่านในเฟสส่วนตัวของเจ้าของฟาร์ม คือตามดูตามอ่านเยอะมากตามนิสัยของเรา สรุปเราคิดว่าฟาร์มนี้ใช้ได้ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์แข็งแรงดี และถึงแม้จะไม่ใช่ฟาร์มใหญ่ แต่ดูมีความรู้เชิงลึก ความรับผิดชอบสูง และมีการคัดบ้านก่อนส่งลูกหมาให้ด้วย ซึ่งเราโอเคมากๆ เลยให้สามีลองติดต่อไป
หลังจากได้คุยกับฟาร์ม ก็ได้รู้ว่าลูกหมาตัวนี้เกิดมาพร้อมกับเขี้ยวที่เก 1 ซี่ คือเกเข้าไปด้านใน ทำให้ไม่สามารถส่งเข้าประกวดได้ (ฟาร์มนี้เค้าเน้นน้องหมาประกวด) ซึ่งปัญหามีเท่านี้จริงๆ สุขภาพดีอะไรดีหมด เค้าเลยจะให้เราในราคาที่พิเศษ ซึ่งเป็นราคาที่เรารับได้ เราเลยขอนัดดูตัวจริงของเค้าก่อน
ระหว่างรอ (น่าจะประมาณ 1 อาทิตย์) เรากับสามีตื่นเต้นมากๆ เร่งวันเร่งคืนให้ได้เจอไวๆ รู้สึกเป็น 1 อาทิตย์ที่ยาวนานจริงๆ ค่ะ >_<
มาถึงวันดูตัวน้องหมา ทางฟาร์มเค้าก็พามาที่บ้านเลย จริงๆ ตรงนี้มันค่อนข้างบังเอิญมาก เพราะถึงแม้ว่าฟาร์มจะอยู่โคราช แต่เค้าก็มีบ้านในกทม. ด้วย และบ้านในกทม. นั้นก็อยู่ห่างบ้านเราไปแค่ 500 เมตร เท่านั้นเองอ่ะ
หลังจากที่เรากับสามีได้เจอตัวเค้าจริงๆ ก็เป็นไปตามคาด คือเค้าน่ารักมากกก เป็นมิตรกับคน ร่าเริงดี (คือมาแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ตุ๊กตาของหมาเราขาดไปสองตัว 555) เราก็เลยขอรับไว้ตั้งแต่วันนั้นเลย
อ้อ แล้วก็ ณ วันที่ฟาร์มมาส่งน้องหมา ตัวเขี้ยวที่มีปัญหานั้น ฟาร์มบอกว่า คุณหมอเค้าเหลาฟันออกไปส่วนนึงแล้ว เพราะไม่งั้นมันจะไปทิ่มเหงือก และให้รอลุ้นว่าฟันแท้ขึ้นแล้วจะเกเหมือนเดิมมั้ย ที่นี้ฟันที่มีอยู่มันก็จะสั้นๆ กุดๆ ใช่มั้ยคะ เราก็เลยตั้งชื่อเค้าว่า “ฟันกุด” ค่ะ ^_^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้