อ่านแล้วต้องรีบ login เข้ามาตอบเลยทีเดียว

เห็นหลายความคิดที่โพสต์เอาความสะใจเข้าเป็นตัวตั้งแล้วรู้สึกสมเพชมาก ถ้าเป็นประเทศอื่นที่เจอเรื่องแบบนี้เข้าไปเขาจะรู้สึกเสียใจอย่างมาก และจะต้องหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือไม่ก็ต้องแบบว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องแบบนี้มันน้อยลงที่สุดเท่าที่จะจัดการได้ แต่นี่อะไรแทนที่จะช่วยกันหาทางออกที่ดี กลับเห็นเป็นเรื่องดีงาม เรื่องสะอกสะใจ พาสปอร์ตไทยถูกยกเลิกฟรีวีซ่านี่มันส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศนะครับ ไม่ใช่เรื่องดีเรื่องน่าชมเลย ดูอย่างไต้หวันที่ปานามาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตเพื่อหันไปคบกับจีนแผ่นดินใหญ่ ประชาชนเขาเสียอกเสียใจกันโครมๆ แต่พอมาเรื่องเกาหลีใต้มีแนวคิดจะเลิกฟรีวีซ่าให้ไทย พวกชังชาติกลับเห็นเป็นเรื่องดีงาม ทั้งที่จริงมันเป็นการลดภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของประเทศลงนะนั่น

แล้วอีกอย่างพวกคุณมั่นใจเหรอครับว่า การให้คนไทยต้องขอวีซ่าเข้าประเทศแล้ว ผีน้อยจะหายไปโดยสิ้นเชิง ขนาดประเทศใหญ่ๆอย่างกลุ่มเชงเก้น หรืออย่างสหรัฐอเมริกา ขนาดเขาเข้มงวดเรื่องการออกวีซ่า ก็ยังมีคนไทยที่เห็นแก่ตัว เห็นความสบายเป็นที่ตั้ง ยังลักลอบโดดวีซ่าไปทำงานอย่างโจ๋งครึ่มเลย บางคนขอวีซ่าไปเรียน ตามหลักสูตรเขาให้เรียนเต็มที่ 4 ปี แต่เหตุไฉนถึงเรียนเป็น 10 ปีถึงยังไม่จบล่ะครับ? เอาเวลาเรียนไปทำอะไรกันหมด หรือบางคนขอวีซ่าท่องเที่ยวไปเที่ยวหรือเยี่ยมญาติ พอหมดระยะเวลาที่เขาให้พำนักแล้ว ทำไมหายเข้ากลีบเมฆล่ะ? บ้านช่องตัวเองไม่รู้จักกลับกัน เร่ร่อนในประเทศเขาเป็นผีไม่มีศาลอยู่ได้

ปล. ส่วนตัวไม่ได้เดือดร้อนเรื่องขอหรือไม่ขอหรอก เพราะวีซ่าอเมริกา วีซ่าญี่ปุ่น (สมัยก่อนที่จะยกเลิกวีซ่า) ที่ว่าขอยากๆ ก็ขอผ่านมาแล้วทั้งนั้น และ ต.ม. เกาหลีใต้ที่ว่าโหดนักหนา ก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน เพราะตั้งใจจะไปเที่ยวและกลับตามกำหนดการ ไม่ได้คิดเห็นแก่ตัวเหมือนพวกรักสบายหลายๆ คนที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์และหน้าตาของประเทศชาติ