@... เทียบกันหมัดต่อหมัด Sony R3 กับ Nikon Z7 หมดยกใครชนะ ...@

เรียกว่าฝุ่นตลบกันเลยทีเดียวหลังจาก Nikon เปิดตัวกล้องใหม่ไปเมื่อวานแล้วก็ต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ได้ Wow มากอย่างที่หลายคนหวัง แถมยังมีจุดด้อยโผล่มาหนักๆ หลายจุดเหมือนกัน แล้วมันดันเป็นจุดด้อยที่มีผลกับการใช้งานสำหรับช่างภาพมืออาชีพบางคน  แล้วอีกจุดด้อยก็ดันเป็นจุดที่ทีม Nikon เคยแซะและแซวคู่แข่งมาตลอด ทีนี้พอตัวเองออกกล้องมาบ้าง ดันพลาดเหมือนที่ R2 ทำไว้เด๊ะ  มันก็จะฮาๆ กันนิดหน่อย

แต่พอฝุ่นเริ่มหายฟุ้ง เริ่มมีคนเปรียบเทียบกันแบบจริงจัง ก็จะเห็นว่ามันก็ไม่ได้แย่อะไร หลายจุดก็ทำได้ดีกว่า R3 พอสมควร ซึ่งก็อยู่ที่ว่าผู้ใช้งานแต่ละคนมองยังไงมากกว่า

ข้อมูลอ้างอิงที่ผมเอามาใช้ : https://www.alphashooters.com/compare/sony-a7riii-vs-nikon-z7/



ข้อมูล Nikon Z7

Key features:

    45.7MP BSI-CMOS sensor with on-sensor phase detection
    In-body 5-axis stabilization (rated to 5EV)
    493 PDAF points with 90% horizontal and vertical coverage
    ISO 64-25,600 (expandable to 102,400)
    Up to 9 fps shooting (JPEG and 12-bit Raw)
    3.69M-dot OLED viewfinder
    2.1M-dot tilting touch LCD
    OLED top plate display
    Single XQD card slot
    UHD 4K capture up to 30p
    10-bit 4:2:2 N-Log output over HDMI
    Up to 100Mbps H.264 8-bit internal video capture
    SnapBridge Wi-Fi system with Bluetooth, including to-PC transfer


https://www.dpreview.com/reviews/nikon-z7-first-impressions-review



ข้อมูล Sony R3

Key Features

    42MP BSI CMOS sensor
    Faster, lower-noise image processing
    10 fps shooting with full AF, 8 fps with 'live' updates between shots
    3.69M dot (1280 x 960 pixel) OLED viewfinder
    Improved autofocus, including more tenacious Eye AF mode
    5-axis image stabilization, rated at 5.5 stops (CIPA) with 50mm lens
    4K footage from 'Super 35' crop region oversampled from 5K capture
    Video AF less inclined to refocus to background
    'Picture Profile' video gamma/gamut modes including S-Log2 and 3
    Twin SD Card slots (one UHS-I and one UHS-II compatible)
    Bayer-cancelling multi-shot mode for improved resolution
    True 14 bit uncompressed Raw, even in continuous drive mode
    Use of phase detection (including Eye AF) at 3 fps with adapted lenses

https://www.dpreview.com/reviews/sony-a7r-mark-iii-review




===================================

ยกที่ 1 : Lens Mount

Sony A7R3 – diameter of 46.1mm & 18mm flange-back distance between mount and sensor.

Nikon Z7 : Mount Diameter 55 mm. & 16mm flange-back distance between mount and sensor.

เมาท์กว้างกว่า ก็บริหารแสงและโครงสร้างเลนส์ได้ง่ายกว่า ทำให้สร้างเลนส์ไวแสงได้ง่ายกว่าเช่นกัน แต่ข้อเสียคือด้วยการทำเมาท์ใหม่ทำให้ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะผลิตเลนส์ออกมาได้ ระหว่างนี้หากใครจะโดดมาใช้ Z7 ก็ต้องอาศัยเลนส์ไม่กี่ตัวที่ผลิตออกมาใน Lot แรก พ่วงกับ Adapter ไปก่อน ซึ่งก็ต้องซื้อ Adapter เพิ่ม และรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอีกนิดหน่อย แล้วก็ต้องรอดูด้วยว่าช่วงแรกๆ Adapter จะทำงานได้ดีแค่ไหน

ในขณะที่ทาง Sony ที่ออกเลนส์มาได้พักใหญ่ๆ แล้ว ตอนนี้ทั้งเลนส์ค่ายก็มีให้เลือกเพียบ และหลายระดับ ไม่รวมกับเลนส์นอกค่ายที่เริ่มทยอยออกมาให้ใช้งานกันอีกเพียบ ดังนั้นความหลากหลาย และความเข้ากันได้ของระบบจึงดีกว่ามาก  นี่ไม่รับรวมกับ Adapter อีกเพียบที่ทำให้สามารถนำเลนส์จากทั่วโลกมาใช้กับ Sony ได้ทันที ขอเพียงแค่มี Adapter เท่านั้น ซึ่งจุดนี้แหละที่ทำให้ System ของ Sony เกิดขึ้นมาได้อย่างเต็มตัว ก็เพราะใจกว้างรักทุกคนนี่แหละครับ

คะแนน : ถือว่าเป็นยกหยั่งเชิง ให้ 10 คะแนนทั้งคู่ครับ เสมอกันไป Z7 ได้ตรงกล้าออกเมาท์ใหม่ที่จะทำให้ตัวเองพัฒนาเลนส์ได้ดีขึ้นในระยะยาว  ส่วน R3 ได้ตรงความหลากหลายของการใช้งาน ก็อยู่ที่ User เลยว่ามองตรงไหนว่าเป็นข้อได้เปรียบ

===================================


ยกที่ 2 : Sensor & Processor

Sony a7R III : 42.4 megapixels, five-axis image stabilization claiming 5.5 stops, no Low Pass Optical Filter

Nikon Z7 : 45.7 megapixels, five-axis image stabilization claiming 5 stops, no Low Pass Optical Filter


Z7 ไฟล์ใหญ่กว่า กันสั่นได้ 5 Stops แต่เฉพาะกับตอนใช้งานร่วมกับเลนส์ซีรีย์ใหม่เท่านั้น  ถ้าใช้กับเลนส์เก่าๆ พ่วง Adapter จะได้แค่สามแกนเท่านั้น  

ส่วน R3 ไฟล์เล็กกว่านิดนึง แต่กันสั่นได้ 5.5 Stops กับทุกเลนส์ ส่วนเรื่อง DR ของกล้องสองตัว ผมว่าคงไม่หนีกันเท่าไหร่ เพราะน่าจะเป็น Sensor ของ Sony ทั้งคู่ จากนั้นก็อยู่ที่การปรับแต่งและการออกแบบ Processor แล้วละว่าจะใช้งานได้ดีแค่ไหน  ก็ต้องมารอดู DxO Review กันอีกทีว่าจะทำได้ดีแค่ไหนที่มาตรฐานเดียวกัน

คะแนน :  กัดฟันให้เสมอกันไป 10 : 10



===================================


ยกที่ 3 : Shutter & Continuous Shooting

Sony a7R III
: full use of the maximum shutter speed of 1/8000 sec and ISO range.
: With live view between shots - continuous shooting up to 8 FPS.
: Without Live view between shots will shoot up to 10 FPS
: Buffer - 76 JPEGs (fine), 76 compressed RAW, or 28 uncompressed RAW
: Shutter flash sync speed 1/250


Nikon Z7
: if you use the mechanical shutter with the electronic first curtain option (this uses the electronic shutter to start the exposure and the mechanical one to end it), then the Nikon Z7 limits the maximum shutter speed to 1/2000 sec and the maximum ISO to 25,600.
: With live view between shots - continuous shooting up to 5.5 FPS.
: Without Live view between shots will shoot up to 9 FPS
: Buffer - 25 fine JPEGs (fine), 23 12-bit Raws or 18 14-bit Raws
: Shutter flash sync speed 1/200

หลังจากดูเชิงกันมาสองยก ยกที่สามเริ่มชัดเจนแล้วว่า R3 ต่อยเข้าเป้าไปหลายหมัดเลยทีเดียว ที่น่าแปลกที่สุดคือการใช้ XQD กลับไม่ช่วยเรื่อง Buffer ของ Z7 สักเท่าไหร่ ต่างกับการใช้ SD ที่ถูกกว่าของ R3 อย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะการรัวได้เยอะจะไม่ช่วยอะไรเลยถ้ารัวแล้ว Buffer มันเต็มเร็วขนาดนี้ แสดงว่าระบบประมวลผลของ R3 ทำได้ดีกว่า  ดังนั้นสายถ่ายเร็วอาจจะขัดใจไปบ้าง เพราะรัวไม่ได้นาน  แต่ถ้าสายน้า สายวิว ถ่ายชิลๆ เรื่อยๆ ก็คงไม่กระทบเท่าไหร่ แต่เทียบกันแล้วยังไงก็ต้องยอมรับว่า R3 เบียดชนะยกนี้ไปได้แบบใสๆ

คะแนน : ยกนี้ R3 ชนะไป 10 : 9 คะแนน


===================================


ยกที่ 4 : Autofocus

Sony a7R III
: 399 points covering around 68% of the sensor.
: 425 contrast detection points


Nikon Z7
: 493 phase detection points that cover 90% of the image sensor.
: No information yet.

หลังจากเมาหมัด Buffer ยกสามมา Z7 เริ่มต่อยคืนบ้างแล้วครับ R3 โดนต่อยด้วยจำนวนโฟกัสไปเต็มๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะตัวมันเองก็ยังสู้น้องในค่ายอย่าง A73 ยังไม่ได้เลย ฮ่าๆๆ  

แต่จุดที่ทำให้ R3 เด่นก็คือระบบ Eye AF ที่หากใครลองได้ใช้มาก่อนแล้วจะติดใจมันจนถอนตัวไม่ขึ้น   ส่วน Z7 มีระบบโฟกัสใบหน้า ดูในคลิปที่เมืองนอกเขาทดสอบกันก็ถือว่าตามได้ดีครับ  แต่ถ้าใช้ F กว้างๆ บางๆ มันก็ไม่แน่ใจว่าตรงไหนจะชัด  ชัดคาง ชัดจมูก ตาเบลอก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่  ก็ต้องรอดูรีวิวแบบละเอียดกันต่อไปครับ  แต่ตอนนี้ขอยกให้ Eye AF ของ Sony ว่ายังเป็นจุดเด่นที่ผู้ใช้งานติดใจมากกว่าอยู่ดี

คะแนน : Z7 นำเพราะจุดโฟกัสมากกว่า และครอบคลุมพื้นกว่า  แต่ R3 ก็ตีตื้นมาด้วย Eye AF ที่รับรองว่าใครใช้ก็ติดใจกันทุกคน  ดังนั้นคะแนนยกนี้ถึงแพ้แต่ก็ไม่ขาดมากนัก  ยกนี้ R3 แพ้ไปที่คะแนน 9 : 10


===================================


ยกที่ 5 : Viewfinder / EVF

Sony a7R III
: 3” 1.4million dot tilting rear screen. Touch Screen with only focus points.
: Electronic Viewfinder (EVF) with 3.68M dots, refresh rate of of choice of either 100/120Hz for very smooth motion.


Nikon Z7
: 3.2” 2.1 million dot tilting rear screen. Fully touch enabled with focus points, menu system.
: Electronic Viewfinder (EVF) with 3.68M dots, refresh rate of 60Hz


ยกนี้ Z7 เริ่มทำเกมส์ได้ดีขึ้น เพราะจอหลัง Z7 ดีกว่า ละเอียดกว่า แต่ก็จะเปลืองแบตมากกว่า ส่วนตัวมองว่าจอหลัง R3 อยู่ในระดับที่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นจุดด้อยถ้าเทียบกับแบตที่ใช้ได้นานกว่า ก็ถือว่าคุ้ม  แต่ถ้ามองแค่ผลการแสดงภาพหลังจอ และไม่เปิดมั่วซั่ว ยังไงก็ต้องยอมรับจอหลังของ Z7 ดีกว่า แถมระบบ Touchscreen ก็ยังดีกว่า R3 เยอะ เพราะทำงานเต็มระบบ ทั้งเลือกจุด Focus & Menu

ส่วน EVF ความละเอียดเท่ากัน ต่างกันที่ Refresh Rate ก็ต้องดูกันไปว่าอันไหนจะปวดตามากกว่ากัน  ส่วนตัวผมไม่ค่อยใช้เท่าไหร่ เลยไม่ค่อยแคร์ตรงนี้มากนัก ถือว่าอยู่ที่สายตาของคุณละ ว่าชอบ Refresh Rate ช้าๆ หรือว่าเร็วๆ

คะแนน : ต้องยอมรับว่ายกนี้แพ้เค้าไปที่คะแนน  9 : 10



===================================


ยกที่ 6 : Memory Cards

Sony a7R III : 2 Slots with UHS-II memory cards, and the second slot supports UHS-I cards.

Nikon Z7 : supports a single XQD memory card.

หลังจากพลาดมาสองยก ถึงเวลาเอาคืนบ้างแล้ว ยกนี้ R3 กินนิ่มๆ เพราะมีช่องให้ใส่ถึงสองช่อง ราคาการ์ดก็ถูกกว่า แต่ก็ยังเซ็งๆ อยู่บ้างว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทำไมไม่ทำ USH-II ทั้งสองช่องไปเลย เวลาถ่ายแบบให้บันทึกเหมือนกันทั้งสองการ์ด จะได้ไม่ถูกช่องที่ช้ากว่าดึง Speed ไป

มาดูที่การใช้งานการ์ดกันดีกว่า ถ้าใช้การ์ด SD USH-II ที่ความเร็วสูงๆ เช่นของ Sony เอง ตัว 64GB ก็เขียนอ่านที่ความเร็ว 300/299 MB/sec ที่ราคามาตรฐาน 4990 บาท  ในขณะที่ XQD ของ Sony ตัว 64 GB เขียนอ่านที่ความเร็ว 440/400 MB/sec ก็มีราคามาตรฐานอยู่ที่ 6,990 บาท  ต่างกัน 2000 บาท  แลกกับความเร็วในการอ่านเขียนต่างกันที่ 140/101 MB/sec  คุ้มมั้ยอันนี้ก็อยู่ที่ User ครับ  เพราะมันเทียบแค่ตอนก็อปรูปลงคอมแล้วตอนนี้  ในเมื่อผลการทดสอบก่อนหน้านั้นเห็นได้ชัดว่าเรื่องการเขียนไฟล์ลงกล้องนั้น มันถูกจำกัดอยู่ที่ Buffer ซึ่งตรงนี้กลับผลิกโผว่า R3 ที่ใช้การ์ดที่ช้ากว่า ดันทำ Buffer ได้ดีกว่าเยอะมากๆ ไปซะอย่างนั้น

ดังนั้นถ้าจะมองเรื่องความเร็วที่ต่าง มันก็จะไปต่างกันแค่ตอนก็อปรูปลงคอมเท่านั้นเองจริงๆ แต่ถ้ามองกันเรื่องการใช้งานจริง ยังไง SD มันก็คล่องตัวกว่า และให้ทางเลือกที่มากกว่าอยู่ดี  ไม่นับรวมถึงเรื่อง Card Reader ที่คนใช้ XQD จะลืมพกไปเองไม่ได้เลย เพราะมันเสียบกับ Reader คนอื่นเขาไม่ได้ หาซื้อก็ไม่ง่ายเท่าไหร่ด้วย  ไปออกทริปถ้าลืมเอาการ์ดหรือที่อ่านไปก็ฮาเลย  เพราะหายืมเอาข้างหน้ายากมาก ดังนั้นเรื่องความคล่องตัวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาลืมการ์ด หรือลืม Reader ก็เป็นข้อเสียที่ต้องพิจารณาเช่นกัน

สรุปเรื่อง Memory Card ไม่ว่าจะเป็นชนิดที่ใช้ หรือจำนวนช่องที่มี ความคล่องตัวของการใช้งาน และการใช้งานในกล้อง R3 กินไปแบบนิ่มๆ ยกนี้ผมถือว่า R3 น็อค Z7 ได้อีกหนึ่งยก และคิดว่ารุ่นสองของ Z7 น่าจะต้องแก้ไขเรื่องจำนวนช่องแน่ๆ เพราะเป็นจุดอ่อนสำคัญของกล้องเลย

คะแนน : R3 ต่อยน็อค Z7 ได้ในยกนี้  คะแนน 10 : 8
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่