สวัสดีครับ
พอดีว่าผมมีความในใจอยากระบาย คือแฟนผมเป็นคนที่อีโก้สูงมากครับ คือใครพูดอะไรไม่ค่อยฟัง แถมยังเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงปี๊ด! เรื่องมีอยู่ว่า แฟนผมการทำงานค่อนข้างเครียด และมีแรงกดดันสูง แบบว่าเขาจะลาออกจากงาน ประมาณว่าทนไม่ไหวกับงานประจำที่ทำอยู่
ผมก็พยายามดึงสติแฟนให้กลับเข้าร่าง คือพยายามพูดให้ใจเย็นๆ แต่ผมอธิบายเหตุผลไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเขาไม่รับฟังอะไรแล้ว จะออกอย่างเดียว ซึ่งผมก็ไม่ได้จะให้แฟนต้องทนอยู่กับแรงกดดัน หรือฝืนใจบังคับให้เขาต้องอดทนในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่ควรจะทน แต่ผมเสนอทางเลือกที่คิดว่าน่าจะมีสติที่สุดในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
ทางเลือกที่ผมเสนอไป
ทางเลือกที่ 1 คือ หางานใหม่
ผมเสนอให้หางานใหม่ ที่ตำแหน่งงาน และความกดดันมันไม่สูงเท่าปัจจุบัน รายได้ลดลงชั่งมัน แต่ผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายเท่าเดิม จะได้มีเวลาทบทวนหรือคิดหาทางอื่นๆต่อไป ถ้าจะออกต้องมีแผนที่ดีไม่ใช่ ออกเพราะไม่อยากทนแค่เรื่องเดียว เพราะคิดว่างานทุกงานมันต้องอดทนหมด จะมากจะน้อยแตกต่างกันไปแค่นั้น แต่แน่นอนยิ่งเงินเดือนสูงความรับผิดชอบมันก็ยิ่งสูงตามเป็นเงาตามตัว
ทางเลือกที่ 2 คือ วางแผน และลองหารายได้เสริมจากแผนที่วางไว้
ผมเสนอให้ลองวางแผน หรือคิดแผนง่ายๆ แบบคิดแล้วสามารถทำได้เลย เช่น ขายของวันหยุด (เสาร์-อาทิตย์) หรือ ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ซึ่งผมมองว่าตรงจุดนี้เรายังไม่ต้องลาออกจากงานได้ ให้ลองขายของดูก่อนว่าทำงานตัวเองมันจะสวยหรู ชิวๆ สบายๆ เหมือนที่ใจมันเรียกร้องให้ลาออกมารึเปล่า หรือมันจะนรกกว่างานประจำที่เจออยู่
คือข้อ2นี้ผมเห็นด้วยนะ และสนับสนุนด้วย แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าลองทำแล้วรายได้เฉลี่ยต่อวัน ที่ขายของต้องมากกว่าเงินเดือนหารด้วย30 ถ้าได้มากกว่าเงินเดือนผมจะเอาพรมแดงไปปูรอรับที่หน้าบริษัทแฟนเลยให้รีบลาออกมาให้ไว แต่ถ้าไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องมองทางเลือกอื่นๆ เพราะผมไม่อยากให้ลาออกมาแล้วต้องมาทุกข์หนักว่าเดิม รายได้ไม่มี แต่รายจ่ายรอเพียบ (ใจจริงตรงจุดนี้ผมอยากให้ตั้งเป้าไว้ว่าต้องมียอดขายมากกว่า 1 แสนติดต่อกัน 3 เดือนค่อยลาออกอะไรประมาณนี้ แต่ตอนนี้น้ำมันแรงเอาเรือไปขวางก็ไม่ได้อีก เอาแค่ขายได้มากว่านั่งทำงานก็หรูแล้ว)
## คำถามนะครับ##
ท่านใดเคยเจอสถานะการณ์แบบลาออกแบบไม่มีแผนการรองรับบ้างครับ คือประมาณว่าออกโดยยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ แล้วมีคำแนะนำกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างครับ อยากให้ช่วยแชร์มุมมอง ประสบการณ์ เผื่อผมจะแชร์ให้แฟนอ่านบ้างครับ
เมื่อแฟนผมจะลาออกจากงานไปแตะขอบฟ้า แบบไม่มีแผน มีแค่อีโก้และความบ้า
พอดีว่าผมมีความในใจอยากระบาย คือแฟนผมเป็นคนที่อีโก้สูงมากครับ คือใครพูดอะไรไม่ค่อยฟัง แถมยังเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงปี๊ด! เรื่องมีอยู่ว่า แฟนผมการทำงานค่อนข้างเครียด และมีแรงกดดันสูง แบบว่าเขาจะลาออกจากงาน ประมาณว่าทนไม่ไหวกับงานประจำที่ทำอยู่
ผมก็พยายามดึงสติแฟนให้กลับเข้าร่าง คือพยายามพูดให้ใจเย็นๆ แต่ผมอธิบายเหตุผลไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนเขาไม่รับฟังอะไรแล้ว จะออกอย่างเดียว ซึ่งผมก็ไม่ได้จะให้แฟนต้องทนอยู่กับแรงกดดัน หรือฝืนใจบังคับให้เขาต้องอดทนในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่ควรจะทน แต่ผมเสนอทางเลือกที่คิดว่าน่าจะมีสติที่สุดในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้
ทางเลือกที่ผมเสนอไป
ทางเลือกที่ 1 คือ หางานใหม่
ผมเสนอให้หางานใหม่ ที่ตำแหน่งงาน และความกดดันมันไม่สูงเท่าปัจจุบัน รายได้ลดลงชั่งมัน แต่ผ่อนคลายมากขึ้น ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมายเท่าเดิม จะได้มีเวลาทบทวนหรือคิดหาทางอื่นๆต่อไป ถ้าจะออกต้องมีแผนที่ดีไม่ใช่ ออกเพราะไม่อยากทนแค่เรื่องเดียว เพราะคิดว่างานทุกงานมันต้องอดทนหมด จะมากจะน้อยแตกต่างกันไปแค่นั้น แต่แน่นอนยิ่งเงินเดือนสูงความรับผิดชอบมันก็ยิ่งสูงตามเป็นเงาตามตัว
ทางเลือกที่ 2 คือ วางแผน และลองหารายได้เสริมจากแผนที่วางไว้
ผมเสนอให้ลองวางแผน หรือคิดแผนง่ายๆ แบบคิดแล้วสามารถทำได้เลย เช่น ขายของวันหยุด (เสาร์-อาทิตย์) หรือ ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ซึ่งผมมองว่าตรงจุดนี้เรายังไม่ต้องลาออกจากงานได้ ให้ลองขายของดูก่อนว่าทำงานตัวเองมันจะสวยหรู ชิวๆ สบายๆ เหมือนที่ใจมันเรียกร้องให้ลาออกมารึเปล่า หรือมันจะนรกกว่างานประจำที่เจออยู่
คือข้อ2นี้ผมเห็นด้วยนะ และสนับสนุนด้วย แต่มีข้อแม้ว่า ถ้าลองทำแล้วรายได้เฉลี่ยต่อวัน ที่ขายของต้องมากกว่าเงินเดือนหารด้วย30 ถ้าได้มากกว่าเงินเดือนผมจะเอาพรมแดงไปปูรอรับที่หน้าบริษัทแฟนเลยให้รีบลาออกมาให้ไว แต่ถ้าไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องมองทางเลือกอื่นๆ เพราะผมไม่อยากให้ลาออกมาแล้วต้องมาทุกข์หนักว่าเดิม รายได้ไม่มี แต่รายจ่ายรอเพียบ (ใจจริงตรงจุดนี้ผมอยากให้ตั้งเป้าไว้ว่าต้องมียอดขายมากกว่า 1 แสนติดต่อกัน 3 เดือนค่อยลาออกอะไรประมาณนี้ แต่ตอนนี้น้ำมันแรงเอาเรือไปขวางก็ไม่ได้อีก เอาแค่ขายได้มากว่านั่งทำงานก็หรูแล้ว)
## คำถามนะครับ##
ท่านใดเคยเจอสถานะการณ์แบบลาออกแบบไม่มีแผนการรองรับบ้างครับ คือประมาณว่าออกโดยยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ แล้วมีคำแนะนำกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างครับ อยากให้ช่วยแชร์มุมมอง ประสบการณ์ เผื่อผมจะแชร์ให้แฟนอ่านบ้างครับ