“ผู้รอดชีวิตคนที่สี่สิบเอ็ด”
ในแถบเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีโบสถ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา หลวงพ่อที่ดูแลโบสถ์เป็นคนแก่ที่มีความรู้สูง มีความเมตตา เน้นทำกิจกรรมการกุศลเป็นหลัก เลี้ยงสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดไว้ตัวหนึ่ง ชื่อว่าแฮมมอนด์
ฤดูหนาวมีหิมะตกหนัก มักมีผู้คนเจอเหตุการณ์วิกฤตติดอยู่บนภูเขา เมื่อไหร่ที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากนักปีนเขา หลวงพ่อก็จะนำเอาถุงยังชีพผูกติดตัวไว้กับแฮมมอนด์ ภายในถุงบรรจุเหล้า ไส้กรอก ขนมปัง ยาและอื่นๆเท่าที่จำเป็น แล้วนำเอาเสื้อผ้าที่ผู้ประสบภัยฝากไว้ให้สุนัขดมกลิ่น ก่อนที่จะปล่อยให้แฮมมอนด์วิ่งสู่ภูเขาสูง สุนัขจะวิ่งดมกลิ่นไปตามทาง จนกว่าจะพบผู้ประสบภัยในที่สุด
เมื่อผู้ประสบภัยได้พบกับแฮมมอนด์ มันเปรียบเหมือนเทวดามาโปรด พวกเขาก็จะปลดถุงยังชีพจากตัวสุนัข อาจดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย นำเอาไส้กรอกและขนมปังมากินเติมพลัง เอายาทาแผลตามตัวที่เกิดจากหิมะ แล้วก็จะเดินตามแฮมมอนด์ลงจากเทือกเขาจนกว่าจะกลับถึงโบสถ์ หากผู้ประสบภัยเดินไม่ไหว ในถุงยังชีพก็ยังมีดินสอและกระดาษ ผู้ประสบภัยสามารถเขียนบรรยายถึงสภาพตัวเองและสิ่งที่ต้องการ แฮมมอนด์ก็จะนำเอากระดาษข้อมูลเหล่านั้นกลับไปที่โบสถ์ แล้วทีมกู้ภัยก็จะยกทีมไปช่วยในที่สุด
หลายปีนี้ แฮมมอนด์สามารถช่วยชีวิตผู้คนมาแล้วสี่สิบชีวิต ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
ฤดูหนาวปีนี้หนาวจัดเป็นพิเศษ เทือกเขาแอลป์ถูกปกคลุมด้วยหิมะอย่างหนา นักปีนเขามือสมัครเล่นนามว่าเจมส์ วัตสันหายตัวไปบนภูเขา
เจ้าหน้าที่สโมสรนักปีนเขานำเอาเสื้อของวัตสันที่ฝากไว้ก่อนออกปีนเขา รีบมาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ หลวงพ่อรีบจัดการให้แฮมมอนด์กินให้อิ่มท้องก่อน แล้วเอาเสื้อของวัตสันให้ดมกลิ่นให้คุ้น
สำหรับแฮมมอนด์ นี่เป็นภาระกิจที่มันคุ้นเคยมาก หลวงพ่อเอาถุงยังชีพผูกติดตัวมัน สายตาของแฮมมอนด์ส่อแววความมุ่งมั่นและตั้งใจ หลวงพ่อก้มลงจูบหน้าผากมัน กอดมัน และทำเหมือนพิธีในศาสนา หลวงพ่อใช้นิ้วขีดเครื่องหมายกากบาทเจิมบนหน้าผากแฮมมอนด์ อวยพรให้ภารกิจลุล่วงด้วยดีและปลอดภัย แล้วหลวงพ่อยื่นมือออกมา แฮมมอนด์ยื่นหน้ามาใช้ลิ้นเลียมืออำลาหลวงพ่ออย่างมีมารยาท
"ไปเถอะ ลูกข้า นี่จะเป็นคนที่สี่สิบเอ็ด" หลวงพ่อให้พรพร้อมโบกมือให้แฮมมอนด์เบาๆ
แฮมมอนด์พุ่งตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหายเข้าไปในหมู่มวลหิมะในที่สุด แฮมมอนด์มั่นใจในภารกิจครั้งนี้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
แฮมมอนด์วิ่งผ่านลูกคลื่นกีดขวางของหิมะลูกแล้วลูกเล่า มันวิ่งไปตามกลิ่น แล้วสุดท้ายก็พบผู้ประสบภัยวัตสันที่นอนจมอยู่ในกองหิมะ
มันเห็นข้าวของของผู้ประสบภัยหล่นกระจัดกระจายอยู่ตามทาง ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันลม แว่น ไม้ค้ำยัน ถุงเสบียง แผ่นที่ ลำตัวของวัตสันถูกกลบอยู่ในหิมะ มีเพียงส่วนบนของลำตัวที่อยู่พ้นหิมะ บนใบหน้ามีเกล็ดหิมะจับเป็นแผ่นบางๆ
สุนัขคุกเข่าลงข้างตัววัตสัน ใช่แน่นอน มันเป็นกลิ่นเดียวกับเสื้อที่ได้ดมกลิ่นมา แฮมมอนด์สงบนิ่งก่อน เพราะมันก็ต้องพักเหนื่อย
แฮมมอนด์อ้าปากลิ้นห้อยด้วยความเหนื่อย รอว่าวัตสันฟื้นเมื่อไหร่ เขาก็คงจะทำเหมือนผู้ประสบภัยคนอื่นๆ ปลดถุงยังชีพออกจากตัวมัน กินให้อิ่ม พอเรี่ยวแรงกลับมา เขาก็จะเดินตามแฮมมอนด์กลับไป
แฮมมอนด์พักจนหายเหนื่อยแล้ว แต่ผู้ประสบภัยยังไม่มีท่าทางจะฟื้น มันเริ่มเดินวนรอบๆตัววัตสัน แล้วเริ่มคุ้ยเขี่ยหิมะรอบตัวเขาออก
แฮมมอนด์เข้าไปดมจมูกผู้ประสบภัย มันเริ่มแลบลิ้นออกมาเลียหน้าวัตสันที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ความหนาวเย็นจากปลายลิ้นแผ่ซ่านเข้าไปถึงขั้วหัวใจของตัวมันเอง
มันหยุดพักอยู่ครู่ใหญ่ๆ เมื่อความอุ่นกลับมาที่ปลายลิ้นอีกครั้ง มันแลบลิ้นออกมาใหม่ เลียใบหน้าของผู้ประสบภัยอย่างบรรจง มันแน่ใจว่า ขอให้ผู้ประสบภัยฟื้นขึ้นมา เหตุการณ์ต่างๆก็จะดีขึ้น
แท้จริงวัตสันหมดสติไปเนื่องจากความหิว ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนสุดท้ายก็หมดสติไป ตอนนี้ ไออุ่นจากลำตัวและลิ้นของแฮมมอนด์เริ่มแผ่ขยายเข้าไปยังโสตประสาทของวัตสัน ทำให้สมองเขาเริ่มตื่น เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นทีละนิด
วัตสันยังไม่สามารถขยับตัว แม้แต่จะเอี้ยวคอ เปลือกตาเปิดได้เล็กน้อย และสิ่งแรกที่สายตาเขามองเห็นก็คือ สุนัขที่แยกเขี้ยวจ่ออยู่หน้าตนห่างไม่ถึงคืบ เขาเข้าใจทันทีว่านั่นคือสุนัขจิ้งจอก
เขาแทบจะสลบกลับไปอีกครั้งด้วยความสั่นกลัว เขารู้จักสัญชาตญาณของสุนัขจิ้งจอก คนมากมายที่กลายเป็นเหยื่ออันโอชะของสุนัขจิ้งจอกไปแล้ว ตอนหิมะถล่ม ตอนนั้นเขาต้องหนีเอาตัวรอด เขาได้ปลดเอาพันธนาการบนตัวทิ้งไปเพื่อหนีเอาตัวรอดอย่างเร็วที่สุด เหลือไว้แต่มีดเดินป่าที่กำแน่นอยู่ในมือ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่น่าสะพึงกลัวในตอนนี้ ทำให้เขาต้องรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดเท่าที่มี ชักแขนขวาออกจากกองหิมะอย่างช้าๆ ยกเอามีดในมือจ้วงแทงไปยังหน้าอกของแฮมมอนด์อย่างไม่คิดชีวิต
แฮมมอนด์ตกตะลึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวมัน ในวินาทีนั้น มันเข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมด ความเจ็บปวดทำให้มันร้องออกมาอย่างสุดเสียง มันดังก้องไปทั่วหุบเขา
แฮมมอนด์กระโดดถอยออกมาอย่างเจ็บปวดที่สุด เลือดแดงๆกำลังพุ่งทะลักสู่พื้นหิมะที่ขาวโพลน มันเจ็บใจ มันโกรธ มันปวด มันแค้น ทันใดนั้น มันหันกลับมาหาวัตสัน เบิกตากว้างที่บัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงฉาน อ้าปากกว้างที่มีฟันอันแหลมคม ตั้งใจจะจู่โจมเข้าไปงับคอของวัตสัน
แต่แล้วมันก็หยุดกระทันหัน หุบปากลง สายตาอันเคืองแค้นลดความดุร้ายลง ภาพที่มันเห็นคือ ผู้ประสบภัยคนนั้นหลับตาสลบไปอีกครั้ง
แฮมมอนด์ก้มหน้ามองตัวมันเอง มันไม่สามารถดึงเอามีดเล่มนั้นออกจากอก มันตัดสินใจวิ่งกลับไปที่โบสถ์ กลับไปหาเจ้าของของมัน
มันเดินทางกลับไปหาหลวงพ่อด้วยฝีเท้าที่ผกผัน เลือดหยดมาตลอดทาง
หลวงพ่อเพิ่งจะเสร็จพิธีสวดมนต์ตอนเย็น กำลังรอว่าเมื่อไหร่แฮมมอนด์จะกลับมา รู้สึกเหมือนประตูจะถูกกระแทกเบาๆจากภายนอก หลวงพ่อตัดสินใจเดินไปเปิดประตู
พอประตูเปิดออก ได้ยินแต่เสียงโหยหวน แล้วแฮมมอนด์ก็กระโจนมาหาเขา ล้มฟุบอยู่ข้างหลวงพ่อ หยดเลือดสีแดงหยดเป็นทางยาวจากพื้นหิมะสีขาวข้างนอก
หลวงพ่อตกใจ รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
ก้มลงตรวจดู เห็นมีดปักอยู่คาอกแฮมมอนด์ ตำแหน่งมีดคงไม่โดนหัวใจ แต่คงตัดผ่านเส้นเลือดจนขาด เลือดของแฮมมอนด์ยังไหลไม่หยุด ด้วยความเศร้าใจอย่างที่สุด หลวงพ่อค่อยๆดึงมีดออกมา มันเป็นมีดเดินป่าที่สวยงาม บนด้ามจับสลักชื่อเจมส์ วัตสันไว้อย่างบรรจง
แฮมมอนด์ยังคงส่งเสียงสะอื้นอย่างบางเบา ดวงตาที่แดงกล่ำพร้อมคราบน้ำตามองดูหลวงพ่ออย่างเศร้าสร้อย คล้ายกำลังหวนลำลึกถึงวันคืนที่ผ่านมาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเศร้าใจอย่างที่สุด ยื่นมืออันสั่นเทาออกมาให้แฮมมอนด์ แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม แฮมมอนด์ไม่สามารถแลบลิ้นออกมาเลียมือเจ้าของเหมือนอย่างทุกครั้ง มันได้แต่ขยับตัวเล็กน้อย เอาหน้าแนบไว้กับมือหลวงพ่อ หายใจอย่างรวยริน ลมหายใจที่แผ่วลง แผ่วลง แผ่วลงไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด แฮมมอนด์ก็ค่อยๆจากโลกนี้ไป
แฮมมอนด์ตายจากไปแล้ว แต่วัตสันมีชีวิตรอดกลับมาได้ รอยเลือดที่หยดมาตลอดทางของแฮมมอนด์ ช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถค้นหาวัตสันจนเจอ
ความเข้าใจผิดของวัตสัน กลายเป็นความผิดพลาดอันมหันต์ที่เขาต้องจดจำไปจนตาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ย่อมไม่มีใครสามารถแก้ไขอะไรได้อีก
แฮมมอนด์ถูกฝังอยู่ในสุสานสำหรับนักบุญ สี่สิบเอ็ดคนที่แฮมมอนด์เคยช่วยชีวิตไว้ รวมทั้งตัววัตสันด้วย ได้รวบรวมเงินสร้างหลุมฝังศพให้แฮมมอนด์อย่างวิจิตร บนแผ่นป้ายได้จารึกชื่อของคนทั้งสี่สิบเอ็ดคน
เนื้อที่ส่วนหนึ่งบนแผ่นป้าย วัตสันได้จารึกคำกลอนท่อนหนึ่งของกวีชาวอังกฤษท่านหนึ่งไว้ว่า
"เจ้ามีจิตวิญญาณที่งดงาม....
เท่าที่มวลมนุษย์ทั้งหมดควรจะมี
แต่เจ้าหาจุดบกพร่องไม่ได้เลยสักนิด....
เท่าที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งจะพึงมี"
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง
ไร้สติ......
“ผู้รอดชีวิตคนที่สี่สิบเอ็ด”
ในแถบเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีโบสถ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา หลวงพ่อที่ดูแลโบสถ์เป็นคนแก่ที่มีความรู้สูง มีความเมตตา เน้นทำกิจกรรมการกุศลเป็นหลัก เลี้ยงสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดไว้ตัวหนึ่ง ชื่อว่าแฮมมอนด์
ฤดูหนาวมีหิมะตกหนัก มักมีผู้คนเจอเหตุการณ์วิกฤตติดอยู่บนภูเขา เมื่อไหร่ที่ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากนักปีนเขา หลวงพ่อก็จะนำเอาถุงยังชีพผูกติดตัวไว้กับแฮมมอนด์ ภายในถุงบรรจุเหล้า ไส้กรอก ขนมปัง ยาและอื่นๆเท่าที่จำเป็น แล้วนำเอาเสื้อผ้าที่ผู้ประสบภัยฝากไว้ให้สุนัขดมกลิ่น ก่อนที่จะปล่อยให้แฮมมอนด์วิ่งสู่ภูเขาสูง สุนัขจะวิ่งดมกลิ่นไปตามทาง จนกว่าจะพบผู้ประสบภัยในที่สุด
เมื่อผู้ประสบภัยได้พบกับแฮมมอนด์ มันเปรียบเหมือนเทวดามาโปรด พวกเขาก็จะปลดถุงยังชีพจากตัวสุนัข อาจดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มความอุ่นให้ร่างกาย นำเอาไส้กรอกและขนมปังมากินเติมพลัง เอายาทาแผลตามตัวที่เกิดจากหิมะ แล้วก็จะเดินตามแฮมมอนด์ลงจากเทือกเขาจนกว่าจะกลับถึงโบสถ์ หากผู้ประสบภัยเดินไม่ไหว ในถุงยังชีพก็ยังมีดินสอและกระดาษ ผู้ประสบภัยสามารถเขียนบรรยายถึงสภาพตัวเองและสิ่งที่ต้องการ แฮมมอนด์ก็จะนำเอากระดาษข้อมูลเหล่านั้นกลับไปที่โบสถ์ แล้วทีมกู้ภัยก็จะยกทีมไปช่วยในที่สุด
หลายปีนี้ แฮมมอนด์สามารถช่วยชีวิตผู้คนมาแล้วสี่สิบชีวิต ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว
ฤดูหนาวปีนี้หนาวจัดเป็นพิเศษ เทือกเขาแอลป์ถูกปกคลุมด้วยหิมะอย่างหนา นักปีนเขามือสมัครเล่นนามว่าเจมส์ วัตสันหายตัวไปบนภูเขา
เจ้าหน้าที่สโมสรนักปีนเขานำเอาเสื้อของวัตสันที่ฝากไว้ก่อนออกปีนเขา รีบมาขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อ หลวงพ่อรีบจัดการให้แฮมมอนด์กินให้อิ่มท้องก่อน แล้วเอาเสื้อของวัตสันให้ดมกลิ่นให้คุ้น
สำหรับแฮมมอนด์ นี่เป็นภาระกิจที่มันคุ้นเคยมาก หลวงพ่อเอาถุงยังชีพผูกติดตัวมัน สายตาของแฮมมอนด์ส่อแววความมุ่งมั่นและตั้งใจ หลวงพ่อก้มลงจูบหน้าผากมัน กอดมัน และทำเหมือนพิธีในศาสนา หลวงพ่อใช้นิ้วขีดเครื่องหมายกากบาทเจิมบนหน้าผากแฮมมอนด์ อวยพรให้ภารกิจลุล่วงด้วยดีและปลอดภัย แล้วหลวงพ่อยื่นมือออกมา แฮมมอนด์ยื่นหน้ามาใช้ลิ้นเลียมืออำลาหลวงพ่ออย่างมีมารยาท
"ไปเถอะ ลูกข้า นี่จะเป็นคนที่สี่สิบเอ็ด" หลวงพ่อให้พรพร้อมโบกมือให้แฮมมอนด์เบาๆ
แฮมมอนด์พุ่งตัววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วหายเข้าไปในหมู่มวลหิมะในที่สุด แฮมมอนด์มั่นใจในภารกิจครั้งนี้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
แฮมมอนด์วิ่งผ่านลูกคลื่นกีดขวางของหิมะลูกแล้วลูกเล่า มันวิ่งไปตามกลิ่น แล้วสุดท้ายก็พบผู้ประสบภัยวัตสันที่นอนจมอยู่ในกองหิมะ
มันเห็นข้าวของของผู้ประสบภัยหล่นกระจัดกระจายอยู่ตามทาง ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันลม แว่น ไม้ค้ำยัน ถุงเสบียง แผ่นที่ ลำตัวของวัตสันถูกกลบอยู่ในหิมะ มีเพียงส่วนบนของลำตัวที่อยู่พ้นหิมะ บนใบหน้ามีเกล็ดหิมะจับเป็นแผ่นบางๆ
สุนัขคุกเข่าลงข้างตัววัตสัน ใช่แน่นอน มันเป็นกลิ่นเดียวกับเสื้อที่ได้ดมกลิ่นมา แฮมมอนด์สงบนิ่งก่อน เพราะมันก็ต้องพักเหนื่อย
แฮมมอนด์อ้าปากลิ้นห้อยด้วยความเหนื่อย รอว่าวัตสันฟื้นเมื่อไหร่ เขาก็คงจะทำเหมือนผู้ประสบภัยคนอื่นๆ ปลดถุงยังชีพออกจากตัวมัน กินให้อิ่ม พอเรี่ยวแรงกลับมา เขาก็จะเดินตามแฮมมอนด์กลับไป
แฮมมอนด์พักจนหายเหนื่อยแล้ว แต่ผู้ประสบภัยยังไม่มีท่าทางจะฟื้น มันเริ่มเดินวนรอบๆตัววัตสัน แล้วเริ่มคุ้ยเขี่ยหิมะรอบตัวเขาออก
แฮมมอนด์เข้าไปดมจมูกผู้ประสบภัย มันเริ่มแลบลิ้นออกมาเลียหน้าวัตสันที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ความหนาวเย็นจากปลายลิ้นแผ่ซ่านเข้าไปถึงขั้วหัวใจของตัวมันเอง
มันหยุดพักอยู่ครู่ใหญ่ๆ เมื่อความอุ่นกลับมาที่ปลายลิ้นอีกครั้ง มันแลบลิ้นออกมาใหม่ เลียใบหน้าของผู้ประสบภัยอย่างบรรจง มันแน่ใจว่า ขอให้ผู้ประสบภัยฟื้นขึ้นมา เหตุการณ์ต่างๆก็จะดีขึ้น
แท้จริงวัตสันหมดสติไปเนื่องจากความหิว ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนสุดท้ายก็หมดสติไป ตอนนี้ ไออุ่นจากลำตัวและลิ้นของแฮมมอนด์เริ่มแผ่ขยายเข้าไปยังโสตประสาทของวัตสัน ทำให้สมองเขาเริ่มตื่น เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นทีละนิด
วัตสันยังไม่สามารถขยับตัว แม้แต่จะเอี้ยวคอ เปลือกตาเปิดได้เล็กน้อย และสิ่งแรกที่สายตาเขามองเห็นก็คือ สุนัขที่แยกเขี้ยวจ่ออยู่หน้าตนห่างไม่ถึงคืบ เขาเข้าใจทันทีว่านั่นคือสุนัขจิ้งจอก
เขาแทบจะสลบกลับไปอีกครั้งด้วยความสั่นกลัว เขารู้จักสัญชาตญาณของสุนัขจิ้งจอก คนมากมายที่กลายเป็นเหยื่ออันโอชะของสุนัขจิ้งจอกไปแล้ว ตอนหิมะถล่ม ตอนนั้นเขาต้องหนีเอาตัวรอด เขาได้ปลดเอาพันธนาการบนตัวทิ้งไปเพื่อหนีเอาตัวรอดอย่างเร็วที่สุด เหลือไว้แต่มีดเดินป่าที่กำแน่นอยู่ในมือ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่น่าสะพึงกลัวในตอนนี้ ทำให้เขาต้องรวบรวมสติและพละกำลังทั้งหมดเท่าที่มี ชักแขนขวาออกจากกองหิมะอย่างช้าๆ ยกเอามีดในมือจ้วงแทงไปยังหน้าอกของแฮมมอนด์อย่างไม่คิดชีวิต
แฮมมอนด์ตกตะลึง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวมัน ในวินาทีนั้น มันเข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมด ความเจ็บปวดทำให้มันร้องออกมาอย่างสุดเสียง มันดังก้องไปทั่วหุบเขา
แฮมมอนด์กระโดดถอยออกมาอย่างเจ็บปวดที่สุด เลือดแดงๆกำลังพุ่งทะลักสู่พื้นหิมะที่ขาวโพลน มันเจ็บใจ มันโกรธ มันปวด มันแค้น ทันใดนั้น มันหันกลับมาหาวัตสัน เบิกตากว้างที่บัดนี้ได้กลายเป็นสีแดงฉาน อ้าปากกว้างที่มีฟันอันแหลมคม ตั้งใจจะจู่โจมเข้าไปงับคอของวัตสัน
แต่แล้วมันก็หยุดกระทันหัน หุบปากลง สายตาอันเคืองแค้นลดความดุร้ายลง ภาพที่มันเห็นคือ ผู้ประสบภัยคนนั้นหลับตาสลบไปอีกครั้ง
แฮมมอนด์ก้มหน้ามองตัวมันเอง มันไม่สามารถดึงเอามีดเล่มนั้นออกจากอก มันตัดสินใจวิ่งกลับไปที่โบสถ์ กลับไปหาเจ้าของของมัน
มันเดินทางกลับไปหาหลวงพ่อด้วยฝีเท้าที่ผกผัน เลือดหยดมาตลอดทาง
หลวงพ่อเพิ่งจะเสร็จพิธีสวดมนต์ตอนเย็น กำลังรอว่าเมื่อไหร่แฮมมอนด์จะกลับมา รู้สึกเหมือนประตูจะถูกกระแทกเบาๆจากภายนอก หลวงพ่อตัดสินใจเดินไปเปิดประตู
พอประตูเปิดออก ได้ยินแต่เสียงโหยหวน แล้วแฮมมอนด์ก็กระโจนมาหาเขา ล้มฟุบอยู่ข้างหลวงพ่อ หยดเลือดสีแดงหยดเป็นทางยาวจากพื้นหิมะสีขาวข้างนอก
หลวงพ่อตกใจ รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
ก้มลงตรวจดู เห็นมีดปักอยู่คาอกแฮมมอนด์ ตำแหน่งมีดคงไม่โดนหัวใจ แต่คงตัดผ่านเส้นเลือดจนขาด เลือดของแฮมมอนด์ยังไหลไม่หยุด ด้วยความเศร้าใจอย่างที่สุด หลวงพ่อค่อยๆดึงมีดออกมา มันเป็นมีดเดินป่าที่สวยงาม บนด้ามจับสลักชื่อเจมส์ วัตสันไว้อย่างบรรจง
แฮมมอนด์ยังคงส่งเสียงสะอื้นอย่างบางเบา ดวงตาที่แดงกล่ำพร้อมคราบน้ำตามองดูหลวงพ่ออย่างเศร้าสร้อย คล้ายกำลังหวนลำลึกถึงวันคืนที่ผ่านมาที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับหลวงพ่อ หลวงพ่อเศร้าใจอย่างที่สุด ยื่นมืออันสั่นเทาออกมาให้แฮมมอนด์ แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม แฮมมอนด์ไม่สามารถแลบลิ้นออกมาเลียมือเจ้าของเหมือนอย่างทุกครั้ง มันได้แต่ขยับตัวเล็กน้อย เอาหน้าแนบไว้กับมือหลวงพ่อ หายใจอย่างรวยริน ลมหายใจที่แผ่วลง แผ่วลง แผ่วลงไปเรื่อยๆ แล้วในที่สุด แฮมมอนด์ก็ค่อยๆจากโลกนี้ไป
แฮมมอนด์ตายจากไปแล้ว แต่วัตสันมีชีวิตรอดกลับมาได้ รอยเลือดที่หยดมาตลอดทางของแฮมมอนด์ ช่วยให้ทีมกู้ภัยสามารถค้นหาวัตสันจนเจอ
ความเข้าใจผิดของวัตสัน กลายเป็นความผิดพลาดอันมหันต์ที่เขาต้องจดจำไปจนตาย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นไปแล้ว ย่อมไม่มีใครสามารถแก้ไขอะไรได้อีก
แฮมมอนด์ถูกฝังอยู่ในสุสานสำหรับนักบุญ สี่สิบเอ็ดคนที่แฮมมอนด์เคยช่วยชีวิตไว้ รวมทั้งตัววัตสันด้วย ได้รวบรวมเงินสร้างหลุมฝังศพให้แฮมมอนด์อย่างวิจิตร บนแผ่นป้ายได้จารึกชื่อของคนทั้งสี่สิบเอ็ดคน
เนื้อที่ส่วนหนึ่งบนแผ่นป้าย วัตสันได้จารึกคำกลอนท่อนหนึ่งของกวีชาวอังกฤษท่านหนึ่งไว้ว่า
"เจ้ามีจิตวิญญาณที่งดงาม....
เท่าที่มวลมนุษย์ทั้งหมดควรจะมี
แต่เจ้าหาจุดบกพร่องไม่ได้เลยสักนิด....
เท่าที่มนุษย์คนใดคนหนึ่งจะพึงมี"
"ขจรศักดิ์"
แปลและเรียบเรียง