ประสบการณ์ปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก

เหตุที่มาตั้งกระทู้นี้เพราะอยากจะคุยคลายเครียด และอยากจะรู้ว่าคนอื่นๆที่ไปปรึกษาเรื่องมีบุตรยากเป็นอย่างไรกันบ้าง เราเองอายุ 37 ปีแล้ว แต่งงานมา 9 ปี ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยอยากมีลูกรู้สึกว่าไม่พร้อม พึ่งจะมาพยายามมีลูกเองแบบจริงๆประมาณ 3 ปี แต่ไม่ติดสักที เราเป็นคนที่ประจำเดือนมาตรงมาก เป๊ะทุกครั้ง ก็เลยคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร เริ่มอยากไปปรึกษาหมอ สามีเลยออกความเห็นว่าอยากไปตรวจน้ำเชื้อของเค้าก่อน เพราะเค้าเห็นเรา ปจด.มาปกติเป๊ะเวอร์ ก็เลยไปตรวจน้ำเชื้อที่โรงพยาบาลเกษราษฎร์บางแคเพราะเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แย่มากๆ สามีบอกทางโรงบาลให้ไปเก็บเชื้อที่ห้องน้ำชาย ไม่มีห้องส่วนตัวอะไรให้เลย พอตรวจเสร็จฟังผล ก็เจอหมอใช้คำพูดไม่ดีอีก ทักเราคำแรกมีอะไรกันล่าสุดวันไหน เราก็เออหมอใช้คำพูดบ้านๆจัง

หลังจากนั้นหมอก็บอกว่า (ขอใช้เป็นคำพูดของหมอที่พูดกับเราเลยนะ)
หมอ - เชื้ออสุจิของคุณไม่ค่อยวิ่งนะ วิ่งช้า มันแบบขี้เกียจอ่ะ
สามี - แล้วต้องทำงัยให้มันดีขึ้นได้บ้างครับ ออกกำลังกายช่วยได้มั้ย
หมอ - มันพูดยาก ออกกำลังกายบางทีก็ไม่ได้ช่วยอะไร
สามี - งี้คือโอกาสมีลูกก็ยากเลยใช่มั้ยครับ
หมอ - ก็ไม่หลอกครับถ้าคุณไปเจอผู้หญิงที่ เฟรสๆหน่อย อายุน้อยๆ ก็อาจจะมีลูกได้ง่ายกว่า
*** ณ จุดนี้เรานั่งฟังแล้ว อึ้งกับหมอ เรารู้สึกหมอไม่ให้เกียรติเราเลย พูดแบบนี้ก็เท่ากับว่าสามีเราควรจะไปหาภรรยาใหม่ที่อายุน้อยๆจะได้มีลูกงี้หรอ ***
สามี - พอจะมีวิตามินหรืออะไรที่ควรรับประทานเพื่อช่วยเรื่องนี้ได้บ้างป่ะครับ
หมอ - ไม่มีหลอกครับ มันพูดยาก
เราก็เลยสะกิดสามีให้กลับดีกว่าคุยไปก็ไม่ได้ความแน่นอน เพราะตอนนั้นเราก็เริ่มของขึ้นกับคำพูดและท่าทางของหมอที่แบบเหมือนตรวจไปงั้นๆแหละ มันเป็นประสบการณ์ในการหาหมอโรงพยาบาลเอกชนที่แย่มากๆสำหรับเราเลยหละ .... หลังจากนั้นเราก็ทิ้งเวลาไปสักพัก หาข้อมูลไปเรื่อย มีเพื่อนแนะนำให้ไปศูนย์มีบุตรยากที่โรงพยาบาลวชิระ แต่พอขับรถไปหาที่จอดไม่ได้เลย แล้วมันก็ไกลบ้านเรามาก รถติดมาก เราก็เลยขับรถกลับแล้วมาหาข้อมูลเอง จนมาเจอ ศูนย์มีบุตรยากศิริราช เราก็เลยตกลงเลือกไปปรึกษาที่นี่ เพราะมันไม่ไกลบ้านมาก เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาขั้นตอนการรักษาต่างๆค่อนข้างใช้เวลาต้องไปหลายครั้งเลยทีเดียว เลยเลือกที่สะดวกเราที่สุด

มาถึงศูนย์มีบุตรยากศิริราช ขั้นตอนดังนี้
1. ทำบัตรโรงพยาบาลออนไลน์ พอสมัครเสร็จรออีเมล์เลขบัตรโรงพยาบาลไม่เกิน 3 วันได้

2. มาถึงศิริราชแต่เช้า เราไปถึงประมาณตี 5 ครึ่ง ก็ไปที่สูตินารีเวชไปเอาบัตรคิวเพื่อไปตรวจมะเร็งปากมดลูก(ต้องไปตอนไม่มี ปจด.นะ) แล้วก็ไปจุดคัดกรองด้านล่างตึกผู้ป่วยนอกก่อนนะคะ แล้วก็ไปรับบัตรแข็งของโรงพยาบาล ณ จุดนี้เราก็งงๆไปหมด ถามเจ้าหน้าที่เดินไปเดินมาทำตัวไม่ถูก เข้าช่องนี้ออกช่องนั้นกว่าจะได้ ต้องบอกว่าโชคดีได้หมอผู้หญิง มือเบา พูดดี๊ดี

3. จบจากสูตินารีเวชก็ไปที่ ศูนย์มีบุตรยาก ชั้น 6 อาคาร 100 ปี นางพยาบาลพูดดีมาก ก็อธิบายขั้นตอนนั้นนี้ให้ฟัง และบอกให้ไปเจาะเลือด เราต้องเจาะเลือดเพื่อตรวจโรคต่างๆ และตรวตระดับฮอร์โมนซึ่งตรวจฮอร์โมนเราต้องมาเจาะวันที่เรามี ปจด. เราเลยเลือกที่จะไม่เจาะในวันนั้นเลย มาเจาะทั้งหมดอีกทีตอนมี ปจด. จะได้เจ็บตัวครั้งเดียวจบ แล้วนางพยาบาลก็ให้ดูคิวหมอแล้วเลือกว่าจะมาเวลาปกติซึ่งคิวไปถึงธันวาแล้วหรือจะมานอกเวลาที่มีคิวตอนเดือน กค. เราก็เลยเลือกนอกเวลาดีกว่า เสร็จนางพยาบาลก็ออกใบนัดให้มาพบหมอวันที่ 25 กค.

4. มาเจาะเลือดวันที่ ปจด. มา เรานี้อึ้งกับห้องเจาะเลือดที่ศิริราชมากเลย คือจุดเจาะเลือดเยอะมากยังกับเคาเตอร์ธนาคาร 5555 เราได้คิวปุ๊บมองอีกนานเลยกว่าจะถึงคิว เสร็จก็เลยไปกินข้าว ขึ้นมาเลยคิวไปไกลล่ะ เร็วมากจริงๆ หมอที่นี่เก่งมากปกติเราไปเจาะเลือดที่ไหนก็จะยากลำบากตลอด เส้นเลือดเล็กหายาก เจาะยาก ที่นี่มาถึงรัดแขน แตะๆเจาะเลย แป๊บเดียวเสร็จ ประทับใจเลยเรา

5. มาหาหมอตามนัด สามีไปเก็บน้ำเชื้อก่อนเลย พอหมอมาเราก็ไปอัลตร้าซาวน์ แล้วก็มาฟังผลทั้งผลเลือด ผลอัลตร้าซาวน์และผลน้ำเชื้อของสามี หมอบอกว่าเราปกติทุกอย่างระดับฮอร์โมนดีไม่มีโรคอะไร ส่วนสามีไม่มีโรคอะไร ผลน้ำเชื้อต่ำกว่าเกณฑ์ แต่หมอก็ให้กำลังใจว่าบางทีครั้งหน้าผลอาจจะดีขึ้น ก็ให้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอะไรประมาณนี้ เราก็คุยกับหมอว่าจะทำ iui (คือการฉีดเชื้อผสมเทียม) ก่อนสัก 3 ครั้ง แล้วก็หมอก็จ่ายยาเร่งการตกไข่มาให้เรากิน หมอให้กินวันที่ 3 ของวันที่ ปจด.มาครั้งถัดไป กินติดต่อ 5 วัน แล้วนัดมาอัลตร้าซาวน์ดูอีกที

6. วันที่มาอัลตร้าซาวน์ดูไข่หลังจากกินยาไป หมอบอกว่าเรามีไข่ที่พร้อมจะตกตั้ง 4 ใบ ร่างกายสนองตอบต่อยาดีมาก แต่มันมีจำนวนเยอะไปและทำให้ผนังมดลูกบางเกินไปด้วย ก็เลยสั่งยาเม็ดสีฟ้าเพื่อเพิ่มผนังมดลูกและเพื่อให้ไข่ 4 ฟองที่กำลังโตพร้อมตก ให้มันฝอลงบาง หมอบอกถ้าเหลือประมาณ 2 ฟองถึงจะฉีดน้ำเชื้อให้ หมอให้เรากินยา 3 วัน แล้วนัดเรามาซาวน์อีกครั้ง

7. มาอัลตร้าซาวน์ครั้งที่ 3 หมอบอกไข่เราใหญ่มากตั้ง 21 มิล แล้วก็มีตั้ง 3 ฟอง ซึ่งเยอะไป ยาสีฟ้าช่วยอะไรไม่ได้ เราก็เลยอดฉีดน้ำเชื้อไปตามระเบียบ

วันนั้นเซงเลยอ่ะ นึกว่าจะได้ฉีดแต่ก็ไม่ เงินก็หมดไปเยอะอยู่นะ เราจดไว้รวมแล้วหมื่นกว่าบาท เพราะมาซาวน์แต่ละครั้งก็ 1,500 - 1,600 ตรวจเลือดครั้งแรกของเรา 2 พันกว่า สามี 1,500 ประมาณนี้ รู้สึกแบบว่าครั้งนี้เสียตังค์ฟรีเลยไม่ได้อะไรเลยนอกจากรู้ว่าร่างกายตัวเองเป็นยังงัยเท่านั้น ถ้าได้ฉีดแต่ไม่ติดก็ยังโอเคร นี้เหมือนตรวจเฉยๆ เลยรู้สึกเซงๆนิดนึงเสียดายเงินไอ้เราก็ไม่ใช่คนมีเงินเยอะแยะเป้นพนักงานออฟฟิศทั่วไป ยังคิดเลยว่าคราวหน้าจะเป็นยังงัยอีก ไม่รู้คนอื่นเป็นยังงัยบ้างไปหากี่ครั้งกว่าจะติด ของเรานิถ้าครั้งหน้ายังไม่ได้ฉีดอีกก็คงต้องถอยแล้วกลับไปใช้วิธีเดิม คือซื้อที่ตรวจไข่มาตรวจหาวันตกไข่เองแล้วก็ทำการบ้านกันไปปกติ แต่คราวนี้ก่ะว่าจะซื้อแบบดิจิตอลจะได้แม่นยำหน่อย มีใครเคยใช้มั้ยคะ ใช้ดีหรือเปล่ามาบอกกันบ้างนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่