หนังภาคต่อหลายเรื่องสร้างมาหลายภาคแต่ออกทะเลไปไกลละ อย่าง Fast & Furious หรือ 007 James Bond
แต่สำหรับหนังชุดนี้ MI หนังถือว่ายังไม่ออกทะเลไปมาก โทนหนังแต่ละภาคคือแตกต่างกันอยู่ละ ถือทอม ครูซ แกยังแสดงนำเหมือนเคยแค่เปลี่ยนผกก.กับมือเขียนบททุกภาค กลับมาในภาคนี้ ทอมอายุแกปาไป 56 ปีละ แต่แกยังคงแสดงฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายด้วยตัวเองเช่นเคย ไม่มีตัวแสดงแทน ตอนค่ายหนังพาราเม้าทโปรโมตหลายฉากเสี่ยงตายของทอม ถือว่าปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยคนดูได้ดีทีเดียว ทั้งฉาก Halo Jump , ขับฮ.ไลล่าที่เจ้าตัว ลงทุนไปฝึกเรียนนานถึงสองปีเพื่อหนังเรื่องนี้
ตอนดูคาดหวังกับภาคนี้ไว้สูงมากๆ เพราะ ภาคก่อนๆทำไว้ได้ดีมาก ช่วงหลังที่ผมไปดูหนังภาคต่อหลายเรื่องทำพิษ เรียกว่า หลับคาโรง เช่น 007 Spectre, Furious 8, London Has Fallen, The Mechanic Resurrection, Die Hard 5 เรียกว่าเป็นหนังภาคต่อที่ผมไม่ชอบเลย มี Jason Bourne (2016) และ John Wick Chapter 2 (2017) ที่กลับมาทำได้สนุกและดีไม่แพ้ภาคก่อนๆ ที่เหลือแบบ ... ไม่ไหวจริงๆ
ตอนแรกๆของหนังเริ่มมาแบบน่าเบื่อนิดๆ ดูบทแปลกๆไป แต่พอเริ่มองก์ที่สองของหนัง เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ บทสนทนาก็เข้มข้นดี ฉากแอ็คชั่นโคตรดุเดือดกว่าทุกภาคที่ผ่านมา เนื้อหาดูดาร์กและซับซ้อนกว่าภาคก่อนซะอีก
เสริมทัพทีมอีธาน ตัวละครใหม่ก็มาสร้างสีสันให้หนังสนุกขึ้น อย่าง Herny Cavill คือแกดูมามาดเถื่อนดี ไว้หนวดดูเข้มไปอีก, แม่หม้ายขาว ที่รับบทโดย Vassisa Kirby คือ ออกมาไม่ได้มากมาย แต่นางดูมีเสน่ห์มากๆ น่ารักโดนใจเลย
แอบเสียดายที่ Jeremy Renner ไม่กลับมาในหนังชุดนี้ละ แกมาโชว์บู๊และมีบทเด่นไม่แพ้อีธานในภาค Ghost Protocol พอแกหายไป รู้สึกแปลกๆไงไม่รู้
บทของ อิลซ่า เฟาท์ ดูไม่เด่นและดึงดูดผมเท่าภาคที่แล้ว คือ ภาคที่แล้ว นางเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องเลย ภาคนี้ ไม่มีฉากไหนของนางน่าจดจำเท่าภาคที่แล้ว แถมดูนางไม่สวย เท่าภาคก่อน ดูนางผอมไปในภาคนี้ การแต่งหน้าด้วย
ทอม ครูซ หน้ายังหล่ออยู่ แต่ดูอ้วนขึ้นไงไม่รู้ ตอน Jack Reacher Never Go Back (2016) ก็เริ่มอ้วนละ ฉากวิ่งเร็วไล่ล่าตัวร้าย ดูแกวิ่งไม่เร็วเท่าภาคก่อนๆ
จูเลียเมียสุดที่รักของอีธานในภาคสามที่กลับมาเซอร์ไพร์สผมอยู่เหมือนกัน แต่ไม่น่าตัดบทนางไปแบบนั่นเอง ดูบทมันแปลกๆไป
ฉากขับฮ.ตอนโปรโมตดูน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ พอดูจริงๆก็รู้ว่าทอมแกขับเอง แต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ ผมว่าตัวผู้กำกับ แกอยากทำฉากไล่ล่าด้วยยานพาหนะ ทำให้ดูดีและยิ่งใหญ่แบบที่ภาคสองของจอห์น วูทำในฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์ไล่ล่ากับตัวร้าย ที่เป็นที่จดจำ ทั้งการแต่งกายมาแบบชุด The Matrix ของอีธาน กระโดดหลบข้างรถเอามอเตอร์ไซค์กันกระสุน ไหนจะฉากอีธานกับตัวร้ายกระโดดปะทะตัวกันแล้วมอเตอร์ไซค์ระเบิด แต่ภาคนี้เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์มาเป็นฮ. เล่นใหญ่กว่าเดิมแต่ไม่ระทึกและลุ้นเท่าภาคสอง
ผกก./มือเขียนบท คนเดิมจากภาคก่อน Christoper Mcquarrie จาก MI Rogue Nation (2015) และ Jack Reacher (2012) คือ แกไม่ใช้ว่าทำภาคนี้ไม่ดีนะ แต่ผมว่าหนังภาคที่แล้วมัยดูสนุกกว่า ภาคนี้ออกมาแบบดาร์ก จริงจังด้านเนื้อหามากขึ้น มุขตลกๆดูซอฟลง หนังยังคงทำงานเป็นทีมอยู่ตามคอนเซปต์เช่นเคย แต่สมาชิกในทีมอีธาน มันดูไม่เด่นและน่าประทับใจเท่าภาค Ghost Protocol ภาคนี้ไม่ต่างกับภาคสอง อีธานลุยเดี่ยวเป็นหลัก คริสแกพยายามเปลี่ยนโทนหนัง แต่ผมว่ามันไม่ค่อยเวิร์ค
ฉากที่ชอบ
- Halo Jump ดูจากมุมกล้องที่ถ่าย เหมือนเรากระโดดลงไปพร้อม ทอม ครูซ หวาดเสียวอยู่แต่ โดยส่วนตัวผมอินและลุ้นกับฉากปีนตึกดูไบในภาคสี่มากกว่า
- ฉากสู้กันในห้องน้ำ 2 รุม 1 พี่ซุปเปอร์แมนโคตรเท่ ต่อยอย่างหนัก อีธานก็แบบเน้นรวดเร็ว แทบเอาพี่จีนไม่อยู่ ฉากนี้ผมว่ามันมีความเป็น
เจสัน บอร์น และเรื่อง เทคเค่น ของเลียม นีสัน อยู่สูงนะ อัดกันแบบดิบๆ ไม่มีดนตรีประกอบ มุมกล้องที่ถ่ายแบบเหมือนหนังสองเรื่องนั่น ดุเดือดดี ไม่ได้เห็นอีธานออกหมัดแบบเป็นจริงเป็นจังมานานนับตั้งแต่ภาคสองเป็นต้นมา
- ฉากอีธานคว้าปืนยิงสี่คนตายเรียบ เพื่อช่วย ตำรวจหญิง คือ แกโคตรเท่อะ ยิงอย่างเร็ว ฉากนี้แบบเหมือนเรื่อง Collateral ที่ทอมแกเคยทำ
- ฉากขับรถไล่ล่าต่อด้วยมอเตอร์ไซค์ คือ ตรงนี้ผมชอบนะ ดูเร้าใจไม่แพ้ฉากขับรถไล่ล่าในภาคที่แล้ว และยาวขึ้น ทอมแกขับเองไม่ใส่หมวกกันน็อก รถล้มจริงอะไรจริง สปีริตคนอายุ 56 ปี ผมยอมเลย เรียกว่าฉากขับรถไล่ล่า ทำเอา Mad Max Fury Road ชิดซ้าย, Fast & Furious ชิดขวา, หนังตระกูล เจสัน บอร์น ชิดฝาผนังไปเลย เดือดมากๆ ดูแล้วชอบรถมอเตอร์ไซค์ BMW มากๆ ทรงสวย คลาสสิก ทอมแกขี่เท่มากๆ
- ฉากที่แกไปห้อยตัวไต่เชือกขึ้นฮ.ทำเอาหวาดเสียวใช่ย่อยจะตกไม่ตกแหล่อยู่ละ แกยังพยายามจนขึ้นได้ สุดยอดเลย
โดยรวมถึงว่าหนังก็ยังสนุกใช้ได้ แต่ชอบโทนและการดำเนินเรื่องในภาคที่แล้วมากกว่า ภาคนี้เอาคะแนนไป 7/10 ให้คะแนนภาคกว่าภาคสอง
คะแนนนึง คือ ดูเพลินๆเอามันได้ บทและเนื้อหาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆทุกภาคอยู่ละ แต่ไม่มี mission ที่น่าจดจำแบบภาคก่อนที่มีฉากที่น่าจดจำ อย่างภาคแรก ฉากอีธานบุกไปขโมยรายชื่อสายลับในซีไอเอ, ภาคสามฉากแกกับลูกทีมลอบเข้าไปลักพาตัวตัวร้ายออกจากโรม, ภาคสี่ ปีนตึกโคตรสูงระฟ้าในดูไบ, ภาคห้า เกาะเครื่องบิน ดำน้ำนานหกนาที
ภาคนี้ละ ขับฮ.เหรอ หรือ halo jump มันดูไม่เป็น mission impossible เท่าไหร่ ภาคนี้ไม่ค่อยเน้นใช้อุปกรณ์ไฮเทคเท่าไหร่ เน้นดิบๆ หมัดแลกหมัด กระสุนแลกกระสุน คล้ายๆภาคสอง ที่เน้นฉากแอ็คชั่นมากไป แต่มันดูล้นไป
ภาค 1,3-5 ผมให้ 10/10
ภาค Fallout 7/10
ภาคสอง 6/10
MI Fallout หลังดูจบ ทำไมรู้สึกไม่สนุกเท่าภาคก่อน และคุณคิดเห็นอย่างไร ชอบฉากไหนและไม่ชอบจุดไหนบ้างครับ
แต่สำหรับหนังชุดนี้ MI หนังถือว่ายังไม่ออกทะเลไปมาก โทนหนังแต่ละภาคคือแตกต่างกันอยู่ละ ถือทอม ครูซ แกยังแสดงนำเหมือนเคยแค่เปลี่ยนผกก.กับมือเขียนบททุกภาค กลับมาในภาคนี้ ทอมอายุแกปาไป 56 ปีละ แต่แกยังคงแสดงฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายด้วยตัวเองเช่นเคย ไม่มีตัวแสดงแทน ตอนค่ายหนังพาราเม้าทโปรโมตหลายฉากเสี่ยงตายของทอม ถือว่าปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยคนดูได้ดีทีเดียว ทั้งฉาก Halo Jump , ขับฮ.ไลล่าที่เจ้าตัว ลงทุนไปฝึกเรียนนานถึงสองปีเพื่อหนังเรื่องนี้
ตอนดูคาดหวังกับภาคนี้ไว้สูงมากๆ เพราะ ภาคก่อนๆทำไว้ได้ดีมาก ช่วงหลังที่ผมไปดูหนังภาคต่อหลายเรื่องทำพิษ เรียกว่า หลับคาโรง เช่น 007 Spectre, Furious 8, London Has Fallen, The Mechanic Resurrection, Die Hard 5 เรียกว่าเป็นหนังภาคต่อที่ผมไม่ชอบเลย มี Jason Bourne (2016) และ John Wick Chapter 2 (2017) ที่กลับมาทำได้สนุกและดีไม่แพ้ภาคก่อนๆ ที่เหลือแบบ ... ไม่ไหวจริงๆ
ตอนแรกๆของหนังเริ่มมาแบบน่าเบื่อนิดๆ ดูบทแปลกๆไป แต่พอเริ่มองก์ที่สองของหนัง เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ บทสนทนาก็เข้มข้นดี ฉากแอ็คชั่นโคตรดุเดือดกว่าทุกภาคที่ผ่านมา เนื้อหาดูดาร์กและซับซ้อนกว่าภาคก่อนซะอีก
เสริมทัพทีมอีธาน ตัวละครใหม่ก็มาสร้างสีสันให้หนังสนุกขึ้น อย่าง Herny Cavill คือแกดูมามาดเถื่อนดี ไว้หนวดดูเข้มไปอีก, แม่หม้ายขาว ที่รับบทโดย Vassisa Kirby คือ ออกมาไม่ได้มากมาย แต่นางดูมีเสน่ห์มากๆ น่ารักโดนใจเลย
แอบเสียดายที่ Jeremy Renner ไม่กลับมาในหนังชุดนี้ละ แกมาโชว์บู๊และมีบทเด่นไม่แพ้อีธานในภาค Ghost Protocol พอแกหายไป รู้สึกแปลกๆไงไม่รู้
บทของ อิลซ่า เฟาท์ ดูไม่เด่นและดึงดูดผมเท่าภาคที่แล้ว คือ ภาคที่แล้ว นางเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องเลย ภาคนี้ ไม่มีฉากไหนของนางน่าจดจำเท่าภาคที่แล้ว แถมดูนางไม่สวย เท่าภาคก่อน ดูนางผอมไปในภาคนี้ การแต่งหน้าด้วย
ทอม ครูซ หน้ายังหล่ออยู่ แต่ดูอ้วนขึ้นไงไม่รู้ ตอน Jack Reacher Never Go Back (2016) ก็เริ่มอ้วนละ ฉากวิ่งเร็วไล่ล่าตัวร้าย ดูแกวิ่งไม่เร็วเท่าภาคก่อนๆ
จูเลียเมียสุดที่รักของอีธานในภาคสามที่กลับมาเซอร์ไพร์สผมอยู่เหมือนกัน แต่ไม่น่าตัดบทนางไปแบบนั่นเอง ดูบทมันแปลกๆไป
ฉากขับฮ.ตอนโปรโมตดูน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ พอดูจริงๆก็รู้ว่าทอมแกขับเอง แต่กลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่ ผมว่าตัวผู้กำกับ แกอยากทำฉากไล่ล่าด้วยยานพาหนะ ทำให้ดูดีและยิ่งใหญ่แบบที่ภาคสองของจอห์น วูทำในฉากซิ่งมอเตอร์ไซค์ไล่ล่ากับตัวร้าย ที่เป็นที่จดจำ ทั้งการแต่งกายมาแบบชุด The Matrix ของอีธาน กระโดดหลบข้างรถเอามอเตอร์ไซค์กันกระสุน ไหนจะฉากอีธานกับตัวร้ายกระโดดปะทะตัวกันแล้วมอเตอร์ไซค์ระเบิด แต่ภาคนี้เปลี่ยนจากมอเตอร์ไซค์มาเป็นฮ. เล่นใหญ่กว่าเดิมแต่ไม่ระทึกและลุ้นเท่าภาคสอง
ผกก./มือเขียนบท คนเดิมจากภาคก่อน Christoper Mcquarrie จาก MI Rogue Nation (2015) และ Jack Reacher (2012) คือ แกไม่ใช้ว่าทำภาคนี้ไม่ดีนะ แต่ผมว่าหนังภาคที่แล้วมัยดูสนุกกว่า ภาคนี้ออกมาแบบดาร์ก จริงจังด้านเนื้อหามากขึ้น มุขตลกๆดูซอฟลง หนังยังคงทำงานเป็นทีมอยู่ตามคอนเซปต์เช่นเคย แต่สมาชิกในทีมอีธาน มันดูไม่เด่นและน่าประทับใจเท่าภาค Ghost Protocol ภาคนี้ไม่ต่างกับภาคสอง อีธานลุยเดี่ยวเป็นหลัก คริสแกพยายามเปลี่ยนโทนหนัง แต่ผมว่ามันไม่ค่อยเวิร์ค
ฉากที่ชอบ
- Halo Jump ดูจากมุมกล้องที่ถ่าย เหมือนเรากระโดดลงไปพร้อม ทอม ครูซ หวาดเสียวอยู่แต่ โดยส่วนตัวผมอินและลุ้นกับฉากปีนตึกดูไบในภาคสี่มากกว่า
- ฉากสู้กันในห้องน้ำ 2 รุม 1 พี่ซุปเปอร์แมนโคตรเท่ ต่อยอย่างหนัก อีธานก็แบบเน้นรวดเร็ว แทบเอาพี่จีนไม่อยู่ ฉากนี้ผมว่ามันมีความเป็น
เจสัน บอร์น และเรื่อง เทคเค่น ของเลียม นีสัน อยู่สูงนะ อัดกันแบบดิบๆ ไม่มีดนตรีประกอบ มุมกล้องที่ถ่ายแบบเหมือนหนังสองเรื่องนั่น ดุเดือดดี ไม่ได้เห็นอีธานออกหมัดแบบเป็นจริงเป็นจังมานานนับตั้งแต่ภาคสองเป็นต้นมา
- ฉากอีธานคว้าปืนยิงสี่คนตายเรียบ เพื่อช่วย ตำรวจหญิง คือ แกโคตรเท่อะ ยิงอย่างเร็ว ฉากนี้แบบเหมือนเรื่อง Collateral ที่ทอมแกเคยทำ
- ฉากขับรถไล่ล่าต่อด้วยมอเตอร์ไซค์ คือ ตรงนี้ผมชอบนะ ดูเร้าใจไม่แพ้ฉากขับรถไล่ล่าในภาคที่แล้ว และยาวขึ้น ทอมแกขับเองไม่ใส่หมวกกันน็อก รถล้มจริงอะไรจริง สปีริตคนอายุ 56 ปี ผมยอมเลย เรียกว่าฉากขับรถไล่ล่า ทำเอา Mad Max Fury Road ชิดซ้าย, Fast & Furious ชิดขวา, หนังตระกูล เจสัน บอร์น ชิดฝาผนังไปเลย เดือดมากๆ ดูแล้วชอบรถมอเตอร์ไซค์ BMW มากๆ ทรงสวย คลาสสิก ทอมแกขี่เท่มากๆ
- ฉากที่แกไปห้อยตัวไต่เชือกขึ้นฮ.ทำเอาหวาดเสียวใช่ย่อยจะตกไม่ตกแหล่อยู่ละ แกยังพยายามจนขึ้นได้ สุดยอดเลย
โดยรวมถึงว่าหนังก็ยังสนุกใช้ได้ แต่ชอบโทนและการดำเนินเรื่องในภาคที่แล้วมากกว่า ภาคนี้เอาคะแนนไป 7/10 ให้คะแนนภาคกว่าภาคสอง
คะแนนนึง คือ ดูเพลินๆเอามันได้ บทและเนื้อหาเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆทุกภาคอยู่ละ แต่ไม่มี mission ที่น่าจดจำแบบภาคก่อนที่มีฉากที่น่าจดจำ อย่างภาคแรก ฉากอีธานบุกไปขโมยรายชื่อสายลับในซีไอเอ, ภาคสามฉากแกกับลูกทีมลอบเข้าไปลักพาตัวตัวร้ายออกจากโรม, ภาคสี่ ปีนตึกโคตรสูงระฟ้าในดูไบ, ภาคห้า เกาะเครื่องบิน ดำน้ำนานหกนาที
ภาคนี้ละ ขับฮ.เหรอ หรือ halo jump มันดูไม่เป็น mission impossible เท่าไหร่ ภาคนี้ไม่ค่อยเน้นใช้อุปกรณ์ไฮเทคเท่าไหร่ เน้นดิบๆ หมัดแลกหมัด กระสุนแลกกระสุน คล้ายๆภาคสอง ที่เน้นฉากแอ็คชั่นมากไป แต่มันดูล้นไป
ภาค 1,3-5 ผมให้ 10/10
ภาค Fallout 7/10
ภาคสอง 6/10