กระทู้นี้ที่ตั้ง เพราะอยากจะเตือนภัยเพื่อนๆ ผู้หญิง ที่ต้องมีวิถีชีวิตในการขึ้นแท็กซี่คนเดียวบ่อย ๆ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเราเองโดยตรง แต่ก็คิดว่าควรจะนำมาแชร์ต่อให้คนอื่นได้ระมัดระวังในการขึ้นแท็กซี่มากขึ้น
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 61 เวลาประมาณ 17.30 – 18.30 น. (โดยประมาณ)
....น้องสาวของเพื่อนสนิท ได้ลงรถประจำทาง บริเวณหน้าวัดดอนเมือง แล้วเดินมาเรียกแท็กซี่ที่ตรงถนนสรงประภา เวลานั้นฝนตกลงมาปรอย ๆ น้องคิดว่า ถ้ารอรถสองแถวอาจจะนาน จังหวะนั้นมีแท็กซี่ผ่านมา 1 คัน แต่สแกนด้วยสายตาในเบื้องต้นแล้ว คนขับรถรูปลักษณ์ดูค่อนข้างน่ากลัว เลยไม่กล้าเรียก รอจนอีกคันมา เป็นแท็กซี่สีเหลือง คนขับหน้าตาไม่น่ากลัว ขาว ๆ จีน ๆ อายุประมาณ 50 กว่า ๆ เลยตัดสินใจโบกรถ แล้วก็นั่งด้านหลังฝั่งคนนั่ง เมื่อรถเคลื่อนตัว ก็ได้แจ้งจุดหมายปลายทางที่ต้องการไปปกติ ซึ่งอยู่แถวปทุมธานี ใช้เส้นทางตรงขึ้นไปจากถนนสรงประภา ไม่นานนักบทสนทนาระหว่างคนขับรถแท็กซี่กับน้องก็เกิดขึ้น หลังจากที่มีรถอีกฝั่งจะยูเทิร์น ทำให้แท็กซี่ต้องเบรกกะทันหัน
คนขับ : ขับแบบนี้เดี๋ยวรถได้ชนตาย
น้อง : (ฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย)
คนขับ : (เริ่มชวนคุย) หนูขับรถเป็นมั๊ย?
น้อง : เป็นค่ะ
คนขับ : รู้มั๊ยว่าการนั่งแท็กซี่ที่ถูกต้อง ปลอดภัย จะต้องนั่งยังไง?
น้อง : รู้ค่ะ เคยดูในทีวี ต้องนั่งหลังคนขับ
คนขับ : ไม่ใช่ ที่หนูนั่งอ่ะถูกแล้ว นั่งฝั่งคนนั่ง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้หนีทัน
น้อง : อ้าวหรอคะ
คนขับ : แล้วรู้มั๊ยว่ารถเนี่ย มีระบบเซ็นทรัลล็อค ที่ทำให้ทุกประตูล็อคหมดทุกด้าน
น้อง : ค่ะ
คนขับ : แล้วถ้าจะเปิดประตูหนีต้องทำไง รู้รึเปล่า?
น้อง : ก็ดึงล็อคฝั่งตัวเอง แล้วเปิดออก
คนขับ : มีความคิดดีนิ่ มาเดี๋ยวลุงจะสอนให้ว่าเวลานั่งแท็กซี่ ต้องนั่งยังไงถึงจะปลอดภัย
น้อง : อ๋อค่ะ (ในใจคิดว่าเค้าคงชวนคุยปกติ ไม่น่ามีอะไร)
คนขับ : เวลาขึ้นแท็กซี่นะ จำไว้เลย ป้ายเหลือง ๆ ที่อยู่ข้างประตูน่ะ ต้องจำไว้ ส่วนป้ายที่ติดไว้หน้ากระจกรถ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก จำแต่ป้ายเหลือง ๆ ก็พอ แล้วก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้นะ หรือไม่ก็แชทบอกเพื่อน หรือโทรคุยกับคนรู้จักบอกเลขทะเบียนไปเลย ว่าขึ้นรถทะเบียนอะไร สีอะไร อ้อ! นี่ลุงพกอาวุธมาด้วยนะ รู้มั๊ยว่าอะไร?
น้อง : (เริ่มกลัวละ มีอาวุธ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ) ปืนหรอคะ หรือว่ามีด
คนขับ : โอย..แบบนั้นมั่นโจ่งแจ้งไป หนูเคยไปอนุสาวรีย์ชัยฯไหม
น้อง : เคยไปค่ะ
คนขับ : แล้วเคยเห็นแท่งแหลม ๆ ที่อนุสาวรีย์ฯ มั๊ย นั่นแหละ ลักษณะแบบนั้น เดี๋ยวลุงจะหยิบให้ดู (พูดพลางเอี้ยวตัวไปหยิบอาวุธออกมาโชว์)
น้อง : (เริ่มใจไม่ดี พยายามกดโทรศัพท์หาคนคุยด้วย เพราะไม่อยากคุยกับคนขับแล้ว)
คนขับ : (อธิบายคุณสมบัติพิเศษของอาวุธต่อ) หนูรู้มั๊ย เจ้าอาวุธอันนี้ เรียกว่าเหล็กขูดชาร์ป เวลาแทงไปนะ แทบไม่มีรอยแผล รอยเลือดเลย คนที่โดนจะช้ำข้างในตาย ถ้าจะเอาเลือดออกมาต้องเอาหลอดไปแหย่ที่รอยแผล...แล้วรู้มั๊ยว่า เวลาที่เราถูกลวงไปต้องป้องกันตัวยังไง
น้อง : ทำยังไงหรอคะ
คนขับ : ผู้ชายมันมีจุดอ่อนอยู่ 2 ที่ ที่แรกก็คือ ที่อวัยวะเพศ บีบไปแรง ๆ เลย ส่วนอีกที่นึงก็คือที่กระเดือก เอ้า! หนูลองจับที่คอตัวเองดูซิ แล้วลองกดดู
น้อง : (ทำตาม พอลองกดตามรู้สึกเจ็บเลยพูดออกมาว่า) มันเจ็บค่ะ
คนขับ : ก็ฉลาดดีนะ ถ้าเกิดถูกลวงไป หรือถูกลวนลาม ให้ต่อยไปที่กระเดือกเลย บางทีอาจถึงตายเลยนะรู้มั๊ย แล้วถ้าไปโรงพัก รู้รึเปล่าว่าตำรวจเค้าจะเชื่อใคร ตำรวจเค้าจะเชื่อผู้หญิง ถ้าเราถูกปล้นให้เราฉีกเสื้อตัวเองให้ขาดด้วย โจรมันจะโดนข้อหาพยายามข่มขืนอีก 1 กระทง เอ้อ! แล้วหนูไว้เล็บรึเปล่า?
น้อง : ไม่ได้ไว้ค่ะ ไว้แล้วมันชอบหัก หนูก็เลยไม่ไว้
คนขับ : เป็นผู้หญิงต้องไว้เล็บ แล้วตะไบให้แหลม ๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้เอาเล็บข่วนเลย เอ้อ! แล้วหนูเชื่อมั๊ยว่าลุงเป็นโจร
น้อง : (ห๊ะ!!! คำถามเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกที ไม่อยากจะสนทนาด้วยแล้ว รถก็ติด) เอ่อ..ไม่เชื่อค่ะ
คนขับ : ทำไมถึงคิดว่าลุงไม่ใช่โจรล่ะ
น้อง : หน้าตาไม่ดูเป็นโจรค่ะ ลักษณะไม่น่าใช่
คนขับ : ฮ่า ๆ ๆ ล้อเล่น ลุงไม่ใช่โจรหรอก นี่ปีก่อนกรมราชทัณฑ์เค้าปล่อยผู้ต้องขังมาเป็นแสนคนเลยนะ ปีนี้ก็ปล่อยมาอีกเพียบ แล้วเรารู้มั๊ยว่าโจรมีกี่ประเภท
น้อง : ไม่รู้ค่ะ
คนขับ : โจรมี 2 แบบ โจรโง่ กับ โจรฉลาด โจรโง่นะ มันจะปล้นด่ะเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปล้นอย่างเดียว ส่วนโจรฉลาด มันจะเอาครั้งละร้อย แล้วหนูคิดว่า ครั้งละร้อยเนี่ยอยู่ได้มั๊ย
น้อง : ก็น่าจะอยู่ได้มั้งคะ (ระหว่างคุยกับคนขับก็พยายามโทรศัพท์อีก เพราะยังไม่มีใครรับสาย)
คนขับ : หนูกลัวเลือดมั๊ย?
น้อง : กลัวค่ะ
คนขับ : เดี๋ยวลุงจะสอนให้เอามั๊ย ว่าทำยังไงถึงจะไม่กลัวเลือด มันมีวิธี...
น้อง : ไม่เอาค่ะ ๆ
คนขับ : จริง ๆ แล้วถ้าลุงจะล็อคคอหนูก็ได้นะ...
น้อง : (บทสนทนาได้หยุดลงทันที เพราะว่าน้องโทรศัพท์หาพี่สาวได้พอดี คนขับเลยไม่ได้คุยเรื่องล็อคคอต่อ) ฮาโหล...พี่...ตอนนี้หนูใกล้จะถึงบ้านแล้ว บลาๆๆๆ
เหตุการณ์หลังจากนี้ก็คือน้องคุยโทรศัพท์กับพี่สาวไปจนรถแท็กซี่จอดหน้าหมู่บ้าน เพราะไม่กล้าให้เข้าไปส่งข้างใน ซึ่งค่ารถตอนนั้นมิเตอร์ขึ้น 113 บาท คนขับรีบชิงพูดว่า “ลุงขอติ๊ป 7 บาทนะ ขอ 120” น้องก็บอกว่า “ได้ค่ะ” แล้วลงจากรถ ในใจก็คิดว่า ไม่เคยเจอแท็กซี่ขอติ๊ปแบบนี้ ซึ่งปกติน้องก็ให้เกินจากราคามิเตอร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่สังเกตได้จากการนั่งรถแท็กซี่ครั้งนี้ คือ คนขับรถ ถอยเบาะนั่งมาเยอะมาก จนที่นั่งด้านหลังคนขับ แทบจะนั่งไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าคนขับมีเจตนาไม่ดีรึเปล่า เหมือนเป็นการบังคับทางอ้อมให้ผู้โดยสารต้องมานั่งฝั่งคนนั่งเพราะกว้างกว่า ทั้งที่เคยดูทีวี เค้าก็บอกว่า หากเรานั่งหลังคนขับ โอกาสที่เค้าจะเอี้ยวตัวมาทำอะไร มันยากกว่าการนั่งฝั่งคนนั่ง ทำไมคนขับถึงบอกว่านั่งฝั่งหลังคนนั่งปลอดภัย หรือจะทำให้เราเข้าใจผิด หรือปลอดภัยจริง ๆ อย่างที่เค้าว่า ... อีกอย่างคือ การแต่งกายของเค้า ใส่กางเกงขาสั้นมาขับรถ ดูไม่เรียบร้อยเอามาก ๆ อ้อ! ลืมเล่าไปเรื่องหนึ่ง มีอยู่คำพูดนึงที่คนขับแท็กซี่พูดว่า “เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ เจอกันครั้งเดียวนะ” ไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าพูด เค้าต้องการสื่ออะไร และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากเป็นคุณ คุณคิดว่าคนขับรถคันนี้เป็นคนยังไงกันแน่ ใจนึงก็คิดว่า เค้าเหมือนจะหวังดี แต่ด้วยลักษณะและพฤติการณ์หลาย ๆ อย่างแล้ว มันน่ากลัวเกินกว่าจะคิดว่าเป็นคนดี ยิ่งโชว์อาวุธให้ดูด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าใช่คนดี เลยอยากจะแชร์ให้เพื่อน ๆ ผู้หญิง ที่ต้องเดินทางคนเดียวบ่อย ๆ อาจจะเจอรถคันนี้ก็ได้ อย่างน้อยจะได้ระมัดระวัง **เสียดายที่น้องกลัวและตกใจมาก จนทำให้ไม่ได้จดจำทะเบียนรถ หรือชื่อคนขับมาเลย รู้แค่ว่าเป็นรถแท็กซี่สีเหลืองทั้งคัน คาดว่าน่าจะวิ่งอยู่แถวดอนเมือง หลักสี่ ปากเกร็ด**
ท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวที่เราเล่า แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรง แต่เราได้มีโอกาสซักถาม และพูดคุยกับน้องที่ประสบเหตุโดยตรง ยืนยันว่าไม่ได้แต่งเติม เขียนจากคำบอกเล่าของน้องทั้งหมด อาจจะเรียงลำดับเนื้อหาสลับไปมาบ้าง แต่เป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริง ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัย และขอให้ทุกคนปลอดภัยจากการเดินทางทุกประเภทค่ะ
**เตือนภัย ขึ้นแท็กซี่ เลือกหน้าตาคนขับแล้วก็คงยังไม่พอ มีโชว์อาวุธให้ผู้โดยสารดูด้วย**
โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 61 เวลาประมาณ 17.30 – 18.30 น. (โดยประมาณ)
....น้องสาวของเพื่อนสนิท ได้ลงรถประจำทาง บริเวณหน้าวัดดอนเมือง แล้วเดินมาเรียกแท็กซี่ที่ตรงถนนสรงประภา เวลานั้นฝนตกลงมาปรอย ๆ น้องคิดว่า ถ้ารอรถสองแถวอาจจะนาน จังหวะนั้นมีแท็กซี่ผ่านมา 1 คัน แต่สแกนด้วยสายตาในเบื้องต้นแล้ว คนขับรถรูปลักษณ์ดูค่อนข้างน่ากลัว เลยไม่กล้าเรียก รอจนอีกคันมา เป็นแท็กซี่สีเหลือง คนขับหน้าตาไม่น่ากลัว ขาว ๆ จีน ๆ อายุประมาณ 50 กว่า ๆ เลยตัดสินใจโบกรถ แล้วก็นั่งด้านหลังฝั่งคนนั่ง เมื่อรถเคลื่อนตัว ก็ได้แจ้งจุดหมายปลายทางที่ต้องการไปปกติ ซึ่งอยู่แถวปทุมธานี ใช้เส้นทางตรงขึ้นไปจากถนนสรงประภา ไม่นานนักบทสนทนาระหว่างคนขับรถแท็กซี่กับน้องก็เกิดขึ้น หลังจากที่มีรถอีกฝั่งจะยูเทิร์น ทำให้แท็กซี่ต้องเบรกกะทันหัน
คนขับ : ขับแบบนี้เดี๋ยวรถได้ชนตาย
น้อง : (ฟังแล้วก็ตกใจเล็กน้อย)
คนขับ : (เริ่มชวนคุย) หนูขับรถเป็นมั๊ย?
น้อง : เป็นค่ะ
คนขับ : รู้มั๊ยว่าการนั่งแท็กซี่ที่ถูกต้อง ปลอดภัย จะต้องนั่งยังไง?
น้อง : รู้ค่ะ เคยดูในทีวี ต้องนั่งหลังคนขับ
คนขับ : ไม่ใช่ ที่หนูนั่งอ่ะถูกแล้ว นั่งฝั่งคนนั่ง เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้หนีทัน
น้อง : อ้าวหรอคะ
คนขับ : แล้วรู้มั๊ยว่ารถเนี่ย มีระบบเซ็นทรัลล็อค ที่ทำให้ทุกประตูล็อคหมดทุกด้าน
น้อง : ค่ะ
คนขับ : แล้วถ้าจะเปิดประตูหนีต้องทำไง รู้รึเปล่า?
น้อง : ก็ดึงล็อคฝั่งตัวเอง แล้วเปิดออก
คนขับ : มีความคิดดีนิ่ มาเดี๋ยวลุงจะสอนให้ว่าเวลานั่งแท็กซี่ ต้องนั่งยังไงถึงจะปลอดภัย
น้อง : อ๋อค่ะ (ในใจคิดว่าเค้าคงชวนคุยปกติ ไม่น่ามีอะไร)
คนขับ : เวลาขึ้นแท็กซี่นะ จำไว้เลย ป้ายเหลือง ๆ ที่อยู่ข้างประตูน่ะ ต้องจำไว้ ส่วนป้ายที่ติดไว้หน้ากระจกรถ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก จำแต่ป้ายเหลือง ๆ ก็พอ แล้วก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปไว้นะ หรือไม่ก็แชทบอกเพื่อน หรือโทรคุยกับคนรู้จักบอกเลขทะเบียนไปเลย ว่าขึ้นรถทะเบียนอะไร สีอะไร อ้อ! นี่ลุงพกอาวุธมาด้วยนะ รู้มั๊ยว่าอะไร?
น้อง : (เริ่มกลัวละ มีอาวุธ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือ) ปืนหรอคะ หรือว่ามีด
คนขับ : โอย..แบบนั้นมั่นโจ่งแจ้งไป หนูเคยไปอนุสาวรีย์ชัยฯไหม
น้อง : เคยไปค่ะ
คนขับ : แล้วเคยเห็นแท่งแหลม ๆ ที่อนุสาวรีย์ฯ มั๊ย นั่นแหละ ลักษณะแบบนั้น เดี๋ยวลุงจะหยิบให้ดู (พูดพลางเอี้ยวตัวไปหยิบอาวุธออกมาโชว์)
น้อง : (เริ่มใจไม่ดี พยายามกดโทรศัพท์หาคนคุยด้วย เพราะไม่อยากคุยกับคนขับแล้ว)
คนขับ : (อธิบายคุณสมบัติพิเศษของอาวุธต่อ) หนูรู้มั๊ย เจ้าอาวุธอันนี้ เรียกว่าเหล็กขูดชาร์ป เวลาแทงไปนะ แทบไม่มีรอยแผล รอยเลือดเลย คนที่โดนจะช้ำข้างในตาย ถ้าจะเอาเลือดออกมาต้องเอาหลอดไปแหย่ที่รอยแผล...แล้วรู้มั๊ยว่า เวลาที่เราถูกลวงไปต้องป้องกันตัวยังไง
น้อง : ทำยังไงหรอคะ
คนขับ : ผู้ชายมันมีจุดอ่อนอยู่ 2 ที่ ที่แรกก็คือ ที่อวัยวะเพศ บีบไปแรง ๆ เลย ส่วนอีกที่นึงก็คือที่กระเดือก เอ้า! หนูลองจับที่คอตัวเองดูซิ แล้วลองกดดู
น้อง : (ทำตาม พอลองกดตามรู้สึกเจ็บเลยพูดออกมาว่า) มันเจ็บค่ะ
คนขับ : ก็ฉลาดดีนะ ถ้าเกิดถูกลวงไป หรือถูกลวนลาม ให้ต่อยไปที่กระเดือกเลย บางทีอาจถึงตายเลยนะรู้มั๊ย แล้วถ้าไปโรงพัก รู้รึเปล่าว่าตำรวจเค้าจะเชื่อใคร ตำรวจเค้าจะเชื่อผู้หญิง ถ้าเราถูกปล้นให้เราฉีกเสื้อตัวเองให้ขาดด้วย โจรมันจะโดนข้อหาพยายามข่มขืนอีก 1 กระทง เอ้อ! แล้วหนูไว้เล็บรึเปล่า?
น้อง : ไม่ได้ไว้ค่ะ ไว้แล้วมันชอบหัก หนูก็เลยไม่ไว้
คนขับ : เป็นผู้หญิงต้องไว้เล็บ แล้วตะไบให้แหลม ๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ให้เอาเล็บข่วนเลย เอ้อ! แล้วหนูเชื่อมั๊ยว่าลุงเป็นโจร
น้อง : (ห๊ะ!!! คำถามเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกที ไม่อยากจะสนทนาด้วยแล้ว รถก็ติด) เอ่อ..ไม่เชื่อค่ะ
คนขับ : ทำไมถึงคิดว่าลุงไม่ใช่โจรล่ะ
น้อง : หน้าตาไม่ดูเป็นโจรค่ะ ลักษณะไม่น่าใช่
คนขับ : ฮ่า ๆ ๆ ล้อเล่น ลุงไม่ใช่โจรหรอก นี่ปีก่อนกรมราชทัณฑ์เค้าปล่อยผู้ต้องขังมาเป็นแสนคนเลยนะ ปีนี้ก็ปล่อยมาอีกเพียบ แล้วเรารู้มั๊ยว่าโจรมีกี่ประเภท
น้อง : ไม่รู้ค่ะ
คนขับ : โจรมี 2 แบบ โจรโง่ กับ โจรฉลาด โจรโง่นะ มันจะปล้นด่ะเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปล้นอย่างเดียว ส่วนโจรฉลาด มันจะเอาครั้งละร้อย แล้วหนูคิดว่า ครั้งละร้อยเนี่ยอยู่ได้มั๊ย
น้อง : ก็น่าจะอยู่ได้มั้งคะ (ระหว่างคุยกับคนขับก็พยายามโทรศัพท์อีก เพราะยังไม่มีใครรับสาย)
คนขับ : หนูกลัวเลือดมั๊ย?
น้อง : กลัวค่ะ
คนขับ : เดี๋ยวลุงจะสอนให้เอามั๊ย ว่าทำยังไงถึงจะไม่กลัวเลือด มันมีวิธี...
น้อง : ไม่เอาค่ะ ๆ
คนขับ : จริง ๆ แล้วถ้าลุงจะล็อคคอหนูก็ได้นะ...
น้อง : (บทสนทนาได้หยุดลงทันที เพราะว่าน้องโทรศัพท์หาพี่สาวได้พอดี คนขับเลยไม่ได้คุยเรื่องล็อคคอต่อ) ฮาโหล...พี่...ตอนนี้หนูใกล้จะถึงบ้านแล้ว บลาๆๆๆ
เหตุการณ์หลังจากนี้ก็คือน้องคุยโทรศัพท์กับพี่สาวไปจนรถแท็กซี่จอดหน้าหมู่บ้าน เพราะไม่กล้าให้เข้าไปส่งข้างใน ซึ่งค่ารถตอนนั้นมิเตอร์ขึ้น 113 บาท คนขับรีบชิงพูดว่า “ลุงขอติ๊ป 7 บาทนะ ขอ 120” น้องก็บอกว่า “ได้ค่ะ” แล้วลงจากรถ ในใจก็คิดว่า ไม่เคยเจอแท็กซี่ขอติ๊ปแบบนี้ ซึ่งปกติน้องก็ให้เกินจากราคามิเตอร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่สังเกตได้จากการนั่งรถแท็กซี่ครั้งนี้ คือ คนขับรถ ถอยเบาะนั่งมาเยอะมาก จนที่นั่งด้านหลังคนขับ แทบจะนั่งไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าคนขับมีเจตนาไม่ดีรึเปล่า เหมือนเป็นการบังคับทางอ้อมให้ผู้โดยสารต้องมานั่งฝั่งคนนั่งเพราะกว้างกว่า ทั้งที่เคยดูทีวี เค้าก็บอกว่า หากเรานั่งหลังคนขับ โอกาสที่เค้าจะเอี้ยวตัวมาทำอะไร มันยากกว่าการนั่งฝั่งคนนั่ง ทำไมคนขับถึงบอกว่านั่งฝั่งหลังคนนั่งปลอดภัย หรือจะทำให้เราเข้าใจผิด หรือปลอดภัยจริง ๆ อย่างที่เค้าว่า ... อีกอย่างคือ การแต่งกายของเค้า ใส่กางเกงขาสั้นมาขับรถ ดูไม่เรียบร้อยเอามาก ๆ อ้อ! ลืมเล่าไปเรื่องหนึ่ง มีอยู่คำพูดนึงที่คนขับแท็กซี่พูดว่า “เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะ เจอกันครั้งเดียวนะ” ไม่รู้ว่าสิ่งที่เค้าพูด เค้าต้องการสื่ออะไร และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากเป็นคุณ คุณคิดว่าคนขับรถคันนี้เป็นคนยังไงกันแน่ ใจนึงก็คิดว่า เค้าเหมือนจะหวังดี แต่ด้วยลักษณะและพฤติการณ์หลาย ๆ อย่างแล้ว มันน่ากลัวเกินกว่าจะคิดว่าเป็นคนดี ยิ่งโชว์อาวุธให้ดูด้วยแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าใช่คนดี เลยอยากจะแชร์ให้เพื่อน ๆ ผู้หญิง ที่ต้องเดินทางคนเดียวบ่อย ๆ อาจจะเจอรถคันนี้ก็ได้ อย่างน้อยจะได้ระมัดระวัง **เสียดายที่น้องกลัวและตกใจมาก จนทำให้ไม่ได้จดจำทะเบียนรถ หรือชื่อคนขับมาเลย รู้แค่ว่าเป็นรถแท็กซี่สีเหลืองทั้งคัน คาดว่าน่าจะวิ่งอยู่แถวดอนเมือง หลักสี่ ปากเกร็ด**
ท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวที่เราเล่า แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรง แต่เราได้มีโอกาสซักถาม และพูดคุยกับน้องที่ประสบเหตุโดยตรง ยืนยันว่าไม่ได้แต่งเติม เขียนจากคำบอกเล่าของน้องทั้งหมด อาจจะเรียงลำดับเนื้อหาสลับไปมาบ้าง แต่เป็นบทสนทนาที่เกิดขึ้นจริง ขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์เตือนภัย และขอให้ทุกคนปลอดภัยจากการเดินทางทุกประเภทค่ะ