เห็นทั้งในพันทิปและในชีวิตจริง พูดคล้ายๆ กันว่าเป็นยุคสมัยที่อยู่ยาก หวังรวยเป็นเศรษฐียาก ยิ่งถ้าไม่มีเส้นสายหรือมีธุรกิจส่วนตัว(ที่อยู่ตัวแล้ว) หนทางสร้างความมั่งคั่งยากกว่าสมัยก่อน
อย่างถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ทรัพยากรเวลาก็หายไปจากการทำงาน + เดินทางเกือบครึ่งวัน ในสัปดาห์อาจได้หยุดแค่ 1 หรือ 2 วัน แล้วจะไปเอาเวลาส่วนไหนมาหารายได้เพิ่ม (นอกจากวันหยุดจะไม่พักผ่อนเลย)
ถ้าเล่น/ลงทุนในหุ้น พอร์ตไม่ใหญ่ รับความเสี่ยงมากไม่ได้ หรือไม่มีเวลาศึกษา + ตามข่าว ก็เสี่ยงสูงที่จะถูกพาไปปล่อยดอย ยิ่งสมัยนี้มีบล็อคเทรด โรบอท คนเก็งกำไรจากตลาดทีเฟกซ์อีก ก็ยิ่งถูกเคี้ยวง่าย
เวลาที่คนพูดถึงอิสรภาพทางการเงิน ให้เงินทำงานแทน ผมว่ามันน่าสนใจนะครับ แต่เราจะเริ่มเก็บเงินไปจนถึงมีเงินก้อน แล้วถึงจุดนั้นจะกล้าลงทุนไหม นั่นเป็นความยากในการตัดสินใจ
เช่น ฟังคนอื่นเชียร์ให้ลงทุนทำธุรกิจ คนเชียร์เขาจะเชียร์ให้มันขายฝันขนาดไหนก็ได้ แต่คนลงเงินน่ะเป็นตัวเรา เกิดล้มมาเราก็รับเละคนเดียว คนเชียร์เวลานั้นก็แก้ตัวด้วยปัจจัยต่างๆ นาๆ ได้หมด
แต่ทางเลือกที่เราจะไม่ทำอะไรกับเงินสะสม มันก็สุ่มเสี่ยงเหมือนกัน เช่น แพ้เงินเฟ้อ หรือถูกปล้น แม้แต่โดนชวนให้ไปซื้อประกันแบบผิดๆ โดยอ้างว่าเป็นเงินฝาก
ปัจจุบันนี้ สื่อต่างๆ ก็กล่อมเกลาเราให้มีภาพจำของความสำเร็จอะไรทำนองนี้มากขึ้นด้วย แต่มันคงไม่ใช่ทุกคนหรือเปล่าที่จะสำเร็จ และไม่สำเร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร
ผมกลับนึกถึงเวลาคนซื้อหวยใต้ดิน ซื้อทีครั้งละหลายพันหรือหลายหมื่น บางคนซื้อได้ เพราะหวังอยากผูกกับโชคที่จะนำมาซึ่งความมั่งคั่งแบบเร็วๆ ง่ายๆ แต่ไม่ได้นับถึงทุนที่เสียไปในหลายงวดที่แทงเสีย
ในทางกลับกัน การเป็นมนุษย์เงินเดือน เรามีรายรับทุกสิ้นเดือน เรากะเกณฑ์เบื้องต้นได้ว่ารายรับต่อปีประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่เยอะ เราก็รู้แล้วว่า จนถึงบั้นปลาย ตนเองคงเป็นเศรษฐีไม่ได้ แล้วก็รับความจริงข้อนี้ เหมือนกับมนุษย์อีกครึ่งโลกที่อยู่ในสถานะเดียวกัน
หรือการผูกตัวเองไว้กับเป้าหมายความมั่งคั่งทางการเงิน มันเป็นเรื่องที่ต้องเอาเป็นเอาตายกับมันให้ได้เลยจริงๆ
ในยุคสมัยแบบนี้ การจะยกระดับตัวเองให้มีฐานะร่ำรวย สำหรับมนุษย์เงินเดือน เป็นไปได้แค่ไหนครับ
อย่างถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน ทรัพยากรเวลาก็หายไปจากการทำงาน + เดินทางเกือบครึ่งวัน ในสัปดาห์อาจได้หยุดแค่ 1 หรือ 2 วัน แล้วจะไปเอาเวลาส่วนไหนมาหารายได้เพิ่ม (นอกจากวันหยุดจะไม่พักผ่อนเลย)
ถ้าเล่น/ลงทุนในหุ้น พอร์ตไม่ใหญ่ รับความเสี่ยงมากไม่ได้ หรือไม่มีเวลาศึกษา + ตามข่าว ก็เสี่ยงสูงที่จะถูกพาไปปล่อยดอย ยิ่งสมัยนี้มีบล็อคเทรด โรบอท คนเก็งกำไรจากตลาดทีเฟกซ์อีก ก็ยิ่งถูกเคี้ยวง่าย
เวลาที่คนพูดถึงอิสรภาพทางการเงิน ให้เงินทำงานแทน ผมว่ามันน่าสนใจนะครับ แต่เราจะเริ่มเก็บเงินไปจนถึงมีเงินก้อน แล้วถึงจุดนั้นจะกล้าลงทุนไหม นั่นเป็นความยากในการตัดสินใจ
เช่น ฟังคนอื่นเชียร์ให้ลงทุนทำธุรกิจ คนเชียร์เขาจะเชียร์ให้มันขายฝันขนาดไหนก็ได้ แต่คนลงเงินน่ะเป็นตัวเรา เกิดล้มมาเราก็รับเละคนเดียว คนเชียร์เวลานั้นก็แก้ตัวด้วยปัจจัยต่างๆ นาๆ ได้หมด
แต่ทางเลือกที่เราจะไม่ทำอะไรกับเงินสะสม มันก็สุ่มเสี่ยงเหมือนกัน เช่น แพ้เงินเฟ้อ หรือถูกปล้น แม้แต่โดนชวนให้ไปซื้อประกันแบบผิดๆ โดยอ้างว่าเป็นเงินฝาก
ปัจจุบันนี้ สื่อต่างๆ ก็กล่อมเกลาเราให้มีภาพจำของความสำเร็จอะไรทำนองนี้มากขึ้นด้วย แต่มันคงไม่ใช่ทุกคนหรือเปล่าที่จะสำเร็จ และไม่สำเร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร
ผมกลับนึกถึงเวลาคนซื้อหวยใต้ดิน ซื้อทีครั้งละหลายพันหรือหลายหมื่น บางคนซื้อได้ เพราะหวังอยากผูกกับโชคที่จะนำมาซึ่งความมั่งคั่งแบบเร็วๆ ง่ายๆ แต่ไม่ได้นับถึงทุนที่เสียไปในหลายงวดที่แทงเสีย
ในทางกลับกัน การเป็นมนุษย์เงินเดือน เรามีรายรับทุกสิ้นเดือน เรากะเกณฑ์เบื้องต้นได้ว่ารายรับต่อปีประมาณเท่าไหร่ ถ้าไม่เยอะ เราก็รู้แล้วว่า จนถึงบั้นปลาย ตนเองคงเป็นเศรษฐีไม่ได้ แล้วก็รับความจริงข้อนี้ เหมือนกับมนุษย์อีกครึ่งโลกที่อยู่ในสถานะเดียวกัน
หรือการผูกตัวเองไว้กับเป้าหมายความมั่งคั่งทางการเงิน มันเป็นเรื่องที่ต้องเอาเป็นเอาตายกับมันให้ได้เลยจริงๆ