สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้รีวิวอีกครั้งนึงของเรา สาเหตุที่เราอยากทำเรื่องเกาะกวมก็คือมีโอกาสได้ไปธุระที่นั่น แล้วตอนที่เราเสิดหาข้อมูลนั้น เราไม่ค่อยเจอรีวิวฉบับภาษาไทยเท่าไหร่ เลยอยากเป็นอีกทางเลือกนึงของผู้ที่ต้องการจะไปเที่ยวอเมริกาในเขตแปซิฟิกใกล้ๆ ประเทศไทยนั่นเองค่ะ

เกาะกวมเป็นเกาะเล็กๆ เกาะหนึ่ง บนมหาสมุทรแปซิฟิค และถือเป็นหนึ่งในเขตกองกำลังทหารของประเทศสหรัฐฯ อเมริกาอีกด้วย มีการใช้ภาษาอังกฤษเหมือนแผ่นดินใหญ่และใช้เงินสกุลเดียวกันกับอเมริกานั่นเองค่ะ แต่มีการปกครองเป็นของตนเอง ระบบระเบียบก็จะคล้ายๆ กันกับแผ่นดินใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองและชาวอเมริกัน แต่ก็มีชาวเอเชียนอาศัยอยู่นะค่ะ เพราะเกาะกวมนี่อยู่ห่างจากญี่ปุ่นและเกาหลี 4-5 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะ ดังนั้นเราจะเห็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่นและเกาหลีค่ะ

ช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงต้นปีประมาณกุมภาที่ผ่านมา สภาพอากาศที่เราไปถือว่าดีมาก ไม่ค่อยเจอฝนเท่าไหร่ อาจจะมีบ้างตกวันละ 5-10 นาที แต่บางวันก็ไม่มีเลย จากที่ได้พูดคุยกับผู้คนท้องถิ่น เขาบอกว่าปกติช่วงที่เราไปจะเป็นช่วงพายุเข้า ยังไงถ้าใครมีแพลนจะไปช่วงนั้นก็เช็คสภาพอากาศไว้ด้วยก็ดีนะค่ะ
Welcome to Guam ภาษาท้องถิ่นที่นี่จะพูดว่า Hafe Adai (ฮาฟ อะเดย์)
โบสถ์กวม
เบียร์ประจำท้องถิ่น รสมะม่วง
สนามบินใกล้มาก แล้วเครื่องบินก็บินใกล้เว่อร์
ที่แรกที่เราไปเที่ยวกันบนเกาะเลยก็คือ Two Lovers Point
ที่นี่ยังมีตำนานความรักของหญิง ชายในสมัยนั้นด้วย เนื่องจากทั้งคู่รักกันมากแต่ด้วยความแตกต่างด้านสถานะทางสังคม ฝ่ายคุณพ่อผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าเมืองอยากให้ลูกสาวได้แต่งงานกับผู้ที่มียศฐาบันดาศักดิ์จึงสั่งให้ทั้งสองคนเลิกคบกัน แต่ทั้งคู่ตัดสินใจพากันหนีมาที่แห่งนี้ แล้วได้กระโดดน้ำตายพร้อมกัน จึงเป็นตำนานเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นและเป็นที่มาของรูปปั้นค่ะ
ช่วงที่ดีที่สุดของการมาที่นี่คงไม่พ้นการมาดูพระอาทิตย์ตกดิน
อยู่จนพระอาทิตย์ลับฟ้า
ตอนเราไปเราเช่ารถขับ แต่ถ้าใครจะเดินทางกับรถโดยสารประจำทางก็สามารถนั่งรถแทรมนี่ได้ ที่เราเคยอ่านค่าโดยสารไม่เกิน $2 วนรอบๆ เซ็นเตอร์เลยค่ะ และมีหลายสายด้วย
มื้อนี้เราจะฝากท้องไว้ที่ร้านนี้ Jamaican Grill Tumon
รสชาติดี ราคาเป็นมิตร อยากให้ลองสั่ง coconut rice (ข้าวสีส้ม) ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่ค่ะ รสชาติคล้ายๆ ข้าวญี่ปุ่น แต่จะนุ่มกว่า มันกว่า และเปียกๆ หน่อย
วันที่ 2 เริ่มต้นด้วยแหล่งช๊อปปิ้ง ครบทุกแบรนด์ จนกระทั่ง High End ที่นี่ไม่มี Tax เลย ไม่ต้องวุ่นวายไปขอ Tax Refund ด้วย
โอ้ทะเลแสนงาม สะอาด และสวยมาก
มีเก้าอี้ให้เช่าด้วย
ตอนเย็นๆ มาเดิน Night market กันดีกว่าที่ Tumon มีทุกวันพุธและเสาร์ แต่วันพุธจะเป็นตลาดใหญ่กว่ามีการแสดง ของกินเยอะ และคนเยอะมากด้วย Coconut Sashimi Must Try
อาหารท้องถิ่น ข้าวโพดข้าวเหนียวปิ้ง ครีมซอส เบคอน โดยรวมๆ แล้วเลี่ยน ไม่ใช่ทางของเรา
อาหารทะเลก็มา
บาร์บีคิวก็ดี
ถ้าจะปิ้งกันขนาดนี้
ข้าวโพดปิ้ง ก็ยังคงเป็นข้าวโพดข้าวเหนียวเช่นเดิม ตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นข้าวโพดปกติปิ้งน้ำกะทิแบบไทยๆ ไม่รู้มีใครเข้าใจที่เราจะสื่อรึป่าว 55
บรรยากาศตลาด
น้ำผลไม้ปั่น
ลานกิจกรรม
มีปีนผาจำลองด้วย เอียงคอดูนิดนึงนะค่ะ ไม่รู้ทำไมรูปไม่กลับให้
ผู้คน
การแสดง จะมีชุด Climax เรียกว่า fire dance
อันนี้เป็นอีกโซนนึงออกแนวลีลาๆ นะ
เดินอยู่จนค่ำ เลยแวะมาที่โบสถ์
จะอยู่ตรงข้ามกับ Guam Museum ค่ะ บรรยากาศเงียบๆ รถน้อยๆ ดีจัง
เช้าวันที่ 3 ที่นี่จะเห็นรุ้งบ่อยมาก เราไปเจอทุกวันเลย
มาเที่ยว The mall แถวๆ Outlet กัน
มีทุกโซนให้เลือก
ขับรถเล่นกันต่อ มาที่ Fort Santa Agueda
ชมทะเล
เขาเรียก Latte ถ้าจะเดินไปที่ถ้วยนี้เสียค่าเข้าด้วยนะค่ะ คนละ $3
ขับรถกันต่อ เป้าหมายถัดไปคือ Mt. LamLam ขึ้นเขาแล้วค่ะ
วิวอีกฝั่ง
ขับมาเรื่อยๆ ก็จะเจอ Fort เยอะมากมายระหว่างทาง อันนี้เป็นอีกจุดที่เราจำชื่อไม่ได้ เพราะเยอะมากจริงๆ แต่ใหญ่คะ มีรถนักท่องเที่ยวจอดเยอะ และมีลานกว้าง ห้องน้ำ และร้านขนมฝั่งตรงข้ามหนึ่งร้าน
ขับรถเที่ยวทั้งวันเลย ซึ่งจริงๆ แล้วเกาะกวมเล็กมา ใช้เวลาขับจริงๆ 3 ชั่วโมงเอง แต่ก็แล้วแต่ว่าจะแวะมากแวะน้อย วันนี้ร่ำลากันด้วยภาพนี้นะค่ะ
เช้าวันที่ 4 ตื่นมาพร้อมรายการเกาหลี ที่นี่มีรายการเกาหลีเยอะมาก และก็ฟังไม่ออก TT
กับช็อดโกแลตกรีนที แมคคาเดเมีย อร่อยเว่อร์จัง วันนี้จะชิลๆ อยู่เล่นน้ำ นอนเล่นที่คอนโดนี่แหละ
ออกไปทานอาหารดีกว่า ร้านดังของที่นี่ Proa เปิด 11:00 AM - 10:00 PM
อาหารที่นี่จะเป็นแนวบาร์บีคิว ซึ่งถือว่าเป็นอาหารพื้นเมืองเลยก็ว่าได้
ข้อดีของที่นี่ อาหารอร่อย รสชาติดี
ข้อเสีย คนเยอะและแพง
ตบท้ายด้วยของหวาน อันนี้คือ Signature เลย
Dinner เสร็จแล้วเราไปเดินย่อยอาหารกันที่ Mall ดีกว่า เข้ามาปุ๊บเจอคนแจกอั่งเปารออยู่เลย
เราไปช่วงตรุษจีนพอดี ช่วงนี้ยังถือเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวเกาหลีอีกด้วย
คืนนี้ลากันด้วยรูปนี้นะค่ะ
เข้าวันที่ 5 วันนี้เราจะตระเวนชิมอีกวัน
ร้านนี้ Pika's Cafe เป็น Must try ของที่นี่เลย
เวลาเปิด /ปิด 7:30 AM - 3:00 PM
อาหารอร่อยมาก และราคาไม่แพงมากเว่อร์
วันนี้ทั้งวันก็ชิลตลอดเลย มาเจอกันอีกทีคือเปลี่ยนที่ดูพระอาทิตย์ตก อันนี้วิวจากโรงแรมดุสิตธานีนะค่ะ นั่งเพลินๆ อยู่ที่บาร์ข้างนอกรอดูพระอาทิตย์ตกเงียบๆ มันก็ฟินดี
ได้เวลาขยับขยาย
ออกมาทานอาหารเกาหลีที่นี่ดูบ้างดีกว่า
โดยรวมๆ แล้วเราไม่แนะนำนะ เราไม่ใส่รายละเอียดร้านนะค่ะ
คืนนี้เราจะพามาดูกิจกรรมโลดโผนกันบ้างดีกว่า
คล้ายๆ บันจี้จั๊ม แต่สบายกว่า แค่นั่งนิ่งๆ แบบเสียวๆ
กองเชียร์เยอะมาก และเสาก็สูงมากด้วย
ตอนที่เราไปคือเจอกรุ๊ฟเกาหลีและญี่ปุ่น ก็เหมือนเพื่อนท้าเพื่อนให้เล่น เราเลยได้ดูฟรี 555 บอกได้คำเดียวใจต้องนิ่ง
วันที่ 6 เราก็ไม่ได้ไปไหนเลยวันนี้ ชิลอยู่แถวๆ นี้ทั้งวัน ออกมาหาของกินมื้อค่ำกันเลยดีกว่า ก่อนที่รีวิวจะยาวไปแบบไม่รู้จบ
มาทะเลก็อยากลองกุ้งทะเลที่นี่
โดยรวมซุปถือว่าใช้ได้ เผ็ดได้ใจ แต่กุ้งไม่สดเท่าไหร่อ่ะ
มันก็จะแปลกๆ ที่ต้องกินเส้นกับขนมปัง
และ Clam Chowder เป็นอีกหนึ่งร้านที่รีวิวค่อนข้างดี แต่สำหรับเรา เราว่าก็ไม่เท่าไหร่
จบทริปกันดีกว่าด้วยรูปนี้ ค่ำคืนนี้ก็จะดูเหงาๆ ก่อนไป Next Station