ครอบครัวดันฟี (Dunphy):
1.ฟิล: คุณพ่อสุดชิลล์ที่ชอบเล่นมุกแป้กๆ และมีนิสัยซุกซนแบบเด็กๆ
2.แคลร์: สุดยอดคุณแม่ผู้ดูแลงานการทุกอย่างในบ้าน (ทำแทนฟิล) ที่มีนิสัยเป็น perfectionist สุดๆ
3.เฮลี่ย์: ลูกสาวคนโต เป็นสาววัยรุ่นของจริง ชอบเที่ยว ชอบเล่น เกลียดการเรียนหนังสือ
4.อเล็กซ์: ลูกสาวคนกลาง สุดยอดอัจฉริยะแห่งครอบครัว ชอบเรียน ชอบเป็นที่หนึ่ง และมีมุกถากถางสุดแสบเป็นอาวุธ
5.ลุค: ลูกชายคนเล็ก ต้องมาอยู่ในบ้านที่ผู้หญิงเป็นใหญ่กับพ่อที่ไม่เอาอะไรเลย วิบากกรรมของเด็กผู้ชายแท้ๆ

ครอบครัวพริทเชตต์:
1.มิทเชลล์: ลูกชายของเจย์ น้องชายของแคลร์ เป็นเกย์นักกฎหมายนิสัยช่างเสียดสีคนอื่น
2.คาเมรอน: สามี (ภรรยา) ของมิทเชลล์ อยู่กินด้วยกัน เคยเป็นตัวตลกมืออาชีพมาก่อน และมีนิสัยติดฮากับทุกเรื่อง
3.ลิลลี่: เด็กหญิงชาวเวียดนามที่มิทช์กับแคมรับมาเลี้ยงเป็นลูก มีนิสัยถอดแบบจากพ่อทั้งสองคนเป๊ะ

ครอบครัวพริทเชตต์ & เดลกาโด้
1.เจย์: พ่อของแคลร์และมิทเชลล์ เป็นเจ้าของบริษัทตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของครอบครัว มีความเป็นผู้นำสูง แต่งงานใหม่กับกลอเรียในวัยแก่
2.กลอเรีย: สาวโคลอมเบียที่มาพบรักและแต่งงานกับเจย์ เป็นคนรักบ้านเกิดและเชิดชูวัฒนธรรมของตนเองมาก นิสัยเปิ่นๆ ไม่ค่อยคิดอะไรลึกซึ้ง
3.แมนนี่: ลูกติดจากกลอเรีย เป็นเด็กที่โตเกินวัย ฉลาด และมีความรับผิดชอบ (จนเกินเหตุ)


👍 ทำไมถึงแนะนำให้ดู? 👍

1.ผมรู้สึกว่าชื่อ "Modern Family" หรือ "ครอบครัวสมัยใหม่" มันเป็นสุดยอดคำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับซิตคอมเรื่องนี้แล้ว มันเป็นมหกรรมของความหลากหลาย/multi-cultural ที่กลมกล่อมและไม่รู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดเข้ามาลวกๆ และหนังก็พาเราล้วงลึกไปถึงแก่นของเรื่องนั้นๆ ได้อย่างงดงามไม่ฉาบฉวย

ดูอย่างครอบครัวพริทเชตต์ หนังก็จะทำให้เราเห็นว่าครอบครัวเกย์เขาใช้ชีวิตกันยังไง จะทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าง (อาจจะไม่สมจริงเป๊ะ, but you get the idea) แล้วกับการที่เขาเป็นคู่รักร่วมเพศในยุคสมัยที่ทุกอย่างก็ยังไม่เปิดกว้าง 100% มันมีความยากลำบากยังไง

เราจะได้เห็นพัฒนาการตัวละครที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาตลอด อย่างคุณพ่อผู้นำตระกูลสุดแมนอย่าง "เจย์" เขาก็ไม่ได้สบายใจนักที่ลูกชายคนเดียวดันไปชอบผู้ชายซะงั้น แต่ตลอดหลายๆ ซีซั่นที่ผ่านมาเราก็จะเห็นได้ว่าเจย์พยายามเปิดใจรับตัวตนของลูกชายมาตลอด จนในที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดปกติสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว นี่คือความดีงามที่หนังแอบสอดแทรกเข้าไปได้อย่างแนบเนียน

หรือจะเป็นตัวละคร "กลอเรีย" ที่เป็นตัวแทนของผู้อพยพที่เข้ามาทำมาหากินปากกัดตีนถีบในสหรัฐฯ จนได้พบรักกับเจย์ราวกับหนูตกถังข้าวสาร แต่กลอเรียเองในฐานะคนแปลกถิ่นก็ต้องเผชิญกับการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อให้ตัวเองสามารถ fit in กับสามีใหม่ได้ รวมไปถึงตัวลูกชายอย่าง "แมนนี่" ที่ต้อง cope up กับการต้องมีพ่อใหม่ ต้องเปิดใจรับผู้ชายอีกคนหนึ่งเป็นพ่อ มันเป็นความพยายามของทุกคนที่จะพยายามบิดเข้าหากันเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

สำหรับครอบครัวดันฟีคือที่สุดของ "การก้าวข้ามพ้นวัย" ด้วยความที่มีเด็กวัยรุ่นถึงสามคนอยู่ในบ้าน แน่นอนว่าความยุ่งเหยิงและการผิดใจกันย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว แต่ทุกคนก็ร่วมมือกันสร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันและรวมไปถึงโมเม้นต์ฮาๆ ที่เราจะได้เฝ้าดูครอบครัวนี้เติบโตไปพร้อมๆ กันด้วย

2.ในแง่ของความฮา ต้องบอกว่ามันไม่ได้อยู่ในหมวดที่ "ฮากลิ้ง" แบบ Friends หรือ How I Met Your Mother แบบนั้น แต่สำหรับผู้เขียนมันคือความฮาแบบจีเนียสโคตรๆ ที่เราอดตะโกนถามใส่จอไม่ได้ว่า "คิดได้ไงวะ!" กับมุกสไตล์นี้ และอย่างที่บอกไว้ว่ามันเป็นเรื่องของความหลากหลาย ดังนั้นมุกทุกแนว ทุกหมวดมันจึงถูกรวมมาอยู่ในที่เดียว โอเค คุณอาจจะไม่ฮากับมุกแป้กๆ ของฟิล แต่คุณอาจจะไปเสียท่าให้กับมุกลาติโน่ของกลอเรียก็ได้ หรือมุกแซวถากถางแบบแคม-มิทช์ก็อาจจะเป็นทางที่คุณตามหาอยู่

ที่สำคัญที่สุด! คือมุกทุกอย่างมัน "Family Friendly" มากๆ คือมันไม่มีพิษมีภัย มันไม่หยาบโลน อาจจะแฝงความนัยแบบ nasty ไว้บ้าง แต่มันเล่นมุกทะลึ่งแบบมีระดับและแนบเนียน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องตลกที่ทุกคนในครอบครัวดูด้วยกันได้โดยไม่ต้องมานั่งปิดหูปิดตาลูกหลานเหมือนในเรื่องอื่น ไม่แน่ว่าคุณหรือคนรอบตัวอาจจะได้ข้อคิดบวกๆ จากครอบครัวหรรษานี่ไปก็ได้นะ

อาจพูดได้ว่า "Modern Family" เป็นหนึ่งในซิตคอมที่เวิร์กที่สุดสำหรับ "ครอบครัวยุคใหม่" ของคุณก็เป็นได้

#ตั๋วหนังมันแพง

ถูกใจรีวิวก็สามารถมาแสดงความคิดเห็นและกดไลค์ + แชร์ เพื่อสนับสนุนเพจได้ครับ: https://www.facebook.com/expensivemovie/