"ความแข็งของคอนกรีตเกิดจากน้ำทำปฏิกริยากับปูนซีเมนต์ เกิดเป็นปฏิกริยาไฮเดรชั่น ซึ่งอัตราการเกิดปฏิกริยาไฮเดรชั่นนี้เกิดสูงสุดประมาณ 7 วันแรก ซึ่งในช่วงนี้คอนกรีตจะแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นอัตราการเกิดปฏิกริยาไฮเดรชั่นจะค่อยๆน้อยลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้ความแข็งของคอนกรีตจะเพิ่มขึ้นช้าลงเรื่อยๆตามปฏิกริยาไฮเดรชั่น จนถึง 28 วัน อัตราการเกิดปฏิกริยาไฮเดรชั่นจะเกิดน้อยจนแทบไม่มีผลทำให้คอนกรีตแข็งเพิ่มขึ้น ซึ่งก้อคือกำลังคอนกรีตครบ 100% นั้นเอง สาเหตุที่เราบ่มคอนกรีตเพราะป้องกันคอนกรีตเสียน้ำจนไม่เหลือทำปฏิกริยาไฮเดรชั่น ดังนั้นเราจึงควรบ่มคอนกรีตตลอดระยะเวลาที่เกิดปฏิกริยาไฮเดรชั่น แต่เนื่องจากสมัยก่อนใช้น้ำในการบ่มคอนกรีต จะทำให้ครบ 28 วัน มันยากคับ เลยเลือกทำเฉพาะช่วงที่ 7 วันแรกซึ่งกำลังของคอนกรีตแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว" (ก้อปมา)




ถนนคอนกรีตที่บ่ม อายุ 7 วัน แม้เปิดใช้งานได้ ก็ยังมีค่ากำลังอัดอยู่ที่ประมาณ 60-65% ของคอนกรีตบ่มอายุ 28 วันอยู่เลย

คอนกรีตบ่มวันเดียวเอารถขึ้นไปจอด ถึงเหมือนจะจอดได้ แต่จะมีผลกระทบต่อความแข็งแรงของพื้นแน่นอน เพราะผลึกซีเมนต์กำลังฟอร์มตัวกับเนื้อวัสดุ แล้วโดนสิ่งรบกวนเช่นน้ำหนักขึ้นไปไหลทับมัน กระบวนการถูกรบกวน ความแข็งแกร่งที่ได้ก็ย่อมลดลง

แต่ถ้าที่บ้านขับรถทับไปแล้ว แล้วเป็นพื้นติดกับดินและเป็นพื้นที่ๆไม่ซีเรียสเรื่องความแข็งแรงเท่าไหร่ ก็อาจหยวนๆไปดีกว่าให้คนทะเลาะกันนะ แต่คราวหน้าถ้าต้องเทปูนอะไรอีกก็ศึกษาหาความรู้เตรียมไว้ให้ดี อะไรไม่ควรทำระหว่างรอบ่มคอนกรีตก็พยายามอย่าทำ

ตอนนี้ว่างๆก็หมั่นไปรดน้ำคอนกรีต แล้วหาอะไรเช่นแผ่นพลาสติกสำหรับคลุมงานบางๆมาช่วยปิดผิวคอนกรีตเพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้   คอนกรีตได้ความชื้นจะช่วยให้การพัฒนาผลึกซีเมนต์ทำได้ดีขึ้น  เพิ่มความแข็งแกร่งทนทานให้กับคอนกรีตได้

ลองค้นเรื่อง ทำไมต้องบ่มคอนกรีต

ปล. ภาพกราฟเพิ่มเติม