สวัสดีครับผม วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ การปีนเขาฟูจิที่เพิ่งไปลองของมา เท่าที่ศึกษาทำการบ้านมา ในPANTIPน่าจะมีบทความ Review การปีนฟูจิไว้เยอะแล้ว แต่ผมก็จะมา Review เพิ่มหล่ะกันเผื่อมีบางมุมที่คนอื่นอาจตกหล่นไป ยังไงก็เริ่มเลยหล่ะกันครับ
ช่วงกลางมีนาคม 2018
เพื่อนที่เรียน ป.โท ด้วยกันได้ทักมาชวนผมกับแฟน (เป็นเพื่อนในกลุ่มที่เรียนด้วยกันมา) ว่าช่วงวันแม่เขาจะไปปีนฟูจิกัน สนใจอ่ะเปล่าาาา,,
ด้วยตัวเราเองกับแฟน เป็นคนที่คลั่งไคล้ประเทศญี่ปุ่นมากกกก พอคนชวนไปก็จะนึกถึงแต่ของกินอย่างเดียวเลย ไม่ได้นึกว่าต้องไปพจญกับอะไรบ้าง T___T
ตอนช่วงนั้นยังไม่ได้ตกลงรับปาก รอดูเรื่องงานก่อนว่าผมกับแฟนจะสะดวกไปได้ไหม แต่พอเข้าช่วงเดือนเมษาเท่านั้นหล่ะ มีโปร Nokscoot มาทางผมและแฟนก็จัดไปซ่ะไม่ให้เสีย จองไปกลับเรียบร้อยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โดยที่ยังไม่ได้สนใจว่าจะต้องมาเจอกับอะไรบ้างบนเขาฟูจิ
ช่วงหลังเมษา 2018 (หลังจากซื้อตั๋วไปแล้ว)
แฟนผมและเพื่อน ป.โท (เรียกป้าโอ๋ละกัน อายุเยอะกว่าพวกผม) ก็ได้ตั้งกลุ่มไลน์การเดินทางครั้งนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า "Sloth Fuji 🗻" (แค่ชื่อก็บ่งบอกถึง Performace ทีมแล้ว 555) สมาชิกก็ประกอบไปด้วย ผม , น้องทราย (แฟนผม) , ป้าโอ๋ (เพื่อน ป.โท) , พี่ยูริ (เพื่อนป้าโอ๋) รวมกัน Sloth 4 ตัว ><
[รูปกลุ่มไลน์มีพร้อม]
หลังจากมีกลุ่มไลน์แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการแชร์บทความ Pantip หรือ review อื่นๆ ที่คนอื่นไปปีนฟูจิมา ทุกคนก็จะมาแปะไว้ในกลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นมา ยกเว้นผม!! ซึ่งไม่ได้เข้าไปอ่านเลย รู้แค่ว่าไปฟูจิแค่นั้น (ตอนนั้นแฟนผมยังไม่มั่นใจเลย ว่าผมจะปีนไหม หรือจองตั๋วไปเผื่อรอเที่ยวอยู่ด้านล่าง 555) จนวันนึงได้เปิดลิ้งเข้าไปอ่านเท่านั้นละ โอ้วโหวววว,,,, ทำไมต้องเตรียมตัวกันเยอะแบบนี้ นี่ไปเที่ยวหรือไปเข้าค่ายเนี้ย..
ช่วงกลางมิถุนายน
ยิ่งอ่านไปหลายๆ บทความ ความท้อ ความขี้เกียจก็ยิ่งเพิ่มเข้ามา และคิดอยู่เสมอว่าทำไมต้องไปทรมานแบบนั้นว่ะ,, จะไหวไหมเนี้ย,, แต่เพื่อนๆ ที่ไปด้วยตอนนี้ก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ เตรียมร่างกายกันแล้ว อย่างเช่นแฟนผมก็จะเริ่มเดินขึ้นบันไดออฟฟิต แทนการขึ้นลิฟ เพื่อที่จะฝึกกำลังขา ส่วนผมก็คิดว่า ถ้าไม่เตรียมร่างกายไป คงตายบนนั้นแน่แท้,, ก็เลยเริ่มเข้าฟิตเนตและวิ่งเพื่อเพิ่มแรงขาและความอึด (เตรียมตัว 1-2 เดือนสุดท้ายก่อนไป)
แต่ภารกิจที่นอกเหนือจากการเตรียมร่างกายนั้นก็คือการช๊อปปิ้งเตรียมอุปกรณ์การเดินทาง ซึ่งแว๊บแรกที่แฟนบอกว่าต้องหาไม้เท้า ผมก็ถึงกับงงว่า เอาไปทำไมว่ะ ยังเดินไหวอยู่ แต่หลังจากอ่านบทความปีนฟูจิหลายๆ ที่มีแต่บอกว่าจำเป็นมาก ตอนนั้นแฟนผมกับเพื่อนในกลุ่มไปซื้อกัน แฟนผมก็จัดมาคู่นึงให้ผม (มีการคิดด้วยนะ ว่าเอาแค่ไม้เดียวก็ได้มั้ง 555)
หลังจากได้ไม้เท้ามา อย่างอื่นก็จะตามมาเรื่อยๆเอง ทีมผมได้ชวนกันไปเดินช๊อปที่ดีแคทลอน ตอนแรกไม่รู้จักว่าคืออะไร แต่พอไปเท่านั้นหล่ะ เพลินเลย,, เสื้อกันลม หมวกกันฝน แว่นกันแดด ถุงมือ เสื้อเดินป่า กางเกงเดินป่า รองเท้าเดินป่า เสื้อฟรีท และหลายๆ อย่างพุดขึ้นมาจาก ดีแคทลอน = = หลังจากไปช๊อปประมาณ 3 รอบ ตัวผมเองน่าจะหมดไปเยอะที่สุดแล้วในกลุ่ม ><
กลางเดือนสิงหาคม 2018 (วันเดินทาง)
ทริปนี้ผมกับแฟนจองตั๋วไปกลับ 5 วัน 4 คืน ( Kawaguchiko 1 คืน , บนฟูจิ 1 คืน , และใน Tokyo 2 คืน ) โดยวันแรกที่ผมถึงญี่ปุ่นนั้น เครื่องได้ลงที่สนามบินนาริตะ ตัวผมกับแฟนเองเคยมากันแต่หน้าหนาว พอมาเจอหน้าร้อนญี่ปุ่น อื้อหื้ออออ,, ไม่มีความชินเลย มันไม่ใช่ญี่ปุ่นที่เรารู้จัก 5555 ไปไหนก็ร้อน เดินแปปเดียวเหงือแตก (เป็นคนขี้ร้อน) นึกในใจ พรุ่งนี้ก็อยู่บนเข้าแล้วอากาศคงเย็นขึ้นน่าจะสบายแล้ว (หราาาาาาา)
ผมนั่งรถบัสจาก Narita เข้าไปชินจุกุเพื่อนัดเจอเพื่อนอีก 2 คนที่ไปด้วยกันได้แก่ ป้าโอ๋ และพี่ยูริ เมื่อพร้อมหน้ากันแล้วก็พากันไปขึ้นรถบัสจาก ชินจุกุเพื่อนั่งรถไป Kawaguchiko ระยะเวลาเดินทางก็ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมไปถึง Kawaguchiko Station ประมาณ 17.30 น. จากนั้นเราก็เข้าที่พักกัน ซึ่งทางผมพักที่ Plaza inn kawaguchiko อยู่ไม่ไกลจากสถานีที่นั่งรถมาลง ซึ่งห้องและการบริการถือว่าโอเครเลย Reception เป็นคุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้ ผลัดเวรกันเฝ้า ใจดีด้วย,,
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จ ตามกำหนดการทาง เราต้องไปทานข้าวเย็นที่ร้านเทมปุระชื่อดังแถวนั้น ชื่อว่า "Fuji Tempura Idaten"
ผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินเทมปุระสักเท่าไหร่ จะถนัดปลาดิบอย่างเดียว 5555 เพราะกินแล้วมันออกมันๆ เลี่ยนๆ (คงกินร้านที่โดนมั้ง) แต่พอมาเจอร้านนี้ โอ้วโหววว,,, มันกรอบมาก เจอกุ้งด้านใน หนึบๆ เป็นตัวเลยตอนเคี้ยว ไอ้จานที่ถ่ายรูปมาผมกินกับแฟน 2 คน เหลือแต่ข้าว เพราะข้าวเยอะมากกินไม่หมด,, แต่ความอร่อยนี้ให้ผ่านเลยครับ คนไม่ชอบกิน กลายเป็นเปลี่ยนใจอยากหาลองกินหลายๆที่อีก
หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ถึงโปรแกรมหลักของผม ที่เฝ้ารอมานานกับการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ ก็คือการไปช๊อปที่ Supermarket ที่ญี่ปุ่น เนื่องด้วยปีก่อนมาช๊อปปลาดิบที่ Supermarket ที่นี้มาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นซื้อกลับไปกินที่พัก แซ่บหลายมาาาาาาก ครั้งนี้เลยไม่พลาดที่จะไป โดยได้เดินเท้าไปจากร้านเทมปุระเมื่อสักครู่ ไป Supermerket ที่ชื่อว่า "Ogino Supermerket" ในนั้นก็ไม่ต่างจาก Super เจ้าอื่นๆ แต่ทันทีที่เข้าไปใน Supermarket ได้แล้วนั้น ผมก็ตรงไปที่ Counter อาหารสดเพื่อไปดูปลาดิบ 5555 สุดท้ายก็จัดมาตามรูปข้างล่างนี้ละครับ
เป็นคนที่ชอบกินกุ้งหวานมากกกกก มาเผื่อตั้งใจซื้อกุ้งหวานกินโดยเฉพาะเลย,,, หลังจากทานมื้อดึก (หราาา) เสร็จ ก็พากันเข้านอน พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอขึ้นรถบัสจาก Kawaguchiko Station ไปชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิเพื่อที่จะเดินทางปีนเข้าขึ้นไป
[พรุ่งนี้เดียวมาต่อฮับ]
ปีน Mount Fuji ความสวย ความทรหด ครั้งแรก ครั้งเดียว พอ!! [ยังไม่เสร็จ]
ช่วงกลางมีนาคม 2018
เพื่อนที่เรียน ป.โท ด้วยกันได้ทักมาชวนผมกับแฟน (เป็นเพื่อนในกลุ่มที่เรียนด้วยกันมา) ว่าช่วงวันแม่เขาจะไปปีนฟูจิกัน สนใจอ่ะเปล่าาาา,,
ด้วยตัวเราเองกับแฟน เป็นคนที่คลั่งไคล้ประเทศญี่ปุ่นมากกกก พอคนชวนไปก็จะนึกถึงแต่ของกินอย่างเดียวเลย ไม่ได้นึกว่าต้องไปพจญกับอะไรบ้าง T___T
ตอนช่วงนั้นยังไม่ได้ตกลงรับปาก รอดูเรื่องงานก่อนว่าผมกับแฟนจะสะดวกไปได้ไหม แต่พอเข้าช่วงเดือนเมษาเท่านั้นหล่ะ มีโปร Nokscoot มาทางผมและแฟนก็จัดไปซ่ะไม่ให้เสีย จองไปกลับเรียบร้อยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป โดยที่ยังไม่ได้สนใจว่าจะต้องมาเจอกับอะไรบ้างบนเขาฟูจิ
ช่วงหลังเมษา 2018 (หลังจากซื้อตั๋วไปแล้ว)
แฟนผมและเพื่อน ป.โท (เรียกป้าโอ๋ละกัน อายุเยอะกว่าพวกผม) ก็ได้ตั้งกลุ่มไลน์การเดินทางครั้งนี้ขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า "Sloth Fuji 🗻" (แค่ชื่อก็บ่งบอกถึง Performace ทีมแล้ว 555) สมาชิกก็ประกอบไปด้วย ผม , น้องทราย (แฟนผม) , ป้าโอ๋ (เพื่อน ป.โท) , พี่ยูริ (เพื่อนป้าโอ๋) รวมกัน Sloth 4 ตัว ><
[รูปกลุ่มไลน์มีพร้อม]
หลังจากมีกลุ่มไลน์แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการแชร์บทความ Pantip หรือ review อื่นๆ ที่คนอื่นไปปีนฟูจิมา ทุกคนก็จะมาแปะไว้ในกลุ่มไลน์ที่ตั้งขึ้นมา ยกเว้นผม!! ซึ่งไม่ได้เข้าไปอ่านเลย รู้แค่ว่าไปฟูจิแค่นั้น (ตอนนั้นแฟนผมยังไม่มั่นใจเลย ว่าผมจะปีนไหม หรือจองตั๋วไปเผื่อรอเที่ยวอยู่ด้านล่าง 555) จนวันนึงได้เปิดลิ้งเข้าไปอ่านเท่านั้นละ โอ้วโหวววว,,,, ทำไมต้องเตรียมตัวกันเยอะแบบนี้ นี่ไปเที่ยวหรือไปเข้าค่ายเนี้ย..
ช่วงกลางมิถุนายน
ยิ่งอ่านไปหลายๆ บทความ ความท้อ ความขี้เกียจก็ยิ่งเพิ่มเข้ามา และคิดอยู่เสมอว่าทำไมต้องไปทรมานแบบนั้นว่ะ,, จะไหวไหมเนี้ย,, แต่เพื่อนๆ ที่ไปด้วยตอนนี้ก็เริ่มเตรียมอุปกรณ์ เตรียมร่างกายกันแล้ว อย่างเช่นแฟนผมก็จะเริ่มเดินขึ้นบันไดออฟฟิต แทนการขึ้นลิฟ เพื่อที่จะฝึกกำลังขา ส่วนผมก็คิดว่า ถ้าไม่เตรียมร่างกายไป คงตายบนนั้นแน่แท้,, ก็เลยเริ่มเข้าฟิตเนตและวิ่งเพื่อเพิ่มแรงขาและความอึด (เตรียมตัว 1-2 เดือนสุดท้ายก่อนไป)
แต่ภารกิจที่นอกเหนือจากการเตรียมร่างกายนั้นก็คือการช๊อปปิ้งเตรียมอุปกรณ์การเดินทาง ซึ่งแว๊บแรกที่แฟนบอกว่าต้องหาไม้เท้า ผมก็ถึงกับงงว่า เอาไปทำไมว่ะ ยังเดินไหวอยู่ แต่หลังจากอ่านบทความปีนฟูจิหลายๆ ที่มีแต่บอกว่าจำเป็นมาก ตอนนั้นแฟนผมกับเพื่อนในกลุ่มไปซื้อกัน แฟนผมก็จัดมาคู่นึงให้ผม (มีการคิดด้วยนะ ว่าเอาแค่ไม้เดียวก็ได้มั้ง 555)
หลังจากได้ไม้เท้ามา อย่างอื่นก็จะตามมาเรื่อยๆเอง ทีมผมได้ชวนกันไปเดินช๊อปที่ดีแคทลอน ตอนแรกไม่รู้จักว่าคืออะไร แต่พอไปเท่านั้นหล่ะ เพลินเลย,, เสื้อกันลม หมวกกันฝน แว่นกันแดด ถุงมือ เสื้อเดินป่า กางเกงเดินป่า รองเท้าเดินป่า เสื้อฟรีท และหลายๆ อย่างพุดขึ้นมาจาก ดีแคทลอน = = หลังจากไปช๊อปประมาณ 3 รอบ ตัวผมเองน่าจะหมดไปเยอะที่สุดแล้วในกลุ่ม ><
กลางเดือนสิงหาคม 2018 (วันเดินทาง)
ทริปนี้ผมกับแฟนจองตั๋วไปกลับ 5 วัน 4 คืน ( Kawaguchiko 1 คืน , บนฟูจิ 1 คืน , และใน Tokyo 2 คืน ) โดยวันแรกที่ผมถึงญี่ปุ่นนั้น เครื่องได้ลงที่สนามบินนาริตะ ตัวผมกับแฟนเองเคยมากันแต่หน้าหนาว พอมาเจอหน้าร้อนญี่ปุ่น อื้อหื้ออออ,, ไม่มีความชินเลย มันไม่ใช่ญี่ปุ่นที่เรารู้จัก 5555 ไปไหนก็ร้อน เดินแปปเดียวเหงือแตก (เป็นคนขี้ร้อน) นึกในใจ พรุ่งนี้ก็อยู่บนเข้าแล้วอากาศคงเย็นขึ้นน่าจะสบายแล้ว (หราาาาาาา)
ผมนั่งรถบัสจาก Narita เข้าไปชินจุกุเพื่อนัดเจอเพื่อนอีก 2 คนที่ไปด้วยกันได้แก่ ป้าโอ๋ และพี่ยูริ เมื่อพร้อมหน้ากันแล้วก็พากันไปขึ้นรถบัสจาก ชินจุกุเพื่อนั่งรถไป Kawaguchiko ระยะเวลาเดินทางก็ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ผมไปถึง Kawaguchiko Station ประมาณ 17.30 น. จากนั้นเราก็เข้าที่พักกัน ซึ่งทางผมพักที่ Plaza inn kawaguchiko อยู่ไม่ไกลจากสถานีที่นั่งรถมาลง ซึ่งห้องและการบริการถือว่าโอเครเลย Reception เป็นคุณลุงพูดภาษาอังกฤษได้ ผลัดเวรกันเฝ้า ใจดีด้วย,,
หลังจากเก็บของเข้าที่พักเสร็จ ตามกำหนดการทาง เราต้องไปทานข้าวเย็นที่ร้านเทมปุระชื่อดังแถวนั้น ชื่อว่า "Fuji Tempura Idaten"
ผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินเทมปุระสักเท่าไหร่ จะถนัดปลาดิบอย่างเดียว 5555 เพราะกินแล้วมันออกมันๆ เลี่ยนๆ (คงกินร้านที่โดนมั้ง) แต่พอมาเจอร้านนี้ โอ้วโหววว,,, มันกรอบมาก เจอกุ้งด้านใน หนึบๆ เป็นตัวเลยตอนเคี้ยว ไอ้จานที่ถ่ายรูปมาผมกินกับแฟน 2 คน เหลือแต่ข้าว เพราะข้าวเยอะมากกินไม่หมด,, แต่ความอร่อยนี้ให้ผ่านเลยครับ คนไม่ชอบกิน กลายเป็นเปลี่ยนใจอยากหาลองกินหลายๆที่อีก
หลังจากที่ทานข้าวเย็นเสร็จ ก็ถึงโปรแกรมหลักของผม ที่เฝ้ารอมานานกับการมาญี่ปุ่นครั้งนี้ ก็คือการไปช๊อปที่ Supermarket ที่ญี่ปุ่น เนื่องด้วยปีก่อนมาช๊อปปลาดิบที่ Supermarket ที่นี้มาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นซื้อกลับไปกินที่พัก แซ่บหลายมาาาาาาก ครั้งนี้เลยไม่พลาดที่จะไป โดยได้เดินเท้าไปจากร้านเทมปุระเมื่อสักครู่ ไป Supermerket ที่ชื่อว่า "Ogino Supermerket" ในนั้นก็ไม่ต่างจาก Super เจ้าอื่นๆ แต่ทันทีที่เข้าไปใน Supermarket ได้แล้วนั้น ผมก็ตรงไปที่ Counter อาหารสดเพื่อไปดูปลาดิบ 5555 สุดท้ายก็จัดมาตามรูปข้างล่างนี้ละครับ
เป็นคนที่ชอบกินกุ้งหวานมากกกกก มาเผื่อตั้งใจซื้อกุ้งหวานกินโดยเฉพาะเลย,,, หลังจากทานมื้อดึก (หราาา) เสร็จ ก็พากันเข้านอน พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปรอขึ้นรถบัสจาก Kawaguchiko Station ไปชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิเพื่อที่จะเดินทางปีนเข้าขึ้นไป
[พรุ่งนี้เดียวมาต่อฮับ]