จากที่ได้ดู Girls Don’t Cry วันนี้ หลายๆ คนรีวิวกันไปหลายทาง มีทั้งชอบ เฉยๆ และผิดหวัง ผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเฉยๆ เพราะในทุกวันติดตามเรื่องราวของน้องๆ อยู่เป็นประจำ เรื่องที่ได้ฟังในหนังส่วนมากก็รู้กันดีอยู่แล้ว มีแค่ความคิดเห็นบางอย่าง และอารมณ์จริงๆ ของน้องบางคนที่รู้สึกว่าลึกกว่าเดิม
มาถึงสิ่งที่ผมคิดเอาเองหลังจากได้ทบทวนสิ่งที่น้องบางคนพูดออกมา และ ผกก.จัดแสดงให้เราดู ผมคิด(เอาเอง)ว่า เหมือนเขาจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้เกี่ยวกับการเป็น BNK48 ยังไงมันก็หนีไม่พ้นการถูกเลือก และการถูกลืม
1. เต๋อให้สัมภาษณ์ก่อนว่า หนังเรื่องนี้มีเซ็มบัทสึ 26 คน หนังเรื่องนี้เป็นของทุกคน แต่สิ่งที่ได้ฉายให้เราดูนั้น มันเป็นเช่นเดียวกับการเลือกเซ็มบัทสึซิงเกิลหนึ่ง มีเซ็นเตอร์ และอันเดอร์ด้วย บางคนมีแอร์ไทม์เยอะ บางคนแทบไม่เห็นหน้าเลย
2. การคัดเลือกครั้งนี้ไม่ได้คัดโดย อฟช.แต่คัดโดย ผกก. ไม่ได้คัดด้วยการร้อง การเต้น ความนิยม แต่คัดด้วยการเล่าเรื่อง การตอบคำถาม ซึ่งไปโยงกับคำพูดของอิซึรินะ ที่พูดว่าไอดอลไม่ได้มีแต่ร้องกับเต้น มันมีสายอื่นด้วย เธอถนัดเรื่องวาไรตี้ก็ได้ออกรายการ AKBingo เป็นประจำ
3. ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ปูเป้เป็นคนเล่าเรื่องได้สนุก เล่าเรื่องเป็นฉากๆ ตอบคำถามได้ฉะฉาน เป็นเรื่องราวได้มากกว่าเมมเบอร์ระดับกลางคนอื่นที่ ผกก.ต้องการจะเอามาเล่าเรื่อง แอร์ไทม์น้องมาเต็ม จึงไม่แปลกที่ ผกก.จะเลือกน้องให้เป็นเซ็นเตอร์ใน Single พิเศษนี้ เปรียบได้กับนักแสดงนำของเรื่อง
4. เมื่อมีนักแสดงนำ ก็ต้องมีนักแสดงสมทบ ผมคิด(เอาเอง)ว่ามี 3 คน ที่เป็นเซ็มบัตสึแถวหน้า และอีก 3 คนอยู่แถวถัดไป
แถวแรก ได้แก่ เฌอปราง, เปี่ยม และจิ๊บ เนื่องจากการตอบคำถามและเล่าเรื่องของน้องมันเป็นแก่นของการดำเนินเรื่อง จุดสูงสุด และต่ำสุดของวง, การถูกเลือก, ความพยายาม, ความเก่ง, ความมั่นใจ มาครบทุกองค์
แถวถัดมา ได้แก่ น้ำใส, มิวสิค และปัญ มีการตอบคำถาม และเล่าเรื่องค่อนข้างเยอะ กระจายออกเป็นหลายเรื่อง แต่ก็ยังอยู่ในแก่นหลักของหนังอยู่
5. ตัวประกอบ 11 คน จ๋า, เจนนิษฐ์, แก้ว, ไข่มุก, เจน, แคน, ก่อน, นิ้ง, เคท, อร, ซัทจัง บางคนแอร์ไทม์ไม่ได้เยอะ แต่มันเข้าถึงแก่นของหนัง แสดงความคิดเห็น, ทัศนคติบางอย่างให้เราได้คิดกัน บางคนออกมามาก แต่ก็เป็นแค่คนนำเข้าประเด็น ไม่ได้สำคัญอะไร 11 คนนี้ ผกก.เลือกที่จะหยิบมาแค่บางส่วน เมื่อเปรียบกับซิงเกิลจะใครก็ได้ ติดและหลุดได้หมด
6. Extra เป็น อันเดอร์ 7 คน มายด์, อิซึรินะ, มิโอริ, โมบายล์, เมษา, ตาหวาน, เนย แอร์ไทม์น้อย และไม่ได้เข้าเรื่องอะไรมากมาย เป็นการเล่า และระบายเสียมากกว่า มีอยู่หรือไม่มีอยู่ ก็ไม่ได้สำคัญต่อการดำเนินเรื่องเท่าใดนัก ทำได้แค่ซัพพอร์ทเนื้อเรื่อง
7. Extra วิ่งผ่านหน้ากล้อง เป็น วิญญาณ จากคำพูดของอรการไร้ตัวตน การไม่มีชื่อเสียง มันน่ากลัวสำหรับอร หนังเรื่องนี้ ผกก.แสดงให้เราได้เห็นว่า “น้ำหนึ่ง” เป็นคนที่สปอตไลท์ไม่ได้ส่องลงไป ได้แอร์ไทม์มา 2 ซีน ซีนละไม่เกิน 5 วินาที จากความยาวหนัง 110 นาที ซึ่งคำตอบของน้ำหนึ่งที่เลือกมา จะมี หรือไม่มี มันก็ไม่ส่งผลกับหนังเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีคำพูดของน้ำหนึ่งที่ว่า "ไม่มีใครพูดถึงหนูเลย" ในหนัง พอคนดูจบมารีวิว หรือคุยในกระทู้ต่างๆ ก็ไม่มีการพูดถึงกันสักเท่าไหร่ ที่เห็นพูดถึงก็มีแต่คนที่โอชิน้ำหนึ่ง ตามคำพูดน้องจริงๆ เป็นการถูกลืมที่น่าใจหาย เป็นตัวแทนของจิ๊บที่ถูกถ่ายทอดผ่านหนังเรื่องนี้
8. วง BNK48 และ เพลงของ BNK48 : คำพูดของเคท เราเห็นว่าน้องเป็นคนที่มีทัศนคติต่อวงดีมากๆ แต่เมื่อลองตีความดู ผกก.อาจจะอยากให้เราคิดว่า ที่คุณมาดูๆ กันเนี่ย คุณดู BNK48 จริงใช่ไหม คุณดูหนังจริงใช่ไหม ผมเชื่อว่า 80% มาเพื่อดูโอชิตัวเอง ไม่ได้สำคัญว่าหนังจะออกมาเป็นยังไง สิ่งที่เคทพูดมาเป็นสิ่งที่เรายกย่องทัศนคติน้อง เคทอยากให้วงเป็นแบบนั้น แต่ในความจริงแล้วมันตรงกันข้าม ยังไงคนเชียร์วง น้อยกว่าเชียร์เมมเบอร์อยู่แล้ว เมื่อหนังฉายออกมาโอชิตัวเองได้แอร์ไทม์น้อย หนังจะไม่ดี ไม่สนุกทันที เพลงก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราหวังว่าโอชิเราจะมีส่วนร่วมเช่นเดียวกัน เมื่อมีการเลือกเซ็มฯ ในซิงเกิลใหม่ โอชิเราไม่ติดก็เซ็งกันไป
9. การติดเซ็มบัตสึ : ตอนสัมภาษณ์ 26 คนนี้ไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ผกก.จะให้แอร์ไทม์เรามากน้อยแค่ไหน สิ่งที่เราพูด ระบาย เล่าเรื่องออกไป มันส่งไปถึงคนปลายทางหรือไม่ รู้แค่ว่าตอบสิ่งที่เราคิดออกไปมันคือเรื่องจริง ผกก.คงเฉลี่ยให้เราบ้าง เพราะเขาพูดเองว่าหนังเรื่องนี้เป็นเซ็มฯ กันทั้ง 26 คน เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ แต่สุดท้ายแล้วมันไม่พอ
10. อฟช. และ ผกก. เป็น ผู้เลือก มีความเหมือนกันคือ การให้ความหวัง อฟช.มักบอกน้องว่าขายการพัฒนาตนเอง น้องต้องพัฒนาอีกนะครับ ในหนังสิ่งที่เราเห็นกันคือความพยายามของจิ๊บที่มันมากล้นเสียเหลือเกิน แต่สุดท้ายการพัฒนาตนเองและความสามารถของจิ๊บก็เป็นเพียงแค่ความหวังที่ อฟช.บอกผ่าน สิ่งที่ทำให้ติดเซ็มฯ มันคือความนิยมเป็นหลัก อฟช.ต้องเอาตัวรอดจากธุรกิจมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้วิธีการนี้ เฉกเช่นเดียวกับ ผกก.ที่บอกกับเมมเบอร์ทุกคนว่าทุกคนเป็นเซ็มฯ เราเกลี่ยให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วหนังที่เราได้ดูกันมันก็เป็นอย่างที่เห็น ผกก.เลือกที่จะเล่าเรื่องในสิ่งที่ตัวเองมองแล้วว่าแบบนี้แหละ มากกว่าคำสัญญา และการให้ความหวังกับเมมเบอร์ทุกคนไว้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการตีความแบบคิดไปเองเรื่อยเปื่อยนะ มีความคิดเห็นอย่างไร แชร์กันได้นะครับ ไม่ถูกใจด่าได้แต่อย่างแรงนะ 555
[Spoil นะ] เมื่อ Girls Don’t Cry เป็น 1 ใน Single ของ BNK48 (ตีความแบบคิดเอาเอง)
มาถึงสิ่งที่ผมคิดเอาเองหลังจากได้ทบทวนสิ่งที่น้องบางคนพูดออกมา และ ผกก.จัดแสดงให้เราดู ผมคิด(เอาเอง)ว่า เหมือนเขาจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้เกี่ยวกับการเป็น BNK48 ยังไงมันก็หนีไม่พ้นการถูกเลือก และการถูกลืม
1. เต๋อให้สัมภาษณ์ก่อนว่า หนังเรื่องนี้มีเซ็มบัทสึ 26 คน หนังเรื่องนี้เป็นของทุกคน แต่สิ่งที่ได้ฉายให้เราดูนั้น มันเป็นเช่นเดียวกับการเลือกเซ็มบัทสึซิงเกิลหนึ่ง มีเซ็นเตอร์ และอันเดอร์ด้วย บางคนมีแอร์ไทม์เยอะ บางคนแทบไม่เห็นหน้าเลย
2. การคัดเลือกครั้งนี้ไม่ได้คัดโดย อฟช.แต่คัดโดย ผกก. ไม่ได้คัดด้วยการร้อง การเต้น ความนิยม แต่คัดด้วยการเล่าเรื่อง การตอบคำถาม ซึ่งไปโยงกับคำพูดของอิซึรินะ ที่พูดว่าไอดอลไม่ได้มีแต่ร้องกับเต้น มันมีสายอื่นด้วย เธอถนัดเรื่องวาไรตี้ก็ได้ออกรายการ AKBingo เป็นประจำ
3. ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ปูเป้เป็นคนเล่าเรื่องได้สนุก เล่าเรื่องเป็นฉากๆ ตอบคำถามได้ฉะฉาน เป็นเรื่องราวได้มากกว่าเมมเบอร์ระดับกลางคนอื่นที่ ผกก.ต้องการจะเอามาเล่าเรื่อง แอร์ไทม์น้องมาเต็ม จึงไม่แปลกที่ ผกก.จะเลือกน้องให้เป็นเซ็นเตอร์ใน Single พิเศษนี้ เปรียบได้กับนักแสดงนำของเรื่อง
4. เมื่อมีนักแสดงนำ ก็ต้องมีนักแสดงสมทบ ผมคิด(เอาเอง)ว่ามี 3 คน ที่เป็นเซ็มบัตสึแถวหน้า และอีก 3 คนอยู่แถวถัดไป
แถวแรก ได้แก่ เฌอปราง, เปี่ยม และจิ๊บ เนื่องจากการตอบคำถามและเล่าเรื่องของน้องมันเป็นแก่นของการดำเนินเรื่อง จุดสูงสุด และต่ำสุดของวง, การถูกเลือก, ความพยายาม, ความเก่ง, ความมั่นใจ มาครบทุกองค์
แถวถัดมา ได้แก่ น้ำใส, มิวสิค และปัญ มีการตอบคำถาม และเล่าเรื่องค่อนข้างเยอะ กระจายออกเป็นหลายเรื่อง แต่ก็ยังอยู่ในแก่นหลักของหนังอยู่
5. ตัวประกอบ 11 คน จ๋า, เจนนิษฐ์, แก้ว, ไข่มุก, เจน, แคน, ก่อน, นิ้ง, เคท, อร, ซัทจัง บางคนแอร์ไทม์ไม่ได้เยอะ แต่มันเข้าถึงแก่นของหนัง แสดงความคิดเห็น, ทัศนคติบางอย่างให้เราได้คิดกัน บางคนออกมามาก แต่ก็เป็นแค่คนนำเข้าประเด็น ไม่ได้สำคัญอะไร 11 คนนี้ ผกก.เลือกที่จะหยิบมาแค่บางส่วน เมื่อเปรียบกับซิงเกิลจะใครก็ได้ ติดและหลุดได้หมด
6. Extra เป็น อันเดอร์ 7 คน มายด์, อิซึรินะ, มิโอริ, โมบายล์, เมษา, ตาหวาน, เนย แอร์ไทม์น้อย และไม่ได้เข้าเรื่องอะไรมากมาย เป็นการเล่า และระบายเสียมากกว่า มีอยู่หรือไม่มีอยู่ ก็ไม่ได้สำคัญต่อการดำเนินเรื่องเท่าใดนัก ทำได้แค่ซัพพอร์ทเนื้อเรื่อง
7. Extra วิ่งผ่านหน้ากล้อง เป็น วิญญาณ จากคำพูดของอรการไร้ตัวตน การไม่มีชื่อเสียง มันน่ากลัวสำหรับอร หนังเรื่องนี้ ผกก.แสดงให้เราได้เห็นว่า “น้ำหนึ่ง” เป็นคนที่สปอตไลท์ไม่ได้ส่องลงไป ได้แอร์ไทม์มา 2 ซีน ซีนละไม่เกิน 5 วินาที จากความยาวหนัง 110 นาที ซึ่งคำตอบของน้ำหนึ่งที่เลือกมา จะมี หรือไม่มี มันก็ไม่ส่งผลกับหนังเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีคำพูดของน้ำหนึ่งที่ว่า "ไม่มีใครพูดถึงหนูเลย" ในหนัง พอคนดูจบมารีวิว หรือคุยในกระทู้ต่างๆ ก็ไม่มีการพูดถึงกันสักเท่าไหร่ ที่เห็นพูดถึงก็มีแต่คนที่โอชิน้ำหนึ่ง ตามคำพูดน้องจริงๆ เป็นการถูกลืมที่น่าใจหาย เป็นตัวแทนของจิ๊บที่ถูกถ่ายทอดผ่านหนังเรื่องนี้
8. วง BNK48 และ เพลงของ BNK48 : คำพูดของเคท เราเห็นว่าน้องเป็นคนที่มีทัศนคติต่อวงดีมากๆ แต่เมื่อลองตีความดู ผกก.อาจจะอยากให้เราคิดว่า ที่คุณมาดูๆ กันเนี่ย คุณดู BNK48 จริงใช่ไหม คุณดูหนังจริงใช่ไหม ผมเชื่อว่า 80% มาเพื่อดูโอชิตัวเอง ไม่ได้สำคัญว่าหนังจะออกมาเป็นยังไง สิ่งที่เคทพูดมาเป็นสิ่งที่เรายกย่องทัศนคติน้อง เคทอยากให้วงเป็นแบบนั้น แต่ในความจริงแล้วมันตรงกันข้าม ยังไงคนเชียร์วง น้อยกว่าเชียร์เมมเบอร์อยู่แล้ว เมื่อหนังฉายออกมาโอชิตัวเองได้แอร์ไทม์น้อย หนังจะไม่ดี ไม่สนุกทันที เพลงก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราหวังว่าโอชิเราจะมีส่วนร่วมเช่นเดียวกัน เมื่อมีการเลือกเซ็มฯ ในซิงเกิลใหม่ โอชิเราไม่ติดก็เซ็งกันไป
9. การติดเซ็มบัตสึ : ตอนสัมภาษณ์ 26 คนนี้ไม่รู้เลยว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นอย่างไร ผกก.จะให้แอร์ไทม์เรามากน้อยแค่ไหน สิ่งที่เราพูด ระบาย เล่าเรื่องออกไป มันส่งไปถึงคนปลายทางหรือไม่ รู้แค่ว่าตอบสิ่งที่เราคิดออกไปมันคือเรื่องจริง ผกก.คงเฉลี่ยให้เราบ้าง เพราะเขาพูดเองว่าหนังเรื่องนี้เป็นเซ็มฯ กันทั้ง 26 คน เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ แต่สุดท้ายแล้วมันไม่พอ
10. อฟช. และ ผกก. เป็น ผู้เลือก มีความเหมือนกันคือ การให้ความหวัง อฟช.มักบอกน้องว่าขายการพัฒนาตนเอง น้องต้องพัฒนาอีกนะครับ ในหนังสิ่งที่เราเห็นกันคือความพยายามของจิ๊บที่มันมากล้นเสียเหลือเกิน แต่สุดท้ายการพัฒนาตนเองและความสามารถของจิ๊บก็เป็นเพียงแค่ความหวังที่ อฟช.บอกผ่าน สิ่งที่ทำให้ติดเซ็มฯ มันคือความนิยมเป็นหลัก อฟช.ต้องเอาตัวรอดจากธุรกิจมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้วิธีการนี้ เฉกเช่นเดียวกับ ผกก.ที่บอกกับเมมเบอร์ทุกคนว่าทุกคนเป็นเซ็มฯ เราเกลี่ยให้ได้มากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วหนังที่เราได้ดูกันมันก็เป็นอย่างที่เห็น ผกก.เลือกที่จะเล่าเรื่องในสิ่งที่ตัวเองมองแล้วว่าแบบนี้แหละ มากกว่าคำสัญญา และการให้ความหวังกับเมมเบอร์ทุกคนไว้
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการตีความแบบคิดไปเองเรื่อยเปื่อยนะ มีความคิดเห็นอย่างไร แชร์กันได้นะครับ ไม่ถูกใจด่าได้แต่อย่างแรงนะ 555