สวัสดีครับ .... วันนี้ทาสบุฟเฟต์จะพามาถล่มแหลกกันที่ ห้องอาหาร Atrium ที่โรงแรม The Landmark Bangkok ด้วยความที่คุณแฟนอยากกินปูไข่มาก ถึงขั้นจะลงแดง จึงตั้งใจจะไปกินที่ทะเลบางขุนเทียน แต่โทรไปถามร้านประจำปรากฎว่าไม่ขาย เลยไม่อยากไปเสี่ยง หาข้อมูลไปมามาเจอ และเตะตากับบุฟเฟต์ของที่นี่ไม่รีรอจึงทำการชวนพรรคพวก และจองมากินมื้อเย็นของวันอังคารที่ 14 สิงหาคม 2561 ฉะนั้นราคาและไลน์อาหารทั้งหมดในรีวิวนี้คือ มื้อเย็นวันอังคาร ย้ำนะครับ ** มื้อเย็นวันอังคาร **

"ปูไข่คลองโคน" จะมีให้บริการในมื้อเย็นทุกวัน (18.00 - 22.00 น.) และมื้อสายวันอาทิตย์ (Sunday Brunch)

ราคาก็แตกต่างกันออกไป (ตามในภาพ) แต่เดี๋ยวก่อนถ้าเป็นราคานี้ผมเองคงต้องขอบาย

เค้ามีโปรโมชั่นมา 4 จ่าย 2 หรือ ลด 50% เท่ากับ 4 คน 4,400 บาท ตกแล้วคนละ 1,100 บาท

แต่ราคาข้างต้นนี้ยังไม่รวมเครื่องดื่ม ถ้าคุ้มที่สุดต้องจองผ่าน Eatigo ซึ่งมีดีลสำหรับลด 50%

ราคา 1,100 บาทเท่ากัน แต่ .... ฟรีเครื่องดื่มทั้งน้ำเปล่า และน้ำอัดลม ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาครบ 4 คน

คือจะมา 1 หรือ 2 คน ก็กินได้ ลิงก์จองตามนี้ครับ -> https://eatigo.com/th/bangkok/th/r/atrium-the-landmark-bangkok-378?date=2018-08-14T12:00:00.000Z


โรงแรม The Landmark Bangkok ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ติดกับ BTS สถานีนานาเลย

ถ้าขับรถมาก็ง่ายมาก และรถติดสุด ๆ ในช่วงเย็น ที่จอดรถมีเหลือเฟือเลยและฟรีด้วยครับถ้ามาทานอาหาร


สำหรับห้องอาหาร Atrium นั้นอยู่ที่ชั้น Lobby เลย ติดกับรีเซฟชั่นเรียกได้ว่าเดินเข้ามาจากหน้าโรงแรมก็เจอเลย


รางวัลการันตีความอร่อย เดี๋ยวต้องรอดูว่าเหมาะสมหรือไม่

รอจนหิวก็ได้เวลา เราจองกันมาช่วง 18.30 น.

เดินเข้าไปก็จะเจอโซน Seafood on ice และ อาหารญี่ปุ่น ก่อนเลย

ส่วนเราได้โต๊ะใกล้ ๆ กับซุ้มอาหารไทยและปูไข่เลย เดินใกล้ ๆ ไม่เปลืองแรง

เครื่องไม้ เครื่องมือ หรูเชียวแทะปูคงใช้ไม่มากนัก

ทุกโต๊ะจะมีน้ำมะกรูดไว้สำหรับดับคาวอาหารทะเล และใบบอกเลขโต๊ะสำหรับสั่งอาหารพิเศษ

เริ่มด้วย Cold Starter ขนมปัง ชีส และเนื้อรมควัน อร่อยดีครับ

จบของรองท้อง ได้เวลาไฮไลท์เพราะเรามาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ  
ก่อนมาวางแผนคือกันมาอย่างดี คิดสะระตะแล้วว่าต้องกินอย่างน้อย 5-6 ตัวจะคุ้มทุน 5555  
โดยเชฟจะเป็นคนหยิบให้ ให้แค่ครั้งละตัวต่อคน แต่จะเดินไปเอากี่ครั้งก็ได้

สุดท้ายจัดไปทั้งหมด 8 ตัว เกินราคาไปอีก !!!

พูดถึงขนาดของปูนั้นเป็นแบบคละไซส์มีทั้งใหญ๋และเล็กผสมกัน

ตัวที่เห็นใหญ่สุด ๆ น่าจะมีประมาณ 3 ตัว/โล ตัวที่เล็กสุดประมาณ 6 ตัว/โล  

พูดถึงเรื่องไข่ มาแน่นทุกตัว แต่จะมีผสมปูเนื้อมาบ้างแต่ส่วนน้อย

ความแน่นของเนื้อยังไม่เข้าขั้นสุดยอดมาก แต่ที่ไม่ชอบคือปูถูกนึ่งสุกเกินไป

เพราะปูถูกนึ่งอยู่ในซึ้งนึ่งตลอดเวลา แต่โดยรวมก็โอเครครับ

แต่ก็ไม่ได้ฟินแรงเหมือนการไปกินแบบดิ้น ๆ ถึงถิ่น

แต่ได้กินใจกลางเมืองกรุง ในห้องอาหารหรูหรา ... ก็ถือว่าดีครับ









ถัดมาที่โซน Seafood on Ice บ้างพาเหรดกันมาเยอะพอสมควร

นำทัพโดย กั้งกระดาน หอยนางรม หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งขาว






น้ำจิ้มซีฟู๊ด รสชาติใช้ได้ครับ ส่วนตัวคิดว่าติดเค็มไปนิด ข้างกันมีมะนาวแป้นหั่นเตรียมไว้ให้บีบไปสักซีกแซ่บขึ้นเยอะเลย



โซนนี้ถูกใจกั้งมากสุดขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก แต่สดเนื้อแน่นทุกตัว

หอยนางรมก็สดหวานมาก แต่เพิ่งจัดหนักมาเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยจัดไปแค่ตัวเดียว

ส่วนหอยแมลงภู่คือดีมากใหญ่เบอร์สุดเลย






มาถึงโซนกริลล์บ้าง จะมีไก่สะเต๊ะ รสชาติดีมากทั้งตัวสะเต๊ะที่หมักเข้าเครื่องเทศมาก น้ำจิ้มก็จัดจ้าน

ท้องปลาแซลมอน ให้ 10 เต็มเลยท้องปลาสวยมาก สด ละมุนลิ้น

เราสามารถนำเอาอาหารจากโซน Seafood on ice มาย่างที่นี่ต่อได้สำหรับคนชอบของร้อน





มีทโลฟ

ถัดมาเป็นมุมมหาชนบ้าง อาหารญี่ปุ่น มีซูชิ ซาชิมิ ซูชิยังไม่เด่นเท่าไหร่ขาดแค่รสข้าวที่อ่อนน้ำส้มไปนิด

ส่วนคุณภาพวัตถุดิบ คือ ดีเลย โดยเฉพาะแซลมอน สดมากคัทได้งามด้วย มากุโร่ ก็ดีไม่แพ้กัน





ที่ชอบมากคือเครื่องเคียง ทั้งขิงดอง ไชเท้าดอง ไชเท้าขูดฝอย สารพัดสิ่งรสดีด้วย

เมนูนี้คือเซอไพร้ซหนักมาก เป็นทาโกะยากิ ที่คือทาโกะจริง ๆ กัดเข้าไปคือเจอแต่ปลาหมึก
เคี้ยวไปทางไหนก็หนีไม่พ้นปลาหมึก อร่อยมาก ไม่อยากจะเชื่อ

นอกจากนั้นยังมีหัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว กับซุปมิโซะ แต่เสียดายที่ไม่ได้ชิม

มาถึงโซนพาสต้า อยากจะบอกว่ารสชาติคาโบนาร่าของที่นี่ตรึงใจมาก

เส้นพาสต้าเท่านี้เห็นมี 3 ชนิด คือ สปาเก็ตตี้ เพนนี่ และราวิโอลี่ เลือกนำมาปรุงมีทั้งคาโบนาร่า และโบโลเนส


ผมลองสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า และราวิโอลี่คาโบนาร่า
อย่างที่บอกไปว่าคาโบนาร่าของที่นี่ตรึงใจมาก
เพราะใส่ชีสอย่างดีมาแบบเน้น ๆ แน่น ๆ  เข้มข้นเว่อออออร์