ทราบมาว่าชาวอเมริกันที่ถูกหวยรวยเละ 70% จะลาออกจากงาน เพราะทำงานแลกเงิน แต่เมื่อมีเงินแล้วก็ไม่อยาก ทำงานลาออก
ส่วนอีก 30% แม้ไม่ต้องจำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพแล้วยังคงทำงต่อไปเรื่อย
ตามแนวคิดของมาร์กซิส แรงงานแลกเงิน ถูกต้อง แต่อีก 30% ที่ทำงานต่อไปแม้ไม่จำเป็นแล้ว แนวคิดมากซิสดูจะผิดไป หรือเปล่า
บางคนทำงานเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรัก ทำงานมันตอบโจทย์มากกว่าเงิน การได้เงินมามันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าเพราะนั่นหมายความว่าคุณกกำลังสร้าง productivity ให้แก่สังคมอยู่ เรานิยามผู้ใหญ่ที่โตแล้วคือสามารถทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองได้แล้ว
แต่บางงานมันดูซ้ำๆน่าเบื่อ ไม่ท้าทาย ทำซ้ำๆ เช่นงานแลกเหรียญ ตู้อัตโนมัติมก็สามารถทำได้ แล้วการทำงานซ้ำน่าเบื่อแบบนี้ทุกวันๆ มันจะนำไปสู่เป็นโรคซึมเศร้าไหม
แต่ละวันหลังเลิกงานเวลาเราทำงานนี้เรา justify บอกกับตัวเองว่าอย่างไร
จากปีระมิดมาสโรวงานบางอย่างอาจจะตอบโจทย์ basic needs เช่นเงินไว้ทานข้าวได้ แต่ขั้นสูงกว่าหล่ะ ขั้น self fulfillment needs หล่ะ
ต้องแต่มนุษย์มีอารยธรรม รวมกลุ่มกันอยู่เป็นสังคม เกิด division of labour เกิด specialisation (ขายข้าวมันไก่ก็ขายข้าวมันไก่อย่างเดียวจนชำนาญ อ่านฟิล์มเอกเรย์ ก็ทำอย่างเดียวจนชำนาญ ถ้าทุกคนต้องทำทุกอย่างเองไม่แบ่งงาน ไม่ specialisation แต่ละคนกว่าจะจับปลาหาข้าวเช้ากินได้ ตะวันตกดินไม่ต้องทำไรกัน) มันทำให้งานบางงานสนุกกว่า ท้าทายกว่างานอื่นๆ นี่เป็นความจริงไม่อาจปฎิเสธ
เลยสงสัยจริงๆว่าพนักงานแลกเหรียญ หรืองานอะไรที่ทำซ้ำๆเป็นรูทีน เขาจะเบื่อไหม แล้วทุกวันตอนลุกออกจากที่นอนไปทำงานเขาจะคุยกับตัวเองว่าอย่างไร
สงสัยครับ ขอบคุณครับ
พนักงานแลกเหรียญ ทำงานซ้ำๆกัน เขาจะเบื่อไหม
ส่วนอีก 30% แม้ไม่ต้องจำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพแล้วยังคงทำงต่อไปเรื่อย
ตามแนวคิดของมาร์กซิส แรงงานแลกเงิน ถูกต้อง แต่อีก 30% ที่ทำงานต่อไปแม้ไม่จำเป็นแล้ว แนวคิดมากซิสดูจะผิดไป หรือเปล่า
บางคนทำงานเพื่อทำสิ่งที่ตัวเองรัก ทำงานมันตอบโจทย์มากกว่าเงิน การได้เงินมามันทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าเพราะนั่นหมายความว่าคุณกกำลังสร้าง productivity ให้แก่สังคมอยู่ เรานิยามผู้ใหญ่ที่โตแล้วคือสามารถทำงานหาเลี้ยงชีพตัวเองได้แล้ว
แต่บางงานมันดูซ้ำๆน่าเบื่อ ไม่ท้าทาย ทำซ้ำๆ เช่นงานแลกเหรียญ ตู้อัตโนมัติมก็สามารถทำได้ แล้วการทำงานซ้ำน่าเบื่อแบบนี้ทุกวันๆ มันจะนำไปสู่เป็นโรคซึมเศร้าไหม
แต่ละวันหลังเลิกงานเวลาเราทำงานนี้เรา justify บอกกับตัวเองว่าอย่างไร
จากปีระมิดมาสโรวงานบางอย่างอาจจะตอบโจทย์ basic needs เช่นเงินไว้ทานข้าวได้ แต่ขั้นสูงกว่าหล่ะ ขั้น self fulfillment needs หล่ะ
ต้องแต่มนุษย์มีอารยธรรม รวมกลุ่มกันอยู่เป็นสังคม เกิด division of labour เกิด specialisation (ขายข้าวมันไก่ก็ขายข้าวมันไก่อย่างเดียวจนชำนาญ อ่านฟิล์มเอกเรย์ ก็ทำอย่างเดียวจนชำนาญ ถ้าทุกคนต้องทำทุกอย่างเองไม่แบ่งงาน ไม่ specialisation แต่ละคนกว่าจะจับปลาหาข้าวเช้ากินได้ ตะวันตกดินไม่ต้องทำไรกัน) มันทำให้งานบางงานสนุกกว่า ท้าทายกว่างานอื่นๆ นี่เป็นความจริงไม่อาจปฎิเสธ
เลยสงสัยจริงๆว่าพนักงานแลกเหรียญ หรืองานอะไรที่ทำซ้ำๆเป็นรูทีน เขาจะเบื่อไหม แล้วทุกวันตอนลุกออกจากที่นอนไปทำงานเขาจะคุยกับตัวเองว่าอย่างไร
สงสัยครับ ขอบคุณครับ