อาชีพขายเนื้อสัตว์ บาปมากหรือไม่?
สมมติตัวอย่าง นายแดงมีอาชีพขายข้าวขาหมู ทุกๆ วัน นายแดงจะต้องไปซื้อขาหมูจากโรงฆ่าสัตว์ วันละ ๔ ขา ถามว่าอย่างนี้นายแดงจะบาป และได้รับกรรมวิบากหรือไม่
ขายเนื้อสัตว์จะบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับฐานจิตของผู้ขายเอง เพราะหมูที่ถูกฆ่าจากโรงฆ่าสัตว์นั้น หมูมีวิบากกรรมที่จะต้องโดนฆ่าเป็นอาหารอยู่แล้ว และพ่อค้าไปรับเนื้อหมูมาค้าขาย พ่อค้าจะต้องขายเนื้อหมูด้วยความให้เกียรติ ไม่ดูถูกดูแคลน และควรที่จะทำบุญส่งกุศลไปหาหมูที่ตนเองขายบ่อยๆ จึงเป็นการตอบแทนบุญคุณที่หมูสละเลือดเนื้อตนเอง
ผู้ที่บริโภคเนื้อหมูก็เช่นเดียวกัน ควรบริโภคด้วยอาการสำรวม ไม่กินทิ้งกินขว้าง สำนึกในบุญคุณของเนื้อที่เราบริโภค และควรทำบุญส่งกุศลให้สัตว์ที่เป็นอาหารแก่เราด้วย
หมูที่ตายก็จะมีความยินดีที่ตนได้ตายด้วยวิบากกรรม แต่ก็ยังได้สละเลือดเนื้อของตนให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก
ฉะนั้น การขายเนื้อสัตว์หรือกินเนื้อสัตว์จะบาปหรือไม่บาปก็ขึ้นอยู่กับฐานจิตของตนเองในการสำนึกบุญคุณของผู้สละเลือดเนื้อให้ตนได้บริโภค
ขอยกตัวอย่าง หลายคนคงเคยตกปลามาบ้างแล้ว เราไปตกปลา เมื่อปลากินเบ็ดเรา เราก็จับมันมาทำเป็นอาหาร ปลาตัวนั้นก็จะได้เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิตนเอง แต่ถ้าบางคนตกเบ็ด ปลากินเหยื่อแล้ว ดึงมันขึ้นมาแล้วปล่อยมันไป สิ่งนี้บาปแน่นอน เพราะเขามีวิบากที่ต้องมาเกิดเป็นปลา เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้กรรม ปลาต้องเจ็บปวด และโดนคนอื่นฆ่ากิน ต้องสังเวยเนื้อตัวเองเป็นอาหาร แต่หากเขาไม่ฆ่าปลา ปล่อยปลาไป ปลานี้ย่อมเจ็บปวดแสนสาหัส เพราะต้องเจ็บปวดปาก ปวดร่างกาย ทนทุกข์ทรมาน ผู้ที่ตกปลานี้จะบาปหนาสาหัสมาก เพราะไปทรมานสัตว์ แต่ถ้าจับมากินเลย เขาก็จะได้เปลี่ยนภพภูมิตนเองไปเกิดใหม่ ไม่ต้องทรมานมาก เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นนักตกปลา เมื่อตกมาแล้วต้องนำไปกิน แต่ถ้าจับปลามาเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งแม่น้ำที่ดีเหมาะสมแก่ปลา สิ่งนี้ก็ได้บุญเต็มที่เช่นเดียวกัน และเราอย่าลืมทำบุญส่งกุศลไปให้ปลาตัวนั้นด้วย เขาก็จะดีใจมากขึ้น
---------------------------
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
อาชีพขายเนื้อสัตว์ บาปมากหรือไม่?
สมมติตัวอย่าง นายแดงมีอาชีพขายข้าวขาหมู ทุกๆ วัน นายแดงจะต้องไปซื้อขาหมูจากโรงฆ่าสัตว์ วันละ ๔ ขา ถามว่าอย่างนี้นายแดงจะบาป และได้รับกรรมวิบากหรือไม่
ขายเนื้อสัตว์จะบาปหรือไม่ขึ้นอยู่กับฐานจิตของผู้ขายเอง เพราะหมูที่ถูกฆ่าจากโรงฆ่าสัตว์นั้น หมูมีวิบากกรรมที่จะต้องโดนฆ่าเป็นอาหารอยู่แล้ว และพ่อค้าไปรับเนื้อหมูมาค้าขาย พ่อค้าจะต้องขายเนื้อหมูด้วยความให้เกียรติ ไม่ดูถูกดูแคลน และควรที่จะทำบุญส่งกุศลไปหาหมูที่ตนเองขายบ่อยๆ จึงเป็นการตอบแทนบุญคุณที่หมูสละเลือดเนื้อตนเอง
ผู้ที่บริโภคเนื้อหมูก็เช่นเดียวกัน ควรบริโภคด้วยอาการสำรวม ไม่กินทิ้งกินขว้าง สำนึกในบุญคุณของเนื้อที่เราบริโภค และควรทำบุญส่งกุศลให้สัตว์ที่เป็นอาหารแก่เราด้วย
หมูที่ตายก็จะมีความยินดีที่ตนได้ตายด้วยวิบากกรรม แต่ก็ยังได้สละเลือดเนื้อของตนให้เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก
ฉะนั้น การขายเนื้อสัตว์หรือกินเนื้อสัตว์จะบาปหรือไม่บาปก็ขึ้นอยู่กับฐานจิตของตนเองในการสำนึกบุญคุณของผู้สละเลือดเนื้อให้ตนได้บริโภค
ขอยกตัวอย่าง หลายคนคงเคยตกปลามาบ้างแล้ว เราไปตกปลา เมื่อปลากินเบ็ดเรา เราก็จับมันมาทำเป็นอาหาร ปลาตัวนั้นก็จะได้เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิตนเอง แต่ถ้าบางคนตกเบ็ด ปลากินเหยื่อแล้ว ดึงมันขึ้นมาแล้วปล่อยมันไป สิ่งนี้บาปแน่นอน เพราะเขามีวิบากที่ต้องมาเกิดเป็นปลา เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้กรรม ปลาต้องเจ็บปวด และโดนคนอื่นฆ่ากิน ต้องสังเวยเนื้อตัวเองเป็นอาหาร แต่หากเขาไม่ฆ่าปลา ปล่อยปลาไป ปลานี้ย่อมเจ็บปวดแสนสาหัส เพราะต้องเจ็บปวดปาก ปวดร่างกาย ทนทุกข์ทรมาน ผู้ที่ตกปลานี้จะบาปหนาสาหัสมาก เพราะไปทรมานสัตว์ แต่ถ้าจับมากินเลย เขาก็จะได้เปลี่ยนภพภูมิตนเองไปเกิดใหม่ ไม่ต้องทรมานมาก เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นนักตกปลา เมื่อตกมาแล้วต้องนำไปกิน แต่ถ้าจับปลามาเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งแม่น้ำที่ดีเหมาะสมแก่ปลา สิ่งนี้ก็ได้บุญเต็มที่เช่นเดียวกัน และเราอย่าลืมทำบุญส่งกุศลไปให้ปลาตัวนั้นด้วย เขาก็จะดีใจมากขึ้น
---------------------------
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์