สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมตั้งใจมารีวิวคอนเสิร์ต Celine ที่อิมแพควันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมานะครับ
เป็นการหัดเขียนรีวิวครั้งแรก
(ค่อนข้างยาว และมีภาพปลากรอบ เอ้ยย ภาพประกอบเยอะพอสมควรนะครับ)
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะค้าบบบ
ตั้งแต่รู้ข่าวว่าจะเอเชียทัวร์ และมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ตอนนั้นดีใจและตื่นเต้นมากที่จะมีโอกาสได้ดูคอนโชว์ของ Celine สักครั้งหนึ่งในชีวิต
วาร์ปมาวันที่ วันที 23 กรกฎาคม 2561 วันที่ทุกคนรอคอย
ผมมาอิมแพคช่วงบ่ายสองโมง มีโอกาสเจอเพื่อนๆหลายชาติเลยครับ
ทุกคนมาเพื่อดูคอนเสิร์ตและถือโอกาสเที่ยวไทยไปในตัวด้วย
บรรยากาศก่อนเริ่มงานเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้ม
ประตูแรกเปิดให้เข้าภายในงานเวลาห้าโมงเย็นครับ มีการสแกนร่างกาย
ตรวจสอบสัมภาระติดตัว ตามมาตรฐานความปลอดภัย
ซึ่งเข้มงวดดีมาก ขอชื่นชมสตาฟทุกท่านครับ
ภายในงานมีการจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย และแบล็คดรอปน่ารักๆให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
คนเริ่มเข้ามาในงานเยอะพอสมควรครับ เรียกได้ว่ามีทุก generation จริงๆ
บ้างถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ บ้างก็ใส่หูฟัง lips sync ตามเพลง น่ารักไปอีกแบบครับ
ประตูที่สองเปิดให้เข้าด้านในอารีน่าเวลา1ทุ่มครึ่งตรงเป๊ะ ไม่มีเลท
Yippy!!! ตื่นเต้นๆ ในที่สุดก็ใกล้ได้ดูโชว์แล้ว
เวลา 2 ทุ่มตรง Verinic Dicaire (support act) ก็ออกมาเอนเตอร์เทนแฟนๆ อย่างสนุกสนาน
ให้พร้อมก่อนการดูคอนเสิร์ตในอีกไม่กี่นาทีครับ
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงครับ
2 ทุ่ม 50 นาที อินโทรของ The power Of Love ก็เริ่มบรรเลง
Celine ปรากฏตัวในชุดสีทอง ทะมัดทะแมง พร้อมส่งรอยยิ้มให้แฟนๆ
ผู้ชมทั้งอารีน่าพร้อมกันยืนปรบมือ และส่งเสียงต้อนรับเธอด้วยความดีใจ สมกับการรอคอยกว่า 3 ทศวรรษ
ออร่าความเป็นดีว่าของเธอนั้นเปล่งประกายไปทั้งอารีน่า ตัวจริงเซลีนสวยกว่าในวิดิโอมากๆ
สูง ผมสีทอง ตาสวย นัยน์ตาสีน้ำตาล เหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์เลย
เสียงร้องของเธอไม่เคยทำให้แฟนเพลงผิดหวัง
แทบไม่น่าเชื่อว่าศิลปินในวัย 50 ปี จะรักษาคุณภาพเสียง และเพอร์ฟอร์มโชว์ได้ดีขนาดนี้
ในใจแอบคิดไว้ว่า ไทยเป็นประเทศสุดท้ายในเอเชียทัวร์ เซลีนคงพลังหมดแล้ว
แต่ตรงกันข้ามทั้งหมด ทุกอย่างมาเกิน 100% เป็นโชว์ได้สมบูรณ์ที่สุด
ส่งพลังเข้าถึงคนดูได้ทั้งหมด ด้วยความน่ารัก และเอนเตอร์เทนคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนแฟนๆเองก็น่ารักมากเช่นกัน ส่งพลังและมีส่วนร่วมกับโชว์ตลอด
รูปแบบของ production ค่อนข้างเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน
แต่ต้องยอมรับว่าเธอคนเดียว สามารถคอนโทรลคนทั้งอารีน่าได้
เสียงร้องและพลังของ Celine มาเต็มจริงๆ
หลังจากจบเพลง That’s the way is it
Celine กล่าวทักทายแฟนๆ ด้วยคำว่า "ขอบคุณค่ะ" เป็นภาษาไทย พร้อมประนมมือไหว้ น่ารักมากๆ
ก่อนจะพูดคุยกับแฟนๆ นานพอสมควร
ส่วนตัวไม่เคยเห็นศิลปินระดับโลกกล่าวทักทายแฟนๆนานขนาดนี้ เธอพูดเก่งมากจริงๆ 555
ต่อด้วย I’m Alive และ Because you loved me ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักอีกครั้ง
ใครมีแฟนก็โอบกอดกันไปนะครับ ส่วนผมไม่มี กอดตัวเองก็ได้ หึๆ
หลังจากนั้น Celine ก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยความเร็วเหนือแสง และกลับมาในเพลง It’s all coming back to me
อินโทรเพลงนี้อลังการมากๆ ครับ ต่อด้วย Beauty and the Beast, Ashes,
Think Twice และ Falling in to you ซึ่ง Celine เองโชว์สเต็ปพลิ้วไหว
เรียกได้ว่าไม่กลัวข้อเข่าเคล็ดกันเลยทีเดียว ขอแซวหน่อยเถอะครับ ฮ่าๆ
ตามมาด้วย Pour que tu m’aimes encore กับ Recovering ส่วนตัวผมชอบสองเพลงมากนี้ครับ
Celine ร้องได้ซึ้งกินใจจริงๆ ทุกเนื้อเพลงที่ร้องออกมา เรียกได้ว่าออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของ Celine เลย
โดยเฉพาะ Recovering อินจัดกับเพลงนี้ น้ำตาคลอกันเลยทีเดียว
ในส่วนของ All By Myself นั้น Celine ยังคงแผดเสียงได้ไกลถึงดาวอังคารเช่นเคย
ตามมาด้วย At Seventeen ซึ่ง Celine เคยเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้น
เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ เป็นคนฟันไม่สวย เรียนก็ไม่เก่ง
แต่ในขณะเดียวกันก็โชคดี ที่พระเจ้าให้พรวิเศษกับเธอ ด้วยเสียงอันไพเราะ
(ใครมันจะเฟอร์เฟคไปซะทุกอย่าง จริงมั้ย เห้ยย!!)
จึงกลายเป็นเพลง A New Day Has Come วันใหม่ที่สดใสได้เริ่มขึ้นแล้วนะ
เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ให้กำลังใจและเติมเต็มหัวใจของคนที่กำลังท้อได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากที่นั่งฟัง Celine กับ วงออเคสตร้า แบบชิลๆกันไปแล้ว
ก็ได้เวลาลุกขึ้นมาด๊านซ์กันหน่อยกับทีม Backup singers
เรียกว่าว่าแฟนทุกๆ generation ตั้งแต่รุ่นคุณป้า มาถึงรุ่นหลานๆ
ลุกขึ้นมาออกสเต็ปด๊านซ์ไม่มีใครยอมใครจริงๆ
โชว์ใกล้จบเต็มทีแล้ว Celine กลับมาในชุดฟรุ๊งฟริ๊งสีเงิน
Celine เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้มากๆ ในชุดนี้ ขาเรียวสวยจริงๆ
ต่อกันด้วย Purple Rain ซึ่งในเพลงนี้แฟนๆทั้งอารีน่าก็พร้อมใจกันเปิดแฟลชส่องสว่าง
เสมือนเป็นดวงดาวเล็กๆ ระยิบระยิบระยับบนท้องฟ้า เป็นโมเมนท์ที่สวยงามมากจริงๆ ครับ
หลังจาก Love Can Move Mountains และ River Deep Mountain High จบลง
อารีน่าก็มืดไปชั่วขณะพร้อมกับเสียงกรี๊ดและปรบมือที่ดังไม่หยุด
ไม่นานฮัมเพลง My Heart Will Go On ก็ดังขึ้น
พร้อมที่จะนำทุกคนในอารีน่า กลับไปยังเรือไททานิคอีกครั้ง
Celine ปรากฎตัวในเพลงสุดท้ายของโชว์นี้ ด้วยเดรสสีชมพู มีเคฟด้านหลังที่ไม่ยาวมากนัก
เสียงร้องที่ก้องกังวาน ใสเหมือนนกไนติงเกล ผสานไปกับมูฟเมนท์ที่พริ้วไหวของ Celine
เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่อมตะ เปรียบเสมือน Signature ของเธอ และเป็นเพลงที่ทุกคนรอคอยเลยก็ว่าได้
เชื่อว่าทุกคนมีความสุขและร้องเพลงตามกันแน่นอน
ส่วนผมหน่ะเหรอ ร้องให้สิครับ 555 มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก หลายๆคนก็ร้อง ผมรู้นะ ฮ่าๆ
Celine เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลง My Heart Will Go On ว่า ต้องร้องเพลงนี้อีกแล้วหรอ
เธอต้องร้องเพลงนี้ซ้ำๆกันเป็นพันครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นครั้งแรกของใครหลายคน
เธอบอกว่าครั้งหนึ่ง ขณะที่ร้องเธอร้องเพลงนี้ เธอมองเห็นแววตาและใบหน้าของคู่รักคู่หนึ่งที่
ที่จับมือกันน้ำตาคลอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่ฟังเธอร้องเพลงนี้
จึงทำให้เธอไม่เคยถามตัวเองอีกเลย ว่าต้องร้องเป็นครั้งที่เท่าไหร่
ซึ่งผมเข้าใจคำพูดของเธออย่างลึกซึ้งก็วันนี้นี่แหละ ฮืออออ....ครายยย
ผมจ้อง Celine แทบไม่กระพริบตา ไม่อยากจะพลาดแม้แต่วินาทีเดียวของโชว์นี้
ผมแอบเห็นคุณป้ากับคุณลุง A1 เล่นบทเป็นแจ็คกับโรสด้วยนะ เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ อิจๆ
หลังจากจบโชว์เธอได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ นักดนตรี ทีมงานทุกคน ก่อนจะโบกมืออำลาแฟนๆ
ทุกคนในอารีน่ายืนปรบมือ และโห่ร้องสุดเสียงอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ทำให้เธอตัดสินใจเดินกลับมากลางเวทีอีกครั้ง
ก่อนจะเธออธิบายในมุมของศิลปินสู่แฟนๆ อย่างน่ารักและเป็นกันเอง
ว่าการจะทำทัวร์ให้เกิดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก
เธอต้องเดินทางกับทีมงานหลายชีวิต ไปยังประเทศที่เวลาต่างกัน สภาพภูมิอากาศ
และที่สำคัญที่สุดคงเป็นการเดินทางกับลูกๆ ของเธอ
(ตลอดระยะเวลาการทำงานของ Celine จะมี Rene สามีอันเป็นที่รักคอยให้กำลังใจในทุกโชว์
แต่ในครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว ลูกคงเปรียบเสมือนตัวแทน และกำลังใจที่ดีที่สุดของเธอ)
ก่อนจะร้องเพลง I Can’t Help Falling In Love แบบ Acappella เป็นเพลงสุดท้ายจริงๆ
Celine กล่าวขอบคุณแฟนๆ อย่างถ่อมตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเฟดตัวหายไป
ซึ่งหมายความว่าโชว์ได้จบลงแล้ว
แฟนๆพร้อมใจกันปรบมืออีกครั้งและตะโกนบอกรัก Celine ก่อนที่จะเดินออกจากอารีน่า
เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปเร็วมาก
เป็นโชว์ที่ลงตัวทุกอย่าง ไม่เกิน ไม่ขาด และเข้าถึงคนดูอย่างแท้จริง
ไม่ว่าหลายคนๆจะตั้งฉายาเธอว่า ลีเจนด์ ดีว่า ป้าเตารีด สิรินีออน เหี่ยวศรี หรืออะไรก็ตาม
แต่เธอคือตัวแทนของการส่งความสุขผ่านเสียงเพลง
เธอคือศิลปินหญิง ผู้เป็นที่รักของคนทั่วโลก
สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้มีรอยยิ้มอันสดใส ยืนร้องเพลงด้วยไมค์โครโฟนสายธรรมดา
บนเวทีสี่เหลี่ยมแบบเรียบง่าย จะเป็นภาพแห่งความทรงจำ ที่ผมไม่มีวันลืม
We love you “CELINE DION”
ขอบคุณภาพสวยๆ จากน้อง Ton Saeguay และ Celine Dion Thailand ครับ
Celine Dion Live 2018 in Bangkok "The Best Concert Of 2018" 23 JULY 2018
เป็นการหัดเขียนรีวิวครั้งแรก
(ค่อนข้างยาว และมีภาพปลากรอบ เอ้ยย ภาพประกอบเยอะพอสมควรนะครับ)
ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะค้าบบบ
ตั้งแต่รู้ข่าวว่าจะเอเชียทัวร์ และมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
ตอนนั้นดีใจและตื่นเต้นมากที่จะมีโอกาสได้ดูคอนโชว์ของ Celine สักครั้งหนึ่งในชีวิต
วาร์ปมาวันที่ วันที 23 กรกฎาคม 2561 วันที่ทุกคนรอคอย
ผมมาอิมแพคช่วงบ่ายสองโมง มีโอกาสเจอเพื่อนๆหลายชาติเลยครับ
ทุกคนมาเพื่อดูคอนเสิร์ตและถือโอกาสเที่ยวไทยไปในตัวด้วย
บรรยากาศก่อนเริ่มงานเต็มไปด้วยความครึกครื้นและรอยยิ้ม
ประตูแรกเปิดให้เข้าภายในงานเวลาห้าโมงเย็นครับ มีการสแกนร่างกาย
ตรวจสอบสัมภาระติดตัว ตามมาตรฐานความปลอดภัย
ซึ่งเข้มงวดดีมาก ขอชื่นชมสตาฟทุกท่านครับ
ภายในงานมีการจำหน่ายของที่ระลึกมากมาย และแบล็คดรอปน่ารักๆให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
คนเริ่มเข้ามาในงานเยอะพอสมควรครับ เรียกได้ว่ามีทุก generation จริงๆ
บ้างถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ บ้างก็ใส่หูฟัง lips sync ตามเพลง น่ารักไปอีกแบบครับ
ประตูที่สองเปิดให้เข้าด้านในอารีน่าเวลา1ทุ่มครึ่งตรงเป๊ะ ไม่มีเลท
Yippy!!! ตื่นเต้นๆ ในที่สุดก็ใกล้ได้ดูโชว์แล้ว
เวลา 2 ทุ่มตรง Verinic Dicaire (support act) ก็ออกมาเอนเตอร์เทนแฟนๆ อย่างสนุกสนาน
ให้พร้อมก่อนการดูคอนเสิร์ตในอีกไม่กี่นาทีครับ
และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงครับ
2 ทุ่ม 50 นาที อินโทรของ The power Of Love ก็เริ่มบรรเลง
Celine ปรากฏตัวในชุดสีทอง ทะมัดทะแมง พร้อมส่งรอยยิ้มให้แฟนๆ
ผู้ชมทั้งอารีน่าพร้อมกันยืนปรบมือ และส่งเสียงต้อนรับเธอด้วยความดีใจ สมกับการรอคอยกว่า 3 ทศวรรษ
ออร่าความเป็นดีว่าของเธอนั้นเปล่งประกายไปทั้งอารีน่า ตัวจริงเซลีนสวยกว่าในวิดิโอมากๆ
สูง ผมสีทอง ตาสวย นัยน์ตาสีน้ำตาล เหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์เลย
เสียงร้องของเธอไม่เคยทำให้แฟนเพลงผิดหวัง
แทบไม่น่าเชื่อว่าศิลปินในวัย 50 ปี จะรักษาคุณภาพเสียง และเพอร์ฟอร์มโชว์ได้ดีขนาดนี้
ในใจแอบคิดไว้ว่า ไทยเป็นประเทศสุดท้ายในเอเชียทัวร์ เซลีนคงพลังหมดแล้ว
แต่ตรงกันข้ามทั้งหมด ทุกอย่างมาเกิน 100% เป็นโชว์ได้สมบูรณ์ที่สุด
ส่งพลังเข้าถึงคนดูได้ทั้งหมด ด้วยความน่ารัก และเอนเตอร์เทนคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม
ส่วนแฟนๆเองก็น่ารักมากเช่นกัน ส่งพลังและมีส่วนร่วมกับโชว์ตลอด
รูปแบบของ production ค่อนข้างเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน
แต่ต้องยอมรับว่าเธอคนเดียว สามารถคอนโทรลคนทั้งอารีน่าได้
เสียงร้องและพลังของ Celine มาเต็มจริงๆ
หลังจากจบเพลง That’s the way is it
Celine กล่าวทักทายแฟนๆ ด้วยคำว่า "ขอบคุณค่ะ" เป็นภาษาไทย พร้อมประนมมือไหว้ น่ารักมากๆ
ก่อนจะพูดคุยกับแฟนๆ นานพอสมควร
ส่วนตัวไม่เคยเห็นศิลปินระดับโลกกล่าวทักทายแฟนๆนานขนาดนี้ เธอพูดเก่งมากจริงๆ 555
ต่อด้วย I’m Alive และ Because you loved me ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรักอีกครั้ง
ใครมีแฟนก็โอบกอดกันไปนะครับ ส่วนผมไม่มี กอดตัวเองก็ได้ หึๆ
หลังจากนั้น Celine ก็ไปเปลี่ยนชุดด้วยความเร็วเหนือแสง และกลับมาในเพลง It’s all coming back to me
อินโทรเพลงนี้อลังการมากๆ ครับ ต่อด้วย Beauty and the Beast, Ashes,
Think Twice และ Falling in to you ซึ่ง Celine เองโชว์สเต็ปพลิ้วไหว
เรียกได้ว่าไม่กลัวข้อเข่าเคล็ดกันเลยทีเดียว ขอแซวหน่อยเถอะครับ ฮ่าๆ
ตามมาด้วย Pour que tu m’aimes encore กับ Recovering ส่วนตัวผมชอบสองเพลงมากนี้ครับ
Celine ร้องได้ซึ้งกินใจจริงๆ ทุกเนื้อเพลงที่ร้องออกมา เรียกได้ว่าออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของ Celine เลย
โดยเฉพาะ Recovering อินจัดกับเพลงนี้ น้ำตาคลอกันเลยทีเดียว
ในส่วนของ All By Myself นั้น Celine ยังคงแผดเสียงได้ไกลถึงดาวอังคารเช่นเคย
ตามมาด้วย At Seventeen ซึ่ง Celine เคยเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอนั้น
เหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ เป็นคนฟันไม่สวย เรียนก็ไม่เก่ง
แต่ในขณะเดียวกันก็โชคดี ที่พระเจ้าให้พรวิเศษกับเธอ ด้วยเสียงอันไพเราะ
(ใครมันจะเฟอร์เฟคไปซะทุกอย่าง จริงมั้ย เห้ยย!!)
จึงกลายเป็นเพลง A New Day Has Come วันใหม่ที่สดใสได้เริ่มขึ้นแล้วนะ
เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ให้กำลังใจและเติมเต็มหัวใจของคนที่กำลังท้อได้ดีเลยทีเดียว
หลังจากที่นั่งฟัง Celine กับ วงออเคสตร้า แบบชิลๆกันไปแล้ว
ก็ได้เวลาลุกขึ้นมาด๊านซ์กันหน่อยกับทีม Backup singers
เรียกว่าว่าแฟนทุกๆ generation ตั้งแต่รุ่นคุณป้า มาถึงรุ่นหลานๆ
ลุกขึ้นมาออกสเต็ปด๊านซ์ไม่มีใครยอมใครจริงๆ
โชว์ใกล้จบเต็มทีแล้ว Celine กลับมาในชุดฟรุ๊งฟริ๊งสีเงิน
Celine เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้มากๆ ในชุดนี้ ขาเรียวสวยจริงๆ
ต่อกันด้วย Purple Rain ซึ่งในเพลงนี้แฟนๆทั้งอารีน่าก็พร้อมใจกันเปิดแฟลชส่องสว่าง
เสมือนเป็นดวงดาวเล็กๆ ระยิบระยิบระยับบนท้องฟ้า เป็นโมเมนท์ที่สวยงามมากจริงๆ ครับ
หลังจาก Love Can Move Mountains และ River Deep Mountain High จบลง
อารีน่าก็มืดไปชั่วขณะพร้อมกับเสียงกรี๊ดและปรบมือที่ดังไม่หยุด
ไม่นานฮัมเพลง My Heart Will Go On ก็ดังขึ้น
พร้อมที่จะนำทุกคนในอารีน่า กลับไปยังเรือไททานิคอีกครั้ง
Celine ปรากฎตัวในเพลงสุดท้ายของโชว์นี้ ด้วยเดรสสีชมพู มีเคฟด้านหลังที่ไม่ยาวมากนัก
เสียงร้องที่ก้องกังวาน ใสเหมือนนกไนติงเกล ผสานไปกับมูฟเมนท์ที่พริ้วไหวของ Celine
เรียกได้ว่าเป็นเพลงที่อมตะ เปรียบเสมือน Signature ของเธอ และเป็นเพลงที่ทุกคนรอคอยเลยก็ว่าได้
เชื่อว่าทุกคนมีความสุขและร้องเพลงตามกันแน่นอน
ส่วนผมหน่ะเหรอ ร้องให้สิครับ 555 มันตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก หลายๆคนก็ร้อง ผมรู้นะ ฮ่าๆ
Celine เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเพลง My Heart Will Go On ว่า ต้องร้องเพลงนี้อีกแล้วหรอ
เธอต้องร้องเพลงนี้ซ้ำๆกันเป็นพันครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นครั้งแรกของใครหลายคน
เธอบอกว่าครั้งหนึ่ง ขณะที่ร้องเธอร้องเพลงนี้ เธอมองเห็นแววตาและใบหน้าของคู่รักคู่หนึ่งที่
ที่จับมือกันน้ำตาคลอ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ในขณะที่ฟังเธอร้องเพลงนี้
จึงทำให้เธอไม่เคยถามตัวเองอีกเลย ว่าต้องร้องเป็นครั้งที่เท่าไหร่
ซึ่งผมเข้าใจคำพูดของเธออย่างลึกซึ้งก็วันนี้นี่แหละ ฮืออออ....ครายยย
ผมจ้อง Celine แทบไม่กระพริบตา ไม่อยากจะพลาดแม้แต่วินาทีเดียวของโชว์นี้
ผมแอบเห็นคุณป้ากับคุณลุง A1 เล่นบทเป็นแจ็คกับโรสด้วยนะ เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ อิจๆ
หลังจากจบโชว์เธอได้กล่าวขอบคุณแฟนๆ นักดนตรี ทีมงานทุกคน ก่อนจะโบกมืออำลาแฟนๆ
ทุกคนในอารีน่ายืนปรบมือ และโห่ร้องสุดเสียงอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ทำให้เธอตัดสินใจเดินกลับมากลางเวทีอีกครั้ง
ก่อนจะเธออธิบายในมุมของศิลปินสู่แฟนๆ อย่างน่ารักและเป็นกันเอง
ว่าการจะทำทัวร์ให้เกิดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก
เธอต้องเดินทางกับทีมงานหลายชีวิต ไปยังประเทศที่เวลาต่างกัน สภาพภูมิอากาศ
และที่สำคัญที่สุดคงเป็นการเดินทางกับลูกๆ ของเธอ
(ตลอดระยะเวลาการทำงานของ Celine จะมี Rene สามีอันเป็นที่รักคอยให้กำลังใจในทุกโชว์
แต่ในครั้งนี้ไม่มีอีกแล้ว ลูกคงเปรียบเสมือนตัวแทน และกำลังใจที่ดีที่สุดของเธอ)
ก่อนจะร้องเพลง I Can’t Help Falling In Love แบบ Acappella เป็นเพลงสุดท้ายจริงๆ
Celine กล่าวขอบคุณแฟนๆ อย่างถ่อมตัวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเฟดตัวหายไป
ซึ่งหมายความว่าโชว์ได้จบลงแล้ว
แฟนๆพร้อมใจกันปรบมืออีกครั้งและตะโกนบอกรัก Celine ก่อนที่จะเดินออกจากอารีน่า
เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไปเร็วมาก
เป็นโชว์ที่ลงตัวทุกอย่าง ไม่เกิน ไม่ขาด และเข้าถึงคนดูอย่างแท้จริง
ไม่ว่าหลายคนๆจะตั้งฉายาเธอว่า ลีเจนด์ ดีว่า ป้าเตารีด สิรินีออน เหี่ยวศรี หรืออะไรก็ตาม
แต่เธอคือตัวแทนของการส่งความสุขผ่านเสียงเพลง
เธอคือศิลปินหญิง ผู้เป็นที่รักของคนทั่วโลก
สุภาพสตรีวัยกลางคนผู้มีรอยยิ้มอันสดใส ยืนร้องเพลงด้วยไมค์โครโฟนสายธรรมดา
บนเวทีสี่เหลี่ยมแบบเรียบง่าย จะเป็นภาพแห่งความทรงจำ ที่ผมไม่มีวันลืม
We love you “CELINE DION”
ขอบคุณภาพสวยๆ จากน้อง Ton Saeguay และ Celine Dion Thailand ครับ