คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 32
ขออนุญาตเล่าเรื่องตัวเองนะคะ
เป็นลูกเลี้ยงเหมือนกันค่ะ ที่บ้านมีธุรกิจขนาดเล็ก แต่พ่อไม่อยากให้เรียน อยากให้ช่วยค้าขายที่บ้าน
อนาคตอยากให้ช่วยพี่ เพราะจะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้พี่ชายค่ะ แล้วให้พี่ชายเลี้ยงดู คิดได้ทันทีว่า
ต้องออกจากบ้าน
เริ่มจากหางานทำก่อน พอได้งาน ทำได้ 3 อาทิตย์ พ่อแม่เริ่มไม่อยากให้ไปทำแล้วค่ะ เลยบอกเค้าว่า
ขอทำให้ครบเดือนก่อน ได้เงินแล้วจะออก พอได้เงินมาตัดสินใจออกจากบ้านเลยค่ะ
ออกจากบ้านตอนอายุ 20 ออกมาอยู่คนเดียว เช่าห้อง 2,500 เงินเดือน 6,000 บาท(25 ปีที่แล้ว)
อยู่คนเดียวเหงามากๆ ค่ะ เพราะเคยอยู่คนเยอะ ทั้งคนงานและญาติ แต่คิดว่าเราต้องอยู่ให้ได้ คนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ ให้กำลังใจตัวเองแบบนี้มาตลอด อีกความรู้สึกคือ อิสระ ปลดปล่อย สบายใจ
2 ปีแรก ไม่ได้ติดต่อที่บ้านเลย แต่ต้องกลับไปเลือกตั้งแถวบ้าน เลยได้เจอแม่ค่ะ แม่ไม่ได้ว่าอะไร
แม่ชวนเข้าไปในบ้าน ก็เจอพ่อค่ะ พ่อถามแค่ว่าสบายดีหรือเปล่า อยู่ได้ไหม เรียกให้อยู่กินข้าวก่อน
หลังจากนั้นก็พยายามกลับเข้าบ้านทุกวันอาทิตย์ เราจะดูมีคุณค่าขึ้นมาทันที เพราะเราพึ่งพาตัวเอง
หาเงินเอง จากที่เคยโดนมองข้าม ก็เริ่มมีคนเห็นหัว ทำให้เค้ารู้ว่าเราเก่ง เอาตัวรอดได้
รับผิดชอบตัวเองได้ คราวนี้พูดอะไรเค้าก็เริ่มฟังแล้วค่ะ กลายเป็นคนสำคัญ
สุดท้ายแล้วใช้ชีวิตข้างนอก 10 ปี พออายุ 30 กลับเข้ามาอยู่บ้านเพราะทั้งพ่อและแม่แก่แล้ว หมดแรง
อยากให้เรามาอยู่ข้างๆ ก็ลาออกจากงานมาอยู่บ้าน เปิดร้านค้าขายเล็กๆ ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่วัยชรา
จนทั้ง 2 เสียชีวิตแล้วทั้งคู่
อยากแนะนำให้ออกมานะคะ แล้วเราจะรู้ค่ะว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง มาสู้ด้วยตัวเอง
ในขณะที่ ตอนนี้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรา เค้ายังมีแรง เค้ายังดูแลตัวเองได้ เราก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร
เป็นลูกเลี้ยงเหมือนกันค่ะ ที่บ้านมีธุรกิจขนาดเล็ก แต่พ่อไม่อยากให้เรียน อยากให้ช่วยค้าขายที่บ้าน
อนาคตอยากให้ช่วยพี่ เพราะจะยกทรัพย์สินทั้งหมดให้พี่ชายค่ะ แล้วให้พี่ชายเลี้ยงดู คิดได้ทันทีว่า
ต้องออกจากบ้าน
เริ่มจากหางานทำก่อน พอได้งาน ทำได้ 3 อาทิตย์ พ่อแม่เริ่มไม่อยากให้ไปทำแล้วค่ะ เลยบอกเค้าว่า
ขอทำให้ครบเดือนก่อน ได้เงินแล้วจะออก พอได้เงินมาตัดสินใจออกจากบ้านเลยค่ะ
ออกจากบ้านตอนอายุ 20 ออกมาอยู่คนเดียว เช่าห้อง 2,500 เงินเดือน 6,000 บาท(25 ปีที่แล้ว)
อยู่คนเดียวเหงามากๆ ค่ะ เพราะเคยอยู่คนเยอะ ทั้งคนงานและญาติ แต่คิดว่าเราต้องอยู่ให้ได้ คนอื่นทำได้ เราต้องทำได้ ให้กำลังใจตัวเองแบบนี้มาตลอด อีกความรู้สึกคือ อิสระ ปลดปล่อย สบายใจ
2 ปีแรก ไม่ได้ติดต่อที่บ้านเลย แต่ต้องกลับไปเลือกตั้งแถวบ้าน เลยได้เจอแม่ค่ะ แม่ไม่ได้ว่าอะไร
แม่ชวนเข้าไปในบ้าน ก็เจอพ่อค่ะ พ่อถามแค่ว่าสบายดีหรือเปล่า อยู่ได้ไหม เรียกให้อยู่กินข้าวก่อน
หลังจากนั้นก็พยายามกลับเข้าบ้านทุกวันอาทิตย์ เราจะดูมีคุณค่าขึ้นมาทันที เพราะเราพึ่งพาตัวเอง
หาเงินเอง จากที่เคยโดนมองข้าม ก็เริ่มมีคนเห็นหัว ทำให้เค้ารู้ว่าเราเก่ง เอาตัวรอดได้
รับผิดชอบตัวเองได้ คราวนี้พูดอะไรเค้าก็เริ่มฟังแล้วค่ะ กลายเป็นคนสำคัญ
สุดท้ายแล้วใช้ชีวิตข้างนอก 10 ปี พออายุ 30 กลับเข้ามาอยู่บ้านเพราะทั้งพ่อและแม่แก่แล้ว หมดแรง
อยากให้เรามาอยู่ข้างๆ ก็ลาออกจากงานมาอยู่บ้าน เปิดร้านค้าขายเล็กๆ ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่วัยชรา
จนทั้ง 2 เสียชีวิตแล้วทั้งคู่
อยากแนะนำให้ออกมานะคะ แล้วเราจะรู้ค่ะว่าเรามีความสามารถอะไรบ้าง มาสู้ด้วยตัวเอง
ในขณะที่ ตอนนี้พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรา เค้ายังมีแรง เค้ายังดูแลตัวเองได้ เราก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร
สุดยอดความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
เพื่อนๆ ที่เคยอยู่ระบบ กงสี แล้วย้ายออกมาทำงานข้างนอกชีวิตเป็นไงบ้างครับอยากได้คำแนะนำ (กำลังคิดจะออกจากกงสี)
การทำงานตอนนั้นหนักมาก ทำ 9.00-18.00 แต่มันจะมีโอทีบังคับ ทำให้เลิกไม่ต่ำกว่า5ทุ่มทุกวัน
พีคสุดคือทำจนเช้าของอีกวันนึง ประมาณ 8.00 แต่ตอนนั้นเงินก็พอใช้ได้อยู่ ประมาณ 14000-15000 (ตอนนั้นวุฒิม.3)
เนื่องจากทำงานเหนื่อยจนพ่อแม่เห็น พ่อแม่จึงให้ มาทำในกงสี ทำงานที่ค่อยข้างละเอียด เพราะถือเงินจำนวนมาก ต้องไปธนาคารทำธุรกรรม บ่อยๆ
หรือไปทำธุระของบริษัทที่อื่นบ่อยๆ ตอนแรกคุณพ่อให้ 5000 จนวันนี้ได้ 12000 ก็พออยู่ได้ เพราะไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายอะไร
ตอนนี้มีเงินเก็บ 70000
การศึกษา ผม ได้ศึกษา กศน พร้อมกับพรีดีกรีรามคำแหง เอกประวัติศาสตร์ จนตอนนี้ เก็บหน่วยกิต ที่รามคำแหงครบ แล้ว
แต่ขาดวุฒิ กศน ม.6 จะได้วุฒิ กศน ตอนเดือน พ.ค62 ก็จะทัน เทอม1/62 ของรามคำแหงพอดี ก็มีสิทธิ์ยื่นจบได้ และน่าจะได้รับทรานสคริปไม่เกิน เดือน พ.ย 2562
ทำไมถึงอยากออก ตรงนี้เป็นคำตอบที่ตอบคนภายนอกยากพอสมควรแต่ผมคิดว่าคนที่ผ่านระบบกงสีมาคงรู้ การทำงานที่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของหัวหน้าครอบครัว เริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่แน่นอนในอนาคต(ผมเป็นแค่ลูกบุญธรรม) (เช่นเมื่อ2 เดือนก่อนเจอแม่ตะคอกใส่หน้าว่าอย่าหวังว่าจะได้อะไรจากบ้านหลังนี้ ต่อไปนี้เรื่องทุกอย่างการเงินไม่ต้องมารู้ เหตุผลเพียงเพราะเราบอกราคาสินค้าลูกค้าเกินที่เค้าคิด)
การทำงาน ตอนนี้ผมไม่ได้หยุดมา 8เดือนแล้ว ทำงานวัน12ชั่วโมง วันหยุดไม่มี ขนาดขอไปเรื่องเรียน กศน ยังโดนบ่นจนต้องขอครูยกเลิกกันไป
ประกันสังคมไม่มี ประกันอุบัติเหตุ สุขภาพ ชีวิต ไม่มีให้ ตอนนี้เหมือนเริ่มเอาวันไปเปรียญกับลูกน้อง ที่รับได้ยาก คงมีงานอย่างนึงเสียหาย มันเป็นงานที่ทุกคนต้องช่วยกันทำ แต่เวลาเกิดเหตุอะไรทำให้มันเสียหาย พ่อผมบอกจะหักเงินผม คนเดียวทั้งๆที่ทำกันหลายคน...............ใจจริงมีเป็นล้านคำอยากพูดออกมา
ถึงตรงนี้ก็อยากถามรุ่นพี่ที่ทนไม่ไหวกับกงสีจนกลายเป็นทำงานปกติ ว่า
1 ปรับตัวยากไหมกับการทำงานข้างนอก
2 ใช้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง
3 ความสุขเพิ่มขึ้นไหม
4 อะไรที่อยากแนะนำ
5 ความสัมพันธ์กับครอบครัวเปลี่ยนไปไหม
ตอนนี้ผมยังไม่ได้ อยากได้รับฟังคำตอบก่อนจึงเริ่มหา
หอพักที่จะไปใหม่ไม่ได้ไกลจากบ้านเลย เป็นคอนโดเก่าๆ เดือนละ 4000 แต่อบอุ่น เพราะผมอยู่ที่นี้มาแต่3 ขวบ ทุกคนระแวกนี้ดูแลกัน มีเพื่อน มีสังคม
เหมือนเราแค่เปลี่ยนจากบ้างเป็นคอนโด แต่สังคมเรายังเหมือนเดิม มาที่นี้แล้วรู้สึกเป็นมุมพักผ่อนของเรา
ตอนนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะออกเลยแบบไม่บอกใครแบบแอบเตรียมแนไว้หรือจะบอกครอบครัวไว้
งานตำแหน่งเรา เป็นงานที่ต้องจ้าง2ตำแหน่งมาแทนเรา เพราะเราอยู่ทั้งในสถานที่และนอกสถานที่(ไม่งั้นคงมีวันหยุดบ้างแล้วทุกคนมีหมดยกเว้นผม)