หากเรายืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน
มุมที่มองเห็นย่อมแตกต่างกันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าสิ่งที่กำลังมองดูและอยากให้ปรากฏแก่สายตา คือสิ่งเดียวกันก็ตาม
LIFE บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่ทำหน้าที่
“รักษาชีวิต” โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องอยู่ในโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยซังกุก อันเป็นโรงพยาบาลชั้นนำติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ไล่เรียงกันตั้งแต่ ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ โดยมีแกนหลักของเรื่องอยู่ที่ผู้บริหารสูงสุดที่จะนำพาโรงพยาบาลให้ดำเนินกิจการไปได้ตลอดรอดฝั่ง และสร้างผลกำไรให้สูงที่สุดเท่าที่ช่องทางจะมีให้ หรือหากช่องทางมันคับแคบติดขัดนักก็สร้างช่องทางมันขึ้นมาซะเองเลย ทำทุกวิถีทางให้มันเกิดขึ้นให้จงได้
ซีรีส์เปิดซีนแรกด้วยการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพรักของคนเกือบทั้งโรงพยาบาล บรรยากาศขมุกขมัวอึมครึมที่เกิดขึ้น ในขณะที่เหล่าบุคลากรในโรงพยาบาลยังอยู่ในความมึนงงสงสัย ตามติดมาด้วยประธานคนใหม่ของโรงพยาบาลที่ถูกส่งมาจากฮวาจองกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่เจ้าของกิจการมากมาย ทั้งธุรกิจประกันชีวิต ผู้ผลิตผู้จัดจำหน่ายยา อาหารเสริม และล่าสุด เจ้าของรายใหม่ของโรงพยาบาลซังกุกแห่งนี้
แน่นอนว่าทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ย่อมส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตในโรงพยาบาล โดยเฉพาะเหล่าแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิและท่านประธานผู้มาใหม่
อย่างไม่ลดราวาศอกของทั้งสองฝ่าย ในนามของ
“มนุษยธรรม” และ
“ผลกำไรสูงสุด” ไม่ใช่แค่ประเมินสถานการณ์ แต่ตั้งป้อมอยู่บนจุดที่ตัวเองมองเห็นอย่างชัดเจน และเชื่อมั่นว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดและหรือถูกต้องที่สุด การเผชิญหน้า การปะทะกัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แม้โรงพยาบาลจะได้ชื่อว่าเป็นสาธารณูปการของรัฐที่ดูแลและรับใช้ประชาชน แต่โดยเงื่อนไขการบริหารการจัดการเปรียบไปไม่ต่างกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต่างมุ่งหวังผลกำไรและดิ้นรนให้หลุดพ้นจากภาวะขาดทุน เพียงแต่นี่คือโรงพยาบาลที่เราไม่ได้กำลังพูดถึงบริการหรือสินค้าทันสมัยรุ่นใหม่ล่าสุด แต่คือการทำงานอยู่บน
“ความเป็น-ความตาย” ของชีวิต
LIFE ที่ไม่ใช่ซีรีส์แนวการแพทย์อย่างที่หลายคนอาจเข้าใจ แต่คือดราม่าที่พูดถึงเรื่อง
“ชีวิต” แบบเน้นๆ ตามความหมายชื่อภาษาอังกฤษของเรื่อง
การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ
นักเขียน Lee Soo-Yeon และนักแสดงหลักสามคน จากซีรีส์ที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว
Secret Forest หรือ
Stranger จากค่าย tvN นักแสดงหลักทั้งสามที่ต่างได้รับเสียงชื่นชมยกย่องจากการแสดงของพวกเขาคือ
โจซึงอู, ยูแจ-มยอง และ อี-คยูฮยอง
ร่วมด้วย นักแสดงชายแถวหน้าอย่าง
อีดงอุค นางเอกสาวหน้าใหม่มาแรงอย่าง
วอนจินเอ เมื่อมารวมกับการกำกับจาก
ผู้กำกับสายดราม่าชื่อชั้นดีงาม
Hong Jong-Chan เจ้าของผลงานอย่าง
Dear My Friends, Live Up To Your Name ทำให้นักดูแฟนซีรีส์เกาหลีต้องตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นรอคอย
โจซึงอู หรือ โชซึงอู
(Cho Seung-Woo) มารับบทเด่น
ประธานกูซึงฮโย
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง, มาดมั่น และมีประวัติการทำงานโดดเด่นเป็นเลิศ มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรือเกิดมาเป็นทายาทตระกูลใหญ่อะไร แต่ด้วยความเก่งกาจสามารถของเขาล้วนๆ
เป็นอีกบทบาทการแสดงที่ท้าทายโจซึงอู แต่ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงนักแสดงผู้มีรางวัลรับประกันฝีมืออย่างเขา กูซึงฮโยเปิดตัวกับคนดูด้วยความแรงและพร้อมชนทุกคนที่อยู่ในเส้นทางของเขา แต่ไม่ใช่ประเภทไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล สิ่งที่ทำให้คนดูลุ้นไปกับเขาตลอดทางก็เพราะความ เล่นตรงตรง ไม่โยกโย้โยนเกม ที่จะทำให้เขาได้หัวใจของคนดูไปครอง เผลอๆ จะได้หัวใจของหมอสาวไปด้วย
ฉากจบของ first episode ที่ไม่ใช่การปรากฏตัวครั้งแรกในซีรีส์เรื่องนี้ แต่คือการเปิดตัวครั้งแรกของประธานกูซึงฮโย ต่อหน้าเหล่าแพทย์และพยาบาล ที่มารวมตัวกันเพื่อหาแนวทางในการรับมือประธานหนุ่มคนใหม่ของโรงพยาบาลซังกุก ในสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ฉันอยากขายในฉากนี้ นอกเหนือจากการแสดงของโจซึงอู เล่นละเอียด,ดีงามอย่างที่เห็น ก็คืองานด้านเสียง ทั้งดนตรีประกอบและเสียงอื่นๆ ที่ถูกใส่เข้ามาในฉาก งานด้านภาพ การเคลื่อนกล้อง มุมมองภาพแทนสายตา รวมกับการแสดงของโจซึงอู อากัปกิริยาทุกการเคลื่อนไหวของเขา ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกร่วมของผู้ชมอย่างมาก จากที่อาจจะเป็นเพียงการต่อปากต่อคำกันธรรมดาๆ กลายเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่ใช่การมาฝากเนื้อฝากตัว แต่คือการประเมินสถานการณ์ ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน (และท้าทาย )
ส่วนตัวขอบอกว่า อีพีแรก จากที่ดูเรื่อยๆ มาตลอดชั่วโมง จนมาถึงฉากที่เป็น “ฉากจบตอน” ฉากนี้ ฉัน
“ตื่น” และ
แทบจะหยุดหายใจ
อีดงอุค (Lee Dong Wook) ในบท
คุณหมอเยจินอู แห่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
คุณหมอหนุ่มผู้เอาการเอางานบนท่าทีเรียบเฉย และมีสายสัมพันธ์กับคุณหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างแน่นแฟ้น
นอกจากปมเรื่องครอบครัวที่เปิดตัวกันมาตั้งแต่ต้น คุณหมอหนุ่มหน้าตามีความครุ่นคิดอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา อุบัติเหตุของครอบครัวในวัยเด็กที่ส่งผลรุนแรงในวันนั้นและตามต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คุณหมอเยจินอู หนึ่งในผู้ที่ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับประธานกูซึงฮโย คนที่บอกจะโยกย้ายหน่วยแพทย์ฉุกเฉินของเขาไปยังศูนย์แพทย์ชนบท เพราะความไม่ทำกำไรแถมยังมีรายได้ขึ้นตัวแดงสามแผนกล่างสุดของโรงพยาบาล
ยูแจ-มยอง ในบท
คุณหมอจูคยองมุน
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอก ผู้ไม่เคยปฏิเสธคนไข้แม้แต่รายเดียว ทำงานวันละ 36 ชั่วโมง เพื่อทดแทนความขาดแคลนของแพทย์ในแผนก หนึ่งเดียวที่ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ซังกุก คุณหมอผู้ทุ่มเทชีวิตและความสามารถทั้งหมดที่มีให้กับคนไข้ของเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวละครที่ไม่สนใจตำแหน่งแห่งที่อันมียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ เป็นหนึ่งในตัวละครที่คนดูจะรู้สึกใกล้ชิดและเป็นมิตรต่อจิตใจอย่างที่สุด ราวกับจะพูดได้ว่า ถ้ามีหมอแบบเขาเยอะๆ เราก็อุ่นใจทุกครั้งเมื่อไปโรงพยาบาล
เท่าที่ดูมาถึงตอนที่ 6 โดยส่วนตัวของฉัน รู้สึกผูกพันกับตัวละครนี้เป็นพิเศษ การแสดงของยูแจ-มยองนั้น นิ่งแต่ลึก ขนาดโจซึงอูที่การแสดงโดดเด่นมากแล้ว ซีนไหนที่ออกพร้อมกันทั้งสองคน บอกเลยว่าน้องโจก็กินพี่ยูไม่ลงค่ะ
วอนจินเอ ในบท
คุณหมออีโนอึล
คุณหมอสาวแห่งแผนกกุมารเวช เรียกภาษาชาวบ้านว่า หมอเด็ก เธอคือหมอรักษาเด็กที่ตัวเล็กและหน้าเด็ก เหมือนเป็นเด็กซะเอง เพื่อนผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหมอเยจินอู แถมยังใกล้ชิดมาถึงน้องชายคนเดียวของคุณหมอเยจินอูอีกด้วย
เมื่อเธอต้องทำงานใกล้ชิดกับเด็ก นี่อาจมีส่วนที่ทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อประธานกูซึงฮโย จึงมีความเข้าอกเข้าใจมองตามความเป็นจริงและเหมือนจะเอ็นดูอยู่นิดๆ ทั้งๆ ที่เขาน่าจะเป็นฝ่ายเอ็นดูเธอมากกว่า
อีคยู-ฮยอง ในบท
เยซอนอู
น้องชายผู้มีชีวิตอยู่บนรถเข็นของคุณหมอเยจินอู เป็นทั้งน้องชายและเพื่อนสนิท เป็นคนที่จะมาปรากฏตัวในความคิดคำนึงของคุณหมอจินอูอยู่เนืองๆ ในสถานการณ์ที่ติดขัด โดยที่คุณหมออาจจะต้องการหรือไม่ต้องการตัวช่วยก็ตามแต่ ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชีวิตเขาย่อมส่งผลโดยตรงกับคุณหมอจินอูอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้ ในเรื่องราวตอนต่อๆ ไป
มุนโซริ ในบท
คุณหมอโอเซฮวาผู้กราดเกรี้ยว
หัวหน้าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง เป็นตัวละครหลักอีกตัวที่ออกมายืนท้าชนประธานกูซึงฮโยอย่างชัดเจน นอกจากเป็นสีสัน บทของเธออาจเป็นตัวแปรสำคัญอีกคนในเรื่องนี้
และเหล่าอาจอชี่-อาจุมม่า ที่คุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นฝีไม้ลายมือกันเป็นอย่างดีอีกนับสิบ ไล่เรียงชื่อกันยาวเหยียด ล้วนคัดสรรกันมาได้อย่างเหมาะสมเหมาะเจาะลงตัวทุกตัวละคร
โอ้ . . ชีวิต . . . คิดไฉน
จริงหรือ ในฐานะคุณหมอผู้ทรงคุณวุฒิที่จะทุ่มเทเหมือนกันทุกคน อย่างสุดจิตสุดใจให้กับคนไข้ แล้วความผิดพลาดทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นได้เสมอ จะมีคุณหมอกี่คนหรือโรงพยาบาลกี่แห่ง ที่ออกมาเชิดหน้ายอมรับความผิดพลาดนั้นอย่างจริงใจและด้วยความรับผิดชอบ
จริงหรือ ที่ผู้บริหารที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อความเจริญก้าวหน้าของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายคือผลกำไรสูงสุด จนขาดแคลนมนุษยธรรมในจิตใจ
วิธีการเล่าเรื่องของนักเขียนอีซูยอน ที่ไม่บอกเล่าอะไรเยอะ ไม่เปิดเผยความคิด ความรู้สึกของตัวละครจนเกินจำเป็น หรือในเวลาที่เร็วเกินไป ความอมพะนำของตัวละคร ชวนให้เราอยากขุดค้นให้ลึกลงไปในจิตใจและท่าทีของพวกเขา เป็นนักเขียนที่มีวิธีการเล่าเรื่องได้น่าติดตามและมีลายเซ็นที่คมชัดมาก
ในความหม่นๆ เทาๆ ของตัวละครแต่ละคน มันไม่ง่ายที่จะชี้หน้าใครสักคนแล้วบอกว่าเขาหรือเธอคือตัวร้าย ในความเป็นจริงของชีวิต ทุกคนล้วนมีความเทาๆ ในชีวิต ใครได้เคยติดตามงานเขียนเรื่องก่อนหน้าของเขามาแล้ว จะเข้าใจและอาจจะพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉันในประเด็นนี้
มันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ กับการที่แพทย์ผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และใช้มนุษยธรรมเป็นพื้นฐานในการรักษาชีวิตคนไข้ไว้ให้ได้ จะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับท่านประธานหนุ่มไฟแรงและมุ่งมั่นผู้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่เพียงให้โรงพยาบาลพ้นจากการขาดทุน แต่เพื่อผลกำไรสูงสุดและประโยชน์สูงสุดของกลุ่มธุรกิจที่เขารับผิดชอบอยู่
LIFE ไม่ใช่ซีรีส์แนวการแพทย์ทั่วไป แต่คือดราม่าในวงการธุรกิจ ที่บอกเล่าคุณค่าของชีวิต โดยมีโรงพยาบาลเป็นฉากหลัง มีเหล่าแพทย์พยาบาล รวมทั้งผู้บริหารเป็นตัวแทนของมุมมองในด้านตรงข้ามระหว่าง มนุษยธรรม จริยธรรม และคุณธรรม ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ในบทบาทไหน สามสิ่งนี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ในการใช้ชีวิตที่จะขาดเสียไม่ได้
สิ่งที่ผู้ชมจะได้พบทั้งหมดนี้คือจุดยืนและเรื่องราวของชีวิตที่ร้อยเรียงอยู่ใน
LIFE งานดีๆ จาก JTBC อีกเรื่องในปีนี้
ตัวอย่าง
ost
[ รีวิวซีรีส์ ] [- LIFE -] โอ้ ชีวิต . . . คิดไฉน
หากเรายืนอยู่ในจุดที่ต่างกัน
มุมที่มองเห็นย่อมแตกต่างกันอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าสิ่งที่กำลังมองดูและอยากให้ปรากฏแก่สายตา คือสิ่งเดียวกันก็ตาม
LIFE บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่ทำหน้าที่ “รักษาชีวิต” โดยมีจุดศูนย์กลางของเรื่องอยู่ในโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยซังกุก อันเป็นโรงพยาบาลชั้นนำติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศ ไล่เรียงกันตั้งแต่ ผู้ป่วย แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ โดยมีแกนหลักของเรื่องอยู่ที่ผู้บริหารสูงสุดที่จะนำพาโรงพยาบาลให้ดำเนินกิจการไปได้ตลอดรอดฝั่ง และสร้างผลกำไรให้สูงที่สุดเท่าที่ช่องทางจะมีให้ หรือหากช่องทางมันคับแคบติดขัดนักก็สร้างช่องทางมันขึ้นมาซะเองเลย ทำทุกวิถีทางให้มันเกิดขึ้นให้จงได้
ซีรีส์เปิดซีนแรกด้วยการเสียชีวิตอย่างผิดธรรมชาติของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพรักของคนเกือบทั้งโรงพยาบาล บรรยากาศขมุกขมัวอึมครึมที่เกิดขึ้น ในขณะที่เหล่าบุคลากรในโรงพยาบาลยังอยู่ในความมึนงงสงสัย ตามติดมาด้วยประธานคนใหม่ของโรงพยาบาลที่ถูกส่งมาจากฮวาจองกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่เจ้าของกิจการมากมาย ทั้งธุรกิจประกันชีวิต ผู้ผลิตผู้จัดจำหน่ายยา อาหารเสริม และล่าสุด เจ้าของรายใหม่ของโรงพยาบาลซังกุกแห่งนี้
แน่นอนว่าทั้งสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน ย่อมส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตในโรงพยาบาล โดยเฉพาะเหล่าแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิและท่านประธานผู้มาใหม่
อย่างไม่ลดราวาศอกของทั้งสองฝ่าย ในนามของ “มนุษยธรรม” และ “ผลกำไรสูงสุด” ไม่ใช่แค่ประเมินสถานการณ์ แต่ตั้งป้อมอยู่บนจุดที่ตัวเองมองเห็นอย่างชัดเจน และเชื่อมั่นว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดและหรือถูกต้องที่สุด การเผชิญหน้า การปะทะกัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แม้โรงพยาบาลจะได้ชื่อว่าเป็นสาธารณูปการของรัฐที่ดูแลและรับใช้ประชาชน แต่โดยเงื่อนไขการบริหารการจัดการเปรียบไปไม่ต่างกับธุรกิจอื่นๆ ที่ต่างมุ่งหวังผลกำไรและดิ้นรนให้หลุดพ้นจากภาวะขาดทุน เพียงแต่นี่คือโรงพยาบาลที่เราไม่ได้กำลังพูดถึงบริการหรือสินค้าทันสมัยรุ่นใหม่ล่าสุด แต่คือการทำงานอยู่บน “ความเป็น-ความตาย” ของชีวิต
LIFE ที่ไม่ใช่ซีรีส์แนวการแพทย์อย่างที่หลายคนอาจเข้าใจ แต่คือดราม่าที่พูดถึงเรื่อง “ชีวิต” แบบเน้นๆ ตามความหมายชื่อภาษาอังกฤษของเรื่อง
การกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ นักเขียน Lee Soo-Yeon และนักแสดงหลักสามคน จากซีรีส์ที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว Secret Forest หรือ Stranger จากค่าย tvN นักแสดงหลักทั้งสามที่ต่างได้รับเสียงชื่นชมยกย่องจากการแสดงของพวกเขาคือ โจซึงอู, ยูแจ-มยอง และ อี-คยูฮยอง
ร่วมด้วย นักแสดงชายแถวหน้าอย่าง อีดงอุค นางเอกสาวหน้าใหม่มาแรงอย่าง วอนจินเอ เมื่อมารวมกับการกำกับจากผู้กำกับสายดราม่าชื่อชั้นดีงาม Hong Jong-Chan เจ้าของผลงานอย่าง Dear My Friends, Live Up To Your Name ทำให้นักดูแฟนซีรีส์เกาหลีต้องตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นรอคอย
โจซึงอู หรือ โชซึงอู (Cho Seung-Woo) มารับบทเด่น ประธานกูซึงฮโย
ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง, มาดมั่น และมีประวัติการทำงานโดดเด่นเป็นเลิศ มาถึงจุดนี้ไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรือเกิดมาเป็นทายาทตระกูลใหญ่อะไร แต่ด้วยความเก่งกาจสามารถของเขาล้วนๆ
เป็นอีกบทบาทการแสดงที่ท้าทายโจซึงอู แต่ก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงนักแสดงผู้มีรางวัลรับประกันฝีมืออย่างเขา กูซึงฮโยเปิดตัวกับคนดูด้วยความแรงและพร้อมชนทุกคนที่อยู่ในเส้นทางของเขา แต่ไม่ใช่ประเภทไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล สิ่งที่ทำให้คนดูลุ้นไปกับเขาตลอดทางก็เพราะความ เล่นตรงตรง ไม่โยกโย้โยนเกม ที่จะทำให้เขาได้หัวใจของคนดูไปครอง เผลอๆ จะได้หัวใจของหมอสาวไปด้วย
ฉากจบของ first episode ที่ไม่ใช่การปรากฏตัวครั้งแรกในซีรีส์เรื่องนี้ แต่คือการเปิดตัวครั้งแรกของประธานกูซึงฮโย ต่อหน้าเหล่าแพทย์และพยาบาล ที่มารวมตัวกันเพื่อหาแนวทางในการรับมือประธานหนุ่มคนใหม่ของโรงพยาบาลซังกุก ในสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้น
สิ่งที่ฉันอยากขายในฉากนี้ นอกเหนือจากการแสดงของโจซึงอู เล่นละเอียด,ดีงามอย่างที่เห็น ก็คืองานด้านเสียง ทั้งดนตรีประกอบและเสียงอื่นๆ ที่ถูกใส่เข้ามาในฉาก งานด้านภาพ การเคลื่อนกล้อง มุมมองภาพแทนสายตา รวมกับการแสดงของโจซึงอู อากัปกิริยาทุกการเคลื่อนไหวของเขา ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกร่วมของผู้ชมอย่างมาก จากที่อาจจะเป็นเพียงการต่อปากต่อคำกันธรรมดาๆ กลายเป็นการเผชิญหน้าที่ไม่ใช่การมาฝากเนื้อฝากตัว แต่คือการประเมินสถานการณ์ ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจน (และท้าทาย )
ส่วนตัวขอบอกว่า อีพีแรก จากที่ดูเรื่อยๆ มาตลอดชั่วโมง จนมาถึงฉากที่เป็น “ฉากจบตอน” ฉากนี้ ฉัน “ตื่น” และ แทบจะหยุดหายใจ
อีดงอุค (Lee Dong Wook) ในบท คุณหมอเยจินอู แห่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
คุณหมอหนุ่มผู้เอาการเอางานบนท่าทีเรียบเฉย และมีสายสัมพันธ์กับคุณหมอผู้อำนวยการโรงพยาบาลอย่างแน่นแฟ้น
นอกจากปมเรื่องครอบครัวที่เปิดตัวกันมาตั้งแต่ต้น คุณหมอหนุ่มหน้าตามีความครุ่นคิดอะไรในใจอยู่ตลอดเวลา อุบัติเหตุของครอบครัวในวัยเด็กที่ส่งผลรุนแรงในวันนั้นและตามต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน คุณหมอเยจินอู หนึ่งในผู้ที่ยืนขึ้นเผชิญหน้ากับประธานกูซึงฮโย คนที่บอกจะโยกย้ายหน่วยแพทย์ฉุกเฉินของเขาไปยังศูนย์แพทย์ชนบท เพราะความไม่ทำกำไรแถมยังมีรายได้ขึ้นตัวแดงสามแผนกล่างสุดของโรงพยาบาล
ยูแจ-มยอง ในบท คุณหมอจูคยองมุน
หัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอก ผู้ไม่เคยปฏิเสธคนไข้แม้แต่รายเดียว ทำงานวันละ 36 ชั่วโมง เพื่อทดแทนความขาดแคลนของแพทย์ในแผนก หนึ่งเดียวที่ไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ซังกุก คุณหมอผู้ทุ่มเทชีวิตและความสามารถทั้งหมดที่มีให้กับคนไข้ของเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวละครที่ไม่สนใจตำแหน่งแห่งที่อันมียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆ เป็นหนึ่งในตัวละครที่คนดูจะรู้สึกใกล้ชิดและเป็นมิตรต่อจิตใจอย่างที่สุด ราวกับจะพูดได้ว่า ถ้ามีหมอแบบเขาเยอะๆ เราก็อุ่นใจทุกครั้งเมื่อไปโรงพยาบาล
เท่าที่ดูมาถึงตอนที่ 6 โดยส่วนตัวของฉัน รู้สึกผูกพันกับตัวละครนี้เป็นพิเศษ การแสดงของยูแจ-มยองนั้น นิ่งแต่ลึก ขนาดโจซึงอูที่การแสดงโดดเด่นมากแล้ว ซีนไหนที่ออกพร้อมกันทั้งสองคน บอกเลยว่าน้องโจก็กินพี่ยูไม่ลงค่ะ
วอนจินเอ ในบท คุณหมออีโนอึล
คุณหมอสาวแห่งแผนกกุมารเวช เรียกภาษาชาวบ้านว่า หมอเด็ก เธอคือหมอรักษาเด็กที่ตัวเล็กและหน้าเด็ก เหมือนเป็นเด็กซะเอง เพื่อนผู้ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณหมอเยจินอู แถมยังใกล้ชิดมาถึงน้องชายคนเดียวของคุณหมอเยจินอูอีกด้วย
เมื่อเธอต้องทำงานใกล้ชิดกับเด็ก นี่อาจมีส่วนที่ทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อประธานกูซึงฮโย จึงมีความเข้าอกเข้าใจมองตามความเป็นจริงและเหมือนจะเอ็นดูอยู่นิดๆ ทั้งๆ ที่เขาน่าจะเป็นฝ่ายเอ็นดูเธอมากกว่า
อีคยู-ฮยอง ในบท เยซอนอู
น้องชายผู้มีชีวิตอยู่บนรถเข็นของคุณหมอเยจินอู เป็นทั้งน้องชายและเพื่อนสนิท เป็นคนที่จะมาปรากฏตัวในความคิดคำนึงของคุณหมอจินอูอยู่เนืองๆ ในสถานการณ์ที่ติดขัด โดยที่คุณหมออาจจะต้องการหรือไม่ต้องการตัวช่วยก็ตามแต่ ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชีวิตเขาย่อมส่งผลโดยตรงกับคุณหมอจินอูอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้ ในเรื่องราวตอนต่อๆ ไป
มุนโซริ ในบท คุณหมอโอเซฮวาผู้กราดเกรี้ยว
หัวหน้าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง เป็นตัวละครหลักอีกตัวที่ออกมายืนท้าชนประธานกูซึงฮโยอย่างชัดเจน นอกจากเป็นสีสัน บทของเธออาจเป็นตัวแปรสำคัญอีกคนในเรื่องนี้
และเหล่าอาจอชี่-อาจุมม่า ที่คุ้นหน้าคุ้นตาคุ้นฝีไม้ลายมือกันเป็นอย่างดีอีกนับสิบ ไล่เรียงชื่อกันยาวเหยียด ล้วนคัดสรรกันมาได้อย่างเหมาะสมเหมาะเจาะลงตัวทุกตัวละคร
โอ้ . . ชีวิต . . . คิดไฉน
จริงหรือ ในฐานะคุณหมอผู้ทรงคุณวุฒิที่จะทุ่มเทเหมือนกันทุกคน อย่างสุดจิตสุดใจให้กับคนไข้ แล้วความผิดพลาดทางการแพทย์ที่เกิดขึ้นได้เสมอ จะมีคุณหมอกี่คนหรือโรงพยาบาลกี่แห่ง ที่ออกมาเชิดหน้ายอมรับความผิดพลาดนั้นอย่างจริงใจและด้วยความรับผิดชอบ
จริงหรือ ที่ผู้บริหารที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อความเจริญก้าวหน้าของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายคือผลกำไรสูงสุด จนขาดแคลนมนุษยธรรมในจิตใจ
วิธีการเล่าเรื่องของนักเขียนอีซูยอน ที่ไม่บอกเล่าอะไรเยอะ ไม่เปิดเผยความคิด ความรู้สึกของตัวละครจนเกินจำเป็น หรือในเวลาที่เร็วเกินไป ความอมพะนำของตัวละคร ชวนให้เราอยากขุดค้นให้ลึกลงไปในจิตใจและท่าทีของพวกเขา เป็นนักเขียนที่มีวิธีการเล่าเรื่องได้น่าติดตามและมีลายเซ็นที่คมชัดมาก
ในความหม่นๆ เทาๆ ของตัวละครแต่ละคน มันไม่ง่ายที่จะชี้หน้าใครสักคนแล้วบอกว่าเขาหรือเธอคือตัวร้าย ในความเป็นจริงของชีวิต ทุกคนล้วนมีความเทาๆ ในชีวิต ใครได้เคยติดตามงานเขียนเรื่องก่อนหน้าของเขามาแล้ว จะเข้าใจและอาจจะพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉันในประเด็นนี้
มันจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ กับการที่แพทย์ผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และใช้มนุษยธรรมเป็นพื้นฐานในการรักษาชีวิตคนไข้ไว้ให้ได้ จะเดินไปบนเส้นทางเดียวกับท่านประธานหนุ่มไฟแรงและมุ่งมั่นผู้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่เพียงให้โรงพยาบาลพ้นจากการขาดทุน แต่เพื่อผลกำไรสูงสุดและประโยชน์สูงสุดของกลุ่มธุรกิจที่เขารับผิดชอบอยู่
LIFE ไม่ใช่ซีรีส์แนวการแพทย์ทั่วไป แต่คือดราม่าในวงการธุรกิจ ที่บอกเล่าคุณค่าของชีวิต โดยมีโรงพยาบาลเป็นฉากหลัง มีเหล่าแพทย์พยาบาล รวมทั้งผู้บริหารเป็นตัวแทนของมุมมองในด้านตรงข้ามระหว่าง มนุษยธรรม จริยธรรม และคุณธรรม ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ในบทบาทไหน สามสิ่งนี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ในการใช้ชีวิตที่จะขาดเสียไม่ได้
สิ่งที่ผู้ชมจะได้พบทั้งหมดนี้คือจุดยืนและเรื่องราวของชีวิตที่ร้อยเรียงอยู่ใน LIFE งานดีๆ จาก JTBC อีกเรื่องในปีนี้
ตัวอย่าง
ost