สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันอาทิตย์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)) ประจำการครับ ^^

วันนี้จะชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับ UFO และมนุษย์ต่างดาวอีกครั้ง ในอีกแง่มุมหนึ่ง หลายคนคงเคยดูหนังเรื่อง MIB ‘Men in Black’ (หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล) ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีหน้าที่ปกป้องโลกจากมนุษย์ต่างดาว ซึ่งแสดงโดย ทอมมี่ ลี โจนส์ และ วิลล์ สมิธ มาแล้ว


หนังเรื่องนี้ดูกันสนุกๆครับ แต่ที่จริง เขาสร้างจากเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น และเป็นเรื่องที่ไม่สนุกไม่ตลกเลยสักนิด ถึงขั้นคอขาดบาดตายเลยทีเดียว เพราะ MIB หรือชื่อเต็มว่า MEN IN BLACK = "ชายในชุดดำ" ที่ว่านี้ จะตามไปหาคุณถึงบ้าน ถ้าคุณได้พบเจอ UFO อย่างจะจะ ยิ่งพบเจออะไรอย่างอื่นมากกว่าการแค่ได้เห็น อันตรายยิ่งเพิ่มขึ้น คนชุดดำผู้ลึกลับซึ่งไม่รู้ว่ามาจากไหนและรู้ได้อย่างไรว่าคุณได้เห็น UFO ทั้งๆที่คุณเห็นอยู่คนเดียวและยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จะมาหาคุณถึงบ้าน และข่มขู่คุกคามคุณว่า อย่าบอกเล่าว่าคุณได้เห็นอะไรมาโดยเด็ดขาด ถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป!!

พวกเขาเป็นใครกันแน่ ? และทำไมต้องมาข่มขู่คุกคามกันแบบนี้ ???

เชื่อกันว่า ‘ชายชุดดำ’ (Men in Black) หรือเรียกย่อๆ ว่า ‘MIB’ คือ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ผู้ใดก็ตามที่ได้พบเจอจานบิน UFO หรือ ‘มนุษย์ต่างดาว’ นำเรื่องราวการพบเจอสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกเหล่านี้ไปแพร่งพรายหรือป่าวประกาศออกไปให้คนภายนอกได้รับรู้ บางคนเชื่อว่า แท้จริงแล้วชายชุดดำเหล่านี้ก็คือมนุษย์ต่างดาวที่แปลงกายมา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ชายชุดดำปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อใด แต่เมื่อปีค.ศ. 1947 ‘ฮาโรลด์ ดาห์ล’ (Harold Dahl) ชายชาวอเมริกันได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อว่า ในขณะที่ตนกำลังออกเรือเพื่อเดินทางไปที่เกาะโมรี (Maury Island) ในรัฐวอชิงตัน ตนได้พบเห็นจานบิน UFO ลอยอยู่เหนือน่านฟ้า หลังจากที่ฮาโรลด์ออกมาเปิดเผยต่อสื่อเช่นนั้น เขาและครอบครัวก็ถูกชายใส่ชุดสูทสีดำข่มขู่ เพื่อไม่ใช้พูดถึงเรื่องการพบเห็น UFO อีกนั่นเอง

ต่อมาในปีค.ศ. 1950 ผู้เชี่ยวชาญด้านจานบินต่างดาว (Ufologist) นามว่า ‘อัลเบิร์ต เบนเดอร์’ (Albert Bender) ออกมาเปิดเผยว่า ตนถูกชายชุดดำข่มขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย หากตนไม่เลิกศึกษาเรื่อง UFO อัลเบิร์ตเชื่อว่า ชายชุดดำที่ข่มขู่ตน น่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของทางการสหรัฐฯ นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านจานบินต่างดาวอีกคนนามว่า ‘จอห์น คีล’ (John Keel) ก็ถูกชายชุดดำข่มขู่เช่นกัน จอห์นบอกว่า ชายชุดดำที่มาหาเขามีหน้าตาเคร่งขรึมราวกับปีศาจ ผิวมันราวกับไม่ใช่ผิวของมนุษย์! และผู้เชี่ยวชาญอีกคนนามว่า ‘เจโรม คลาร์ก’ (Jerome Clark) ก็ได้ออกมาเปิดเผยเช่นกันว่า ช่วงเวลาที่ตนได้พบเจอและพูดคุยกับชายชุดดำ ตนมีความรู้สึกราวกับต้องมนตร์สะกด! มันล่องลอยเหมือนไม่ได้พูดคุยอยู่กับมนุษย์!

อย่างไรก็ตาม นักคติชนวิทยานามว่า Peter Rojcewicz ได้อธิบายถึงพฤติกรรมแปลกๆ ของผู้ที่ได้พบกับชายชุดดำเอาไว้ว่า เป็นเรื่องของจิตวิทยา กล่าวคือ หากพูดถึงสีดำทุกคนก็จะต้องคิดถึงปีศาจหรือซาตาน และการที่มีชายแปลกหน้าสวมชุดสีดำสนิทแบบนี้มาขอเข้าพบในยามวิกาล แน่นอนว่าจะต้องเกิดความรู้สึกยำเกรงและสามารถจินตนาการไปเป็นอื่นได้ง่าย ซึ่งแท้จริงแล้ว ชายชุดดำเหล่านั้น อาจจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่รัฐธรรมดาๆ ที่ต้องการเตือนประชาชนว่าห้ามพูดเรื่องการพบเห็นสิ่งลี้ลับจากต่างดาว เพราะอาจทำให้ประชาชนคนอื่นแตกตื่นก็เท่านั้น (แต่ก็ไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับลักษณะที่แปลกประหลาดของ MIB)

ตัวอย่างเหตุการณ์

ปี 1947 ดูเหมือนจะเป็นการ "เปิดตัว" ครั้งแรกของ MIB (เพราะไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้านั้นเคยปรากฏเมื่อไร) ฮาโรลด์ ดาห์ล (Harold Dahl) ออกมาเปิดเผยว่า เขามองเห็น UFO ในขณะที่ตนกำลังอยู่บนเรือในรัฐวอชิงตั้น หลังจากนั้น มีชายสวมชุดสูทสีดำเข้ามาข่มขู่เขาและครอบครัวด้วยว่าอย่าพูดถึงการพบเห็น UFO อีกเป็นอันขาด

ในฤดูหนาวปี ค.ศ.1961 ในค่ำคืนที่ พอล มิลเลอร์ เดินทางกลับจากการล่าสัตว์ เขากล่าวว่าพบเห็นบางสิ่งที่เหมือนจานบินเรืองแสง บินโฉบหายไป จานบินที่ว่าบินอยู่เหนื่อทุ่งนานอกเมืองไมนอค รัฐนอร์ทดาโกต้า จากนั้นก็มีสิ่งมีชิวิคล้ายมนุษย์เดินออกมาจากตัวยาน ด้วยความกลัว มิลเลอร์จึงหยิบปืนขึ้นมายิงใส่อาคันตุกะจากนอกโลก

มิลเลอร์มั่นใจว่าเขายิงโดนพวกมัน ก่อนขับรถหนีออกจากจุดเกิดเหตุ และพบว่าตัวเองหลงทางในถนนที่มืดมิดกว่า 3 ชั่วโมง

ในวันรุ่งขึ้น เมื่อมิลเลอร์กลับมาทำงานปกติ เขาพบว่ามีชายชุดดำสามคนมารอพบเขาอยู่ และขู่มิลเลอร์ว่ารู้เรื่องเมื่อคืนทุกอย่างโดยที่มิลเลอร์ไม่เคยบอกใคร พร้อมกันนี้ชายชุดดำยังพูดด้วยว่า ‘ให้ทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น!!’


ภาพประหลาด เด็กหญิงถ่ายภาพแล้วมี "มนุษย์อวกาศ" มาติดในภาพเฉย!!!

ในฤดูร้อนปี ค.ศ.1964 จิม เทมเพิลตัน ถ่ายภาพลูกสาว แต่กลับติดภาพบุคคลปริศนาที่ดูเหมือนมนุษย์อวกาศ เทมเพิลตันยืนยันว่าขณะถ่ายภาพไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณนั้นเลย เมื่อเขานำฟิลม์ไปให้บริษัท Kodak ทำการวิเคราะห์ ก็พบว่าฟิลม์ดังกล่าวไม่ได้ผ่านการตัดต่อหรือดัดแปลงใด ๆ

เมื่อภาพถ่ายของเทมเพิลตันถูกเผยแพร่และโด่งดัง ก็มีชายลึกลับสองคนติดต่อกับเพมเบิลตัน ที่อ้างว่าตนเองเป็นคนของรัฐบาลที่ได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบสถานที่ในภาพ ระหว่างการพูดคุย ตัวแทนจากรัฐบาลกลับเรียกชื่ออีกฝ่ายเป็นรหัสตัวเลข 9 และ 10 แทน และเมื่อเทมเพิลตันยืนยันว่าเขาไม่เคยเห็นบุคคลปริศนาในภาพจริง ๆ สองตัวแทนจากรัฐบาลมีท่าทีโมโหและเดินจากไป และไม่เคยมีใครพบเห็นพวกเขาอีกเลย

ปี 1967 โรเบิร์ต ริชาร์ดสัน กำลังขับรถกลับบ้านในเเมืองโตเลโด รัฐโอไฮโอ แล้วไปชนเข้ากับวัตถุประหลาดอย่างหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร

แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าบริเวณโดยรอบไม่มีอะไรเลย เขาจึงเดินสำรวจตามรอยล้อรถจนพบกับจุดที่รถต้องหยุด ริชาร์ดสันพบกับเศษโลหะประหลาดตกอยู่ในบริเวณนั้น เขาจึงรีบนำหลักฐานให้ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอตรวจสอบและบอกว่า เขาเชื่อว่าตนเองได้ขับรถชนสิ่งประหลาดจากนอกโลก หลังจากนั้นสองสามวันก็มีชายในชุดดำ 2 คนบุกมาหาถึงบ้าน ทั้งคู่มาถึงบ้านของริชาร์ดสันเวลา 5 ทุ่ม โดยสารมากับรถคาดิแลคสีดำ ปี 1953 แผ่นป้ายไม่จดทะเบียน ทั้งคู่สวมหมวกสีดำและสวมแว่นกันแดดเหมือนกัน และซักถามเขาเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วก็จากลาไป เขานึกว่าไม่มีอะไร แต่ว่าสัปดาห์ต่อมา ก็มี MIB สองคนซึ่งเป็นผู้มาใหม่ ขับรถคาดิลแล็กสีดำมาจอดเทียบถึงบันไดบ้านของเขา แล้วทั้งสองคนก็ออกมาข่มขู่เขาและภรรยาและขอชิ้นส่วนของวัตถุลึกลับชิ้นนั้นที่เขาเก็บเอาไว้ "มอบมันมา ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่!!"

ด้วยความกลัวตาย โรเบิร์ตจึงยอมส่งชิ้นส่วนนั้นให้ไป


ปี 1976 ด็อกเตอร์เฮอเบิร์ต ฮ็อปกิ้นส์ นักฟิสิกส์อเมริกันผู้ค้นคว้าเรื่อง UFO ได้เล่าเรื่องการเผชิญหน้ากับ MIB ในบ้านของตนเอง! คืนวันที่ 11 กันยายนปีนั้น เขากำลังอยู่ในบ้านตามลำพัง ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเขารับสาย ปรากฏว่าปลายสายเป็นเสียงชายคนหนึ่งบอกว่า ต้องการคุยกับเขาเรื่องเกี่ยวกับ UFO ซึ่งเขากำลังศึกษาอยู่ และบอกด้วยว่าเขารู้ว่าเฮอเบิร์ตอยู่คนเดียวในตอนนั้น เฮอเบิร์ตตอบว่าใช่ และเห็นท่าไม่ดี จึงเดินไปเปิดไฟหน้าบ้านและได้พบกับชายใส่สูทสีดำสวมเสื้อเชิ้ตขาว ใส่หมวกดำ ก้าวเดินข้ามถนนตรงมายังบ้านของตน และเขาอธิบายลักษณะของ MIB คนนั้นว่า "เมื่อผมเผชิญหน้ากับเขา ผมเห็นว่า ลักษณะของเขาไม่ค่อยเหมือนคนปกติทั่วไป พอเขาค่อยๆถอดหมวกใบใหญ่ของเขาออก ผิวของเขาขาวซีด ไม่มีเส้นผม ไม่มีคิ้ว ขนตาก็ไม่มี ผิวหนังของเขามีลักษณะคล้ายพลาสติก ผิวสีขาวซีดเหมือนคนตาย ที่สำคัญคือริมฝีปากแดงเหมือนทาลิปสติก เสียงพูดมีโทนเดียวไม่สูงไม่ต่ำ เราคุยกันเรื่อง UFO ที่ผมกำลังทำการศึกษา สักพักหนึ่งผมสังเกตเห็นว่า เขาพูดช้าลง และประโยคเริ่มไม่ปะติดปะต่อกัน ชายชุดดำคนนั้นออกคำสั่งให้ฮอปกินส์ทำลายหลักฐานให้หมด ฮอปกินส์ทำตามคำสั่งแต่โดยดีหลังจากเห็นเหรียญหายจากมือชายชุดดำไปต่อหน้า พร้อมกับคำขู่ที่ว่า ‘จงทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นคุณจะหายตัวไปเหมือนเหรียญนี้ !!!’ สุดท้ายเขาบอกผมว่า 'พลังงานของผมเหลือน้อยแล้ว ผมต้องไปก่อนละ' แล้วเขาก็เดินออกไปนอกบ้านและหายไปตรงหัวมุมถนน"

ครั้งหนึ่งในช่วงปี 60 ในรัฐนิวเจอร์ซี่ย์ เคยมีภาพถ่ายของ MIB ถูกเผยแพร่ในนิตยสาร SAUCER MAGAZINE เป็นภาพชายในชุดดำและรถสีดำ หลังจากมีรายงานข่าวการพบเห็น UFO ในเมืองเอลิซาเบ็ธ

ในปี ค.ศ.1979 พอล เบนเนวิทซ์ ติดต่อกับกองทัพอากาศสหรัฐ หลังจากที่เขาได้รับสัญญาณวิทยุแปลก ๆ ที่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาว แต่กองทัพอากาศทราบว่าสิ่งที่เบนเนวิทซ์กำลังติดตามคือการฝึกบินลับเท่านั้น เพื่อปิดบังโครงการลับทางทหารที่เบนเนวินซ์สืบสวนอยู่ เจ้าหน้าที่กองทัพเลยจัดฉากให้เขาพบกับ ‘ชายในชุดดำ’ ที่จะตอกย้ำให้เบนเนวิทซ์เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวมากขึ้นไปอีก
เบนเนวิทซ์ใช้เวลาอีกหลายปีเพื่อสืบค้นเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1988 หรืออีก 9 ปีให้หลัง เขากลายเป็นคนเสียสติเพราะหมกมุ่นกับการสืบค้นความจริงเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากเกินไป ก่อนเสียชีวิตในปี ค.ศ.2003

และในยุคปัจจุบัน ปี 2008 ชายในชุดดำปรากกฏตัวอีกครั้งและเป็นที่ฮือฮากันมาก เพราะกล้องวงจรปิดของโรงแรมในออนตาริโอ แคนาดา จับภาพ MIB สองคนซึ่งบุกเข้ามาในโรงแรมได้ !!

พวกเขาบุกเข้ามา หลังจากมีรายงานข่าวว่า มีแขกที่มาพักในโรงแรมสองคนพบเห็น UFO เมื่อ MIB ทั้งสองเข้ามาสอบถามและถามหาบุคคลผู้มองเห็น UFO กับพนักงานของโรงแรม พนักงานโรงแรมตอบว่าทั้งสองคนไม่ได้อยู่ในโรงแรมแล้วเวลานี้ ทั้งสองคนจึงเดินออกไป และไม่มีใครได้พบกับพวกเขาอีกเลย

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้ใดก็ตามที่ได้พบเห็นจานบิน UFO หรือสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ก็มักจะได้พบกับชายชุดดำเรื่อยมา ถึงแม้ว่าชายชุดดำจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยมีใครทราบตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาได้เลยจวบจนปัจจุบัน

ขอบคุณ ข้อมูลจาก
https://www.spokedark.tv/posts/mystery-of-men-in-black/
https://news.jarm.com/view/23305
https://www.spokedark.tv/re/men-in-black-reallife-story-3/

พบกันใหม่ สัปดาห์หน้าครับ