[CR] ประสบการ์ณการรักษาหลุมสิวด้วย Deka vs Ematrix

เราอยากแชร์ประสบการ์ณ การรักษาหลุมสิวของเรา เพราะเราคิดว่าการเป็นหลุมสิวนั้นทำให้ขาดความมั่นใจอย่างมากในการใช้ชีวิตประจำวัน มันไม่ใช่ทำให้เราสวยขึ้น.. แต่เป็นการรักษาอาการป่วย

เราทำมาทั้งหมด 2 โปรแกรมด้วยกันคือ E-matrix กับ Deka ใครกำลังมองหาวิธีการรักษา เกาะขอบหน้าจอให้ดีดี

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า เจ้าของกระทู้เป็นผู้หญิงวัย 32 ที่เป็นสิวมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น มันช่างยาวนาน เราได้แต่ขอให้หายเป็นสิว เคยคิดว่า อายุ 30 มันคงหายไป แต่ไม่เลยมันยังคงถาโถมไม่หยุดหย่อนดังพายุ

ด้วยประสบการ์ณการเป็นสิวมาอย่างยาวนาน ทำให้เจ้าของกระทู้ ลองผิดลองถูกมาต่างๆนานา หาหมอมามากมายนับไม่ถ้วน ตอนหาหมอมันก็ดีอยู่หรอก พอเลิกหาเท่านั้นแหละ มันมาจ้าาาาาา
เมื่อก่อนเจ้าของกระทู้ ไม่มีความรู้อะไรเยอะ ไปหาหมอ หมอบอกอะไรดี เราก็ทำ ทั้งกด ฉีด กินยา ทายา คือทำมาหมดแล้ว

หลังๆ เจ้าของกระทู้เริ่มทนไม่ไหว รู้สึกเหมือนโดนเลี้ยงไข้ ก็อาศัย ห้องแป้งนี่แหละ คอยดูคอยตาม แล้วก็ เริ่มหาอะไรที่มันเข้ากับตัวเองได้จนตอนนี้สิวเริ่มน้อยแล้ว และไม่มีอักเสบมากนัก แต่สิ่งที่ยังคงไม่หายไปด้วยนั่นคือ…. หลุมสิว นั่นเองงงงงงงงงงงง

เนื่องจากเจ้าของกระทู้ ค่อนข้างออกทะเลบ่อยมาก การหน้าสดในการไปทะเลนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าของกระทู้กังวลเป็นอย่างมาก การแต่งหน้าลงทะเลก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง บวกกับถึงแต่งหน้าแล้วหลุมนั้นมันก็ไม่ได้หายไปนะจ่ะเพื่อนๆ มันเป็นรอยลึกมากเจ้าของกระทู้กลุ้มใจขั้นสุดๆๆๆ รวมทั้งชีวิตประจำวันของเจ้าของกระทู้ต้องมาคอยกังวลเรื่องหลุมสิว คือเราค่อนข้างที่จะแบบ เครียดหนัก มันทำให้เราไม่มั่นใจไปเลยแหละ กังวลมาก

เจ้าของกระทู้เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิว ซึ่งอ่านๆไปแล้ว โปรแกรม EMATRIX คือ น่าจะเหมาะสุด ซึ่งก็หาข้อมูลในห้องแป้งนี่แหละ จนทำให้รู้จักอยู่สองที่ ที่ดังๆ คนพูดถึงบ่อยมากๆ คือ 1. รัมภาดาคลีนิค 2. Proderma ซึ่งทั้งสองที่ คนก็ประทับใจกันหมด

แต่เจ้าของกระทู้เลือกไปที่ Rampada ก็เพราะ มันเดินทางสะดวกจากสถานที่ที่เจ้าของกระทู้อยู่ เรียกได้ว่า ขึ้นทางด่วนปู๊ด จากที่ทำงาน แล้ววนขึ้นทางด่วนกลับบ้านได้เลย หลังจากหาข้อมูลอยู่นาน และหาเวลาที่เหมาะสมด้วยเจ้าของกระทู้ ก็โทรไปสอบถามกับทางคลีนิคและได้ขอเข้าพบกับคุณหมอรัมภา เพื่อเริ่มการรักษา

ขอบอกก่อนว่า คนที่อยากทำ EMATRIX ต้องมีเวลานะ ไม่ใช่เวลาในการทำอย่างเดียวนะคะ เวลาในการรักษาตัวด้วย เพราะหลังจากทำ จะแต่งหน้าไม่ได้ เป็นเวลา 1- 2 สัปดาห์ รวมถึงการทาแป้งเด็กอะไรแบบนี้ ก็ค่อนข้างห้ามไปหลายวัน เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้ดี วันหยุดยาวหรือวันที่ไม่ต้องพบปะผู้คนมาก

วันที่ไปทำ ขอบอกเลยว่ากลัวมาก ตื่นเต้นมาก เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน มาสุดคือกดสิว กรีดสิว ฉีดสิว อะไรแบบนั้น ตอนแรกที่เจอคุณหมอ คุณหมอหน้าเนียนมากเว่อร์ แต่ไม่ได้ใสแบบวัยรุ่นนะ คือสวยเนียนแบบสมวัย มีกระนิดหน่อย คุณหมอก็จะอธิบายการรักษา รวมถึงสอบถามอาการ วิธีการดูแลผิวหน้าต่างๆนานา คุณหมอได้แนะนำเลเซอร์อีกตัวนึง ชื่อ Deka ซึ่งเจ้าของกระทู้เป็นคนขี้ระแวงส่วนนึงว่า นี่หมอหลอกขายปะเนี่ย แล้วเราไม่เคยได้ยินมาก่อน เราเลยขอยึดอยู่ที่ตัว EMATRIX ซึ่งคุณหมอก็ไม่ได้ว่าอะไร และก็ยินยอมตามนั้น

เจ้าของกระทู้ยังไม่อยากซื้อคอร์ส ซึ่งคุณหมอก็โอเคกับการที่เราซื้อเป็น ครั้งไปก่อน เราเลยเลือกซื้อคอร์ส EMATRIX 1 ครั้งค่ะ ขอดูผลก่อนว่าเป็นอย่างไร ถ้าโอเค จะรีบแจ่นนนกลับมาทำให้ครบ

สิ่งแรกที่คุณหมอบอกคือ ให้เราหยุดครีมทุกตัวที่ใช้ก่อน เพราะมีสิวอุดตันค่อนข้างเยอะ คุณหมอจ่ายยา 3-4 ตัวมาให้ใช้ (สอบถามหลังไมค์ได้นะคะ) เพื่อลดอาการเบื้องต้น หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว คุณหมอก็จะให้คุณหมออีกท่านนึง ทำเลเซอร์ค่ะ แต่ก่อนจะทำ ต้องกดสิวก่อน หลังจากนั้นก็จะทายาชาให้ทั้วแก้ม เพราะเป็นบริเวณที่เราเลือกค่ะ คือแก้มทั้ง 2 ข้าง 100 ชอต หลังจากนั้นคุณหมออีกท่านนึง ก็มาทำเลเซอร์ให้ค่ะ ตอนทำจะรู้สึก จึดๆ แต่ไม่เจ็บนะมันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่มาก สำหรับเรา หลังจากทำเสร็จ คุณหมอจะให้กระคบน้ำแข็งเพื่อไม่ให้แสบร้อน แล้วก็กลับบ้านได้

(ขอบอกว่าระหว่างทำ ได้กลิ่นหน้าตัวเองไหม้ เหมือนหมูย่างเกาหลีมาก อยากกิน)

หลังจากทำไปแล้ว คุณหมอจะไม่ให้โดนน้ำ 1 วัน หลังจากนั้นก็ล้างน้ำเปล่า 2 วัน และหลังจากนั้นถึงใช้สบู่ได้ค่ะ
ในคืนแรก ขอบอกเลยว่าแสบหน้ามากตอนนอน คือ มันแสบร้อนมากๆ แต่เพื่อความสวยและความมั่นใจ เราก็ต้องดำเนินชีวิตมนุษย์เลเซอร์ต่อไป มันคือความทรมาน กลัวหน้าไปโดนหมอนบ้าง อะไรบ้าง ฮือออ เจ็บบบบบ

เช้าวันต่อมาเจ้าของกระทู้ต้องทำงานค่ะ แต่งหน้าไม่ได้และหน้าเป็นสะเก็ดแผลเล็กๆ เจ้าของกระทู้เลือกวิธีใช้ มาร์ส กันฝุ่น ในการคาดหน้าไปทำงาน แลดูเหมือนป่วย แต่จริงๆ ปิดสะเก็ดค่ะ ฮาฮ่า

ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ หน้าของเจ้าของกระทู้ก็สะเก็ดหลุดหมดค่ะ
หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ทักกันใหญ่ ว่าหน้าดูเนียนขึ้นนนนนน ซึ่งถ้าถามเจ้าของกระทุ้ ก็ค่อนข้างพอใจนะคะ มันเห็นได้อย่างชัดเจน

หลังจากนั้นเจ้าของกระทู้เลยเริ่มนัดเป็นครั้งที่สองค่ะ

หลังจากพบคุณหมอ คุณหมอก็บอกว่า คุณหมอสังเหตุเห็นเนื้อเยื่อที่สร้างตัวขึ้นมาใหม่ คือคนเป็นแพทย์จะรู้ค่ะ เราก็เออ ออ ห่อหมก ไม่รู้หรอก เชื่อหมอตามสเตป ครั้งนี้คุณหมอ แนะนำ Deka อีกครั้งนึง ซึ่งจริงๆ ในห้องแป้ง มีคนพูดถึงแล้วนะคะ แต่น้อยมาก เราน่าจะโดนมนต์สะกด ของคุณหมอ คุณหมอบอกว่า มันดีกว่าใหม่กว่า แล้วลงได้ลึกกว่า โดยที่หน้าของเรา มันมีแผลกว้างด้วย จะเหมาะกับหน้า มากกว่า EMATRIX เราค่อนข้างมั่นใจในการรักษา เลยเชื่อและเริ่มการรักษาด้วย Deka ค่ะ

ครั้งนี้คุณหมอทำ Subcision ด้วยค่ะ คือเราอ่านกระทู้มาเยอะมาก เค้าบอกว่า จะเจ็บ
ซึ่งเราเกร็งไปทั้งตัว บอกเลยกลัวมาก คุณหมอก็ขู่ว่าเจ็บมากนะ อันนี้เจ็บที่สุดแล้ว ถ้าผ่านอันนี้ไป ก็สบายแต่จะเจ็บ คือเราเตรียมใจไว้หนักมาก ก่อนเริ่มทำคุณหมอจะให้ทายาชาไว้ พอตอนเริ่มทำ Subcision.. ลุ้นมากกก แต่.. ไม่เจ็บเลย สนุก (ฮาฮ่า) คุณหมอมือเบามาก หมอถามบอกไม่เจ็บเหรอ เราบอกไม่เจ็บ หมอแปลกใจ แต่มันไม่เจ็บจริงๆนะ อยากให้ทุกคนลอง หลังจาก Subcision แล้ว ก็ทำ Deka กันต่อจ้า รันโปรเสจทั้งหมด เหมือนทำ EMATRIX แต่ครั้งนี้ เราว่ามันไม่เจ็บ ไม่แสบ เรารู้สึกดี ฮาฮ่า เพลินมาก ทำเสร็จ ขับรถกลับบ้าน สบายใจ เราว่าทั้งหมดทั้งหมดกระบวนการ การกดสิวเจ็บสุดสำหรับเรา

คืนหลังจากที่ทำเสร็จ ไม่เจ็บเลย แสบน้อยกว่าตอนทำ EMATRIX มากกกกๆๆๆๆ การรักษาหลังทำก็เหมือนกันจ้า คือ ไม่ให้โดนน้ำในวันแรก และล้างน้ำเปล่าไปอีก 3 วัน งดแต่งหน้าและโดนแดด

แต่… สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราคือ หน้าเราแดงนานกว่าตอนทำ EMATRIX ซึ่งเรารอประมาณ 2 วันคิดว่าไม่น่าดีละ เราเลยปรึกษากับทางคลีนิค ซึ่งทางคลีนิคให้ถ่ายรูปส่งไป และเค้าก็วิเคราะห์ว่า หน้าเราสิวอุดตันเห่อ ให้เข้าไปกด (ซึ่งระหว่างทางคลินิค ดูแลดีมากนะคะ ไลน์ถาม โทรถามตลอด พร้อมทั้งไม่มั่วเองด้วย ให้ถ่ายรูปให้แล้วนำไปปรึกษาคุณหมอ คือ ดูแลดีมากจนดีใจที่สิวเห่อ 5555)

หลังจากเข้าไปกดสิว รออีกสองสามวันก็แห้งพอดีค่ะ หน้าเราก็กลับมาเป็นปกติแต่งหน้าได้ หลังจากทำเรารู้สึกว่าหน้าเรานุ่มขึ้นด้วย แล้วหลุมก็เริ่มเติมๆบ้างแล้ว คือดีใจมาก สรุปทั้งหมดทั้งมวล คือประทับใจมากๆจ้าาาาาาาา เดี๋ยวเราขอสรุปด้านล่างเกี่ยวกับการเปรียบเทียบของทั้ง Deka และ EMATRIX ให้เป็นข้อนะจ๊ะ

EMATRIX
ข้อดี
รักษาตัว 1 อาทิตย์ (หลังทำ - สะเก็ดหลุด)
ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับ Deka
ไม่มีสิวเห่อหลังทำ

ข้อด้อย
แสบหลังเวลาทำเป็นเวลา 1 คืน
หลุมเติมช้ากว่า เมื่อเทียบกับ Deka


Deka
ข้อดี
รักษาตัว 1.5 - 2 อาทิตย์ (หลังทำ - สะเก็ดหลุด)
ไม่แสบหลังทำ
หลุมตื้นขึ้นเห็นได้ชัด อยากจะไปซ้ำทุกวัน 555 (เว่อร์ๆ)

ข้อด้อย
ราคาแพงกว่า EMATRIX
มีสิวเห่อหลังทำ ต้องไปกดออกจ้า


ทั้งนี้ทั้งนั้น เรายังมองว่า ยังไงถ้าเป็นหลุมสิวก็ต้องรักษานะ เพราะถ้าอายุมากไปมันมีสิทธิ์ที่จะลึกขึ้นเรื่อยๆ ยังไง อยากให้เพื่อนๆ ลองศึกษาดูนะคะ ยิ้ม
มีอะไรหลังไมค์มาได้จ้า
ชื่อสินค้า:   ematrix vs deka
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่