Along With The Gods The Last 49 Days ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า 2
"ไม่มีมนุษย์คนใดเลวตั้งแต่เกิด สถานการณืต่างหากที่บีบให้ต้องเลว"
เรื่องย่อ
เหตุการณ์ต่อเนื่องหลัง 3 เทพผู้พิทักษ์ คังลิม (ฮาจุงวู) เฮวอนเมก (จูจีฮุน) ดัคชุน (คิมฮยางกี) ตัดสินใจเดิมพันโอกาสเกิดใหม่ด้วยการพา คิมซูฮง (คิมดองวุก) วิญญาณอาฆาต (น้องชายคิมจาฮง ที่ได้ไปเกิดแล้ว) ฝ่าการพิพากษาของศาลนรกชั้นต่างๆเพื่อการเกิดใหม่ โดยทางราชันย์ยอมรา (อีจุงแจ) ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้สามเทพผู้พิทักษ์ ไปนำดวงวิญญานคนชราที่มีชีวิตเลยกำหนดเวลามาสู่การตัดสิน แต่นอกจากการมีหลานชายตัวน้อยที่ยังไม่พร้อมเผชิญโลกเพียงลำพังของดวงวิญญาที่สร้างความหนักใจแล้ว ยังมีเทพประจำตระกูล (มา ดงซอก)ที่ไม่ยอมปล่อยดวงวิญญาณ และยังเป็นผู้กุมความลับตอนเป็นมนุษย์ของ 3 เทพผู้พิทักษ์ที่อาจพลิกผันชะตาชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล.
รีวิว
ตัวหนังนั้นมีความเข้มข้นในทางเนื้อเรื่องพอสมควร เนื่องจากสามเทพผู้พิทักษ์จะต้องทำภารกิจตามข้อเสนอที่ได้จากราชันราชันย์ยอมรา แล้วก็ต้องพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณของ คิมซูฮง นั้นได้เป็นวิญญาณคนดีเพื่อให้ศาลตัดสินคดีแล้วจะได้เกิดใหม่ รวมไปถึงภารกิจในครั้งนี้ยังเป็นการเดิมพันเพื่อให้พวกเขาเองนั้นสามารถได้ไปเกิดใหม่อีกด้วย
ในส่วนของพาร์ทดราม่านั้นยังคงจัดหนักจัดเต็มอีกตามเคย ทั้งซาวด์ประกอบที่คอยบิวท์อารมณ์คนดู บางฉากก็ถือได้ว่าเรียกน้ำตากันเยอะเลยทีเดียว แต่ถึงจะใส่มาเต็มที่ยังไงก็ยังไม่สามารถเข้าไปจนสุดทางได้มากเท่าภาคแรกเท่าไหร่ พลอตเรื่องที่ปูไปสู่ความดราม่าจะเน้นไปที่เทพผู้พิทักษ์ทั้งสามซะมากกว่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความดราม่าที่เป็นเรื่องราวของดวงวิญญาณ คิมซูฮง ที่เป็นภารกิจของพวกเขา ตรงส่วนนี้เลยทำให้ภาคนี้ยังดูอ่อนกว่าภาคแรกไม่มากก็น้อย
หนังยังคงแฝงด้วยปรัชญาคมๆ ให้คนดูที่ดูแล้วได้กลับมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบาปต่างๆ ที่คนเราต้องเจอรวมถึงการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้หรือสมัยก่อนว่าแท้จริงแล้วกาลเวลาเปลี่ยนไปแค่ไหนมันมีอะไรเปลี่ยนไปกับคนหรือไม่ ธาตุแท้ของคนเราจะเป็นอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆที่บังคับให้เราเป็นคนแบบในสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งหนังสะท้อนตรงนี้ออกมาขนาดที่เรียกได้ว่า นี่แหละคือแก่นหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้
ในหลายๆฉากหลายๆตอน โดยเฉพาะตอนต้นเรื่องจนไปถึงกลางเรื่องนั้นหนังค่อนข้างใช้การสลับเหตการณ์ไปมาๆ ระหว่างโลกมนุษย์กับในนรก คือตัดไปๆมาๆเหมือนภาคแรกแต่เป็นการตัดสลับไปๆมาๆในแบบที่ค่อนข้างตัดโทนหนังกันพอสมควร หนังเปลี่ยนอารมณ์เร็วจนทำให้หนังนั้นไปไม่ค่อยสุดในหลายๆฉากหลายๆตอน ในขณะที่ภาคแรกนั้นการตัดสลับไปมาจะคงโทนของเหตุการณ์ที่คล้ายกันและไปในทิศทางเดียวกันทำให้ภาคแรกหนังดูลื่นไหลและน่าลุ้นกว่า
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือ หนังมีการเล่าเรื่องหลายเรื่องราวจากเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนโดยมีหลายเหตการณ์ที่เล่าขนานกันไปทั้งจากในโลกมนุษย์ ในขุมนรก เรื่องราวจากอดีตของเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคน ตรงนี้แหละที่ทำให้แย่งความโดดเด่นกันพอสมควร อีกทั้งยังทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้อย่างเต็มที่ว่าควรจะโฟกัสตรงใหนดี ตรงไหนคือเส่นเรื่องหลักของหนังกันแน่ และบางเรื่องราวของบางตัวละครก็เปลี่ยนโทนหนังแบบไม่เข้ากันเลย
สุดท้ายหนังจบด้วยการคลายปมทุกอย่างทุกตัวละครที่มาประจบเข้ากันได้อย่างลงตัว (และลงตัวเข้าไปอีก ต้องอยู่ดู Mid Credits ด้วยนะ) ทั้งกับฝ่ายเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนว่ามีต้นกำเนิดและที่มาเป็นอย่างไร พวกเขาตายอย่างไร แล้วมาเจอกันได้อย่างไร รวมไปถึงยังได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เป็นอยู่ของราชันย์ ยอมรา ราชันแห่งนรก ว่าทำไมเขาต้องยื่นข้อเสนอต่างๆให้คังลิม และทำไมคังลิมถึงเป็นเทพผู้พิทักษ์คนเดียวที่สามารถจำเรื่องราวในอดีตชาติได้
สรุปความสัมพันธ์รวมของอดีตชาติของสามเทพผู้พิทักษ์ และราชันย์ยอมรา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เรียงเรื่องราวได้ดังนี้
จากที่ได้ดูแล้วประติดประต่อเรื่องราวของหนังตั้งแต่เริ่มต้นจนปมของหลังต่างๆค่อยๆคลาย จนมาบรรจบกันในท้ายที่สุดนั้นก็พอจะสรุปเรื่องราวหลังความตายของเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคน รวมไปถึงราชันย์ยอมรา ซึ่งทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆได้ดังนี้
หลังจากถึงเวลาที่พ่อของคังลิมซึ่งเป็นแม่ทัพ ได้ไว้ใจให้น้องชายเขา (น้องบุญธรรม) ได้เป็นผู้นำพร้อมตัวเขาเองออกรบ และการรบครั้งนี้ปรากฎว่าพ่ายแพ้ ทันทีที่คังลิมไปถึงเขาก็พบว่าพ่อตัวเองได้ตายแล้ว ซึ่งแท้จริงแล้วเขาเองยังมองเห็นมือของพ่อตัวเองขยับและรอขอความช่วยเหลือ แต่เขากลัวเกิน กลัวว่าจะเสียทุกสิ่งทุกอย่างให้น้องชายก็เลยทำเป็นไม่สนใจและกลับมา พร้อมกับรับตำแหน่งแม่ทัพทันที่ที่ได้รับตำแหน่งแม่ทัพเขาก็จะไล่น้องชายเขาออกไปให้ไปประจำการอยู่ที่ชายแดนแทนในภายหลัง แต่คังลิมรู้สึกผิดจึงกลับมายังที่สนามรบเพื่อดูศพของพ่อเขาแต่ก็ช้าไป
ซึ่งจากฉากนี้ทำให้ วิญญาณของพ่อเขาได้ลอยออกมาจากร่าง ปรากฏว่าราชันย์ยอมราได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นผู้สืบทอดตำแหนงราชันย์แห่งนรก เขาจ้องมองคังลิมอยู่เบื้องล่าง (เพราะคงรู้อยู่ในใจแล้วว่าคังลิมเพิกเฉยต่อการขอความช่วยเหลือของเขา) เขาจึงรับข้อเสนอของราชันย์ยอมรา พร้อมขอให้ตัวเขาเองมีหน้าตาเหมือนราชันย์ยอมราและใช้ชื่อเดียวกัน
ในส่วนของทางด้านเฮวอนเมกคือนักรบที่กลายเป็นผู้มีชื่อเสียงน่าเกรงขามที่สุด วันหนึ่งเขาได้ช่วยชีวิตดัคชุนเอาไว้และได้เห็นอะไรหลายๆอย่างจึงคิดเปลี่ยนใจช่วยเหลือเหล่าคนดีและเด็กๆ ซึ่งต่อมาเขาก็รู้ตัวว่าตัวเขาเองที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของดัคชุน และสุดท้ายเมื่อทางการรู้ว่าเฮวอนเมกทรยศ จึงนำตัวเขาไปปล่อยให้หมาป่ากินแต่เขารอดมาได้ และต้องรีบไปปกป้องดัคชุนและเด็กๆ และเฮวอนเมกได้บอกความจริงแก่ดัคชุนว่าเขาคือใคร ทำให้ดัคชุนรู้ว่าเขาเองคือคนที่ฆ่าพ่อแม่ของดัคชุน (ตรงส่วนนี้หนังก็ให้เราได้จิ้นคู้นี้พอสมควร ฮ่าๆ ออกแนวโลลิหน่อยๆ ชอบๆ)
สุดท้ายความจริงปรากฎว่า เฮวอนเมกก็คือน้องบุญธรรมของคังลิม ทั้งสองคนสู้กันในท้ายที่สุด คังลิมฆ่าเฮวอนเมก ดัคชุนฆ่าคังลิม และคังลิมฆ่าดัคชุน เมื่อทั้งสามคนตายราชันย์ยอมราก็ได้ปรากฎตัวขึ้นพร้อมยื่นข้อเสนอให้คังลิมนั้นกลายเป็นเทพผู้พิทักษ์คอยนำดวงวิญญาณร่วมกับเฮวอนเมก และดัคชุนโดยที่คังลิมเองจะเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกราชันย์ยอมราลบความทรงจำ
สรุปคือ...
ราชันย์ยอมรา (ซึ่งเป็นพ่อของคังลิม และคังลิมไม่รู้) ได้ลงโทษคังลิมให้อยู่กับความทุกข์ทรมาน (เพราะเขาไม่ยอมช่วยพ่อในขณะที่ทำได้) โดยการให้คังลิมอยู่กับความทรงจำเหล่านั้นมาตลอดพันปี ซึ่งเป็นอะไรที่ทรมานคังลิมมาเสมอ ทั้งต้องทำงานร่วมกับคนที่เขาเองเป็นคนฆ่าโดยไม่สามารถบอกความจริงอะไรได้เลยสักนิดเดียว
จนมาถึงการทำภารกิจวิญญานดวงสุดท้ายของพวกเขา คิมซูฮง ซึ่งคังลิมได้เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วคดีนี้ มันคล้ายกับความผิดพลาดที่อยู่ในใจเขามาเป็นพันปี เขาไม่อยากให้สิ่งที่เขาเคยทำผิดเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง จึงเชื่อและพิสูจน์ให้ราชันย์ยอมราเห็นว่า คิมซูฮง คือวิญญานที่ดีและควรได้เกิดใหม่ รวมถึงตัวเขาเองที่รู้สึกเสียใจกับเรื่องราวที่เขาได้ทำไว้กับพ่อเมื่อพันปีก่อน ซึ่งสุดท้ายแล้วเมื่อคดีนี้สิ้นสุดลงราชันย์ยอมราได้ฟังและได้เห็นแล้วว่าคังลิมรู้สึกผิดต่อเขา (พ่อคังลิม) แค่ไหน จึงทำให้เขาปล่อยวางได้และได้ไปขอให้คิมซูฮงที่กำลังจะไปเกิดใหม่ได้ทำบางสิ่ง ซึ่งน่าจะเดาว่าไม่เป็นผู้ช่วยก็ให้มาสืบทอดตำแหน่งราชันย์แห่งนรก
ตรงนี้เองผมก็เลยคิดว่าวิญญาณทั้งสามเทพผู้พิทักษ์ทำภารกิจไปนั้นยังไม่สำเร็จครบ 49 คน ตอนท้ายจึงยังเห็นพวกเขาต้องทำภารกิจต่อ (หรืออาจเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากไปเกิดแล้ว อันนี้ไม่น่าใช่ ฮ่าๆ เดา)
<< ตรงนี้สปอยนะ
สรุป
หนังยังคงความเข้มข้นของเรื่องราวไว้เป็นอย่างดี การปูเรื่องของตัวละครเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามจากภาคแรกนั้น ในภาคนี้จะถูกเฉลย โดยที่หนังค่อยๆคลายปมไปทีละนิดๆ พร้อมกับเล่าเรื่องหลายๆเรื่องราวไปพร้อมๆกันจนตอนจบของหนังที่ทุกๆเรื่องราวนั้นเดินทางมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว แม้กระทั่งจุดพีคของหนังก็ยังบิวท์อารมณ์ให้สามารรู้สึกตามได้ ให้ดราม่าน้ำตาไหลได้พอสมควร แต่ก็ยังมีหลายๆเรื่องที่ยังไม่สามารถสู้ภาคแรกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวหลายๆเรื่องขนานและสลับไปมาที่ค่อนข้างเปลี่ยนอารมณ์เร็วเกินไป ทำให้บางสถานการณ์นั้นหนังไปไม่สุดทางเท่าที่ควร ฉากดราม่าก็ไม่สามารถเรียกน้ำตาได้เท่าภาคแรก (แต่ก็พอทำได้) หนังยังขาดจุดเด่นของเส้นเรื่องที่แน่ชัด แต่ถ้าดูโดยรวมๆแล้วก็ถือว่าหนังทำได้ค่อนข้างดีและเก็บรายละเอียดได้ไม่แพ้ภาคแรกเลย ตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทบาทในภาคแรกก็มีบทบบาทมากขึ้นในภาคนี้ มีการสร้างอารมณ์ขันได้บางเรื่องบางฉากทไห้หนังไม่เครียดจนเกิดไป การแสดงของนักแสดงก็ไร้ที่ติ รวมถึงซาวด์ประกอบที่ยังคงแอลังการเช่นเดิม
ให้คะแนน 9.5/10
ชอบไม่ชอบ หรือว่าชอบภาคหนึ่งมากกว่า มาแชร์ความรู้สึกหลังดูกันครับ ^^
[รีวิวหนัง] Along With The Gods The Last 49 Days | ดราม่าน้ำตานอง + มาแสดงความรู้สึกหลังดูกันครับ [สปอย+ไม่สปอย]
"ไม่มีมนุษย์คนใดเลวตั้งแต่เกิด สถานการณืต่างหากที่บีบให้ต้องเลว"
เรื่องย่อ
เหตุการณ์ต่อเนื่องหลัง 3 เทพผู้พิทักษ์ คังลิม (ฮาจุงวู) เฮวอนเมก (จูจีฮุน) ดัคชุน (คิมฮยางกี) ตัดสินใจเดิมพันโอกาสเกิดใหม่ด้วยการพา คิมซูฮง (คิมดองวุก) วิญญาณอาฆาต (น้องชายคิมจาฮง ที่ได้ไปเกิดแล้ว) ฝ่าการพิพากษาของศาลนรกชั้นต่างๆเพื่อการเกิดใหม่ โดยทางราชันย์ยอมรา (อีจุงแจ) ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้สามเทพผู้พิทักษ์ ไปนำดวงวิญญานคนชราที่มีชีวิตเลยกำหนดเวลามาสู่การตัดสิน แต่นอกจากการมีหลานชายตัวน้อยที่ยังไม่พร้อมเผชิญโลกเพียงลำพังของดวงวิญญาที่สร้างความหนักใจแล้ว ยังมีเทพประจำตระกูล (มา ดงซอก)ที่ไม่ยอมปล่อยดวงวิญญาณ และยังเป็นผู้กุมความลับตอนเป็นมนุษย์ของ 3 เทพผู้พิทักษ์ที่อาจพลิกผันชะตาชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล.
รีวิว
ตัวหนังนั้นมีความเข้มข้นในทางเนื้อเรื่องพอสมควร เนื่องจากสามเทพผู้พิทักษ์จะต้องทำภารกิจตามข้อเสนอที่ได้จากราชันราชันย์ยอมรา แล้วก็ต้องพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณของ คิมซูฮง นั้นได้เป็นวิญญาณคนดีเพื่อให้ศาลตัดสินคดีแล้วจะได้เกิดใหม่ รวมไปถึงภารกิจในครั้งนี้ยังเป็นการเดิมพันเพื่อให้พวกเขาเองนั้นสามารถได้ไปเกิดใหม่อีกด้วย
ในส่วนของพาร์ทดราม่านั้นยังคงจัดหนักจัดเต็มอีกตามเคย ทั้งซาวด์ประกอบที่คอยบิวท์อารมณ์คนดู บางฉากก็ถือได้ว่าเรียกน้ำตากันเยอะเลยทีเดียว แต่ถึงจะใส่มาเต็มที่ยังไงก็ยังไม่สามารถเข้าไปจนสุดทางได้มากเท่าภาคแรกเท่าไหร่ พลอตเรื่องที่ปูไปสู่ความดราม่าจะเน้นไปที่เทพผู้พิทักษ์ทั้งสามซะมากกว่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความดราม่าที่เป็นเรื่องราวของดวงวิญญาณ คิมซูฮง ที่เป็นภารกิจของพวกเขา ตรงส่วนนี้เลยทำให้ภาคนี้ยังดูอ่อนกว่าภาคแรกไม่มากก็น้อย
หนังยังคงแฝงด้วยปรัชญาคมๆ ให้คนดูที่ดูแล้วได้กลับมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบาปต่างๆ ที่คนเราต้องเจอรวมถึงการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้หรือสมัยก่อนว่าแท้จริงแล้วกาลเวลาเปลี่ยนไปแค่ไหนมันมีอะไรเปลี่ยนไปกับคนหรือไม่ ธาตุแท้ของคนเราจะเป็นอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆที่บังคับให้เราเป็นคนแบบในสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งหนังสะท้อนตรงนี้ออกมาขนาดที่เรียกได้ว่า นี่แหละคือแก่นหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้
ในหลายๆฉากหลายๆตอน โดยเฉพาะตอนต้นเรื่องจนไปถึงกลางเรื่องนั้นหนังค่อนข้างใช้การสลับเหตการณ์ไปมาๆ ระหว่างโลกมนุษย์กับในนรก คือตัดไปๆมาๆเหมือนภาคแรกแต่เป็นการตัดสลับไปๆมาๆในแบบที่ค่อนข้างตัดโทนหนังกันพอสมควร หนังเปลี่ยนอารมณ์เร็วจนทำให้หนังนั้นไปไม่ค่อยสุดในหลายๆฉากหลายๆตอน ในขณะที่ภาคแรกนั้นการตัดสลับไปมาจะคงโทนของเหตุการณ์ที่คล้ายกันและไปในทิศทางเดียวกันทำให้ภาคแรกหนังดูลื่นไหลและน่าลุ้นกว่า
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือ หนังมีการเล่าเรื่องหลายเรื่องราวจากเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนโดยมีหลายเหตการณ์ที่เล่าขนานกันไปทั้งจากในโลกมนุษย์ ในขุมนรก เรื่องราวจากอดีตของเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคน ตรงนี้แหละที่ทำให้แย่งความโดดเด่นกันพอสมควร อีกทั้งยังทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้อย่างเต็มที่ว่าควรจะโฟกัสตรงใหนดี ตรงไหนคือเส่นเรื่องหลักของหนังกันแน่ และบางเรื่องราวของบางตัวละครก็เปลี่ยนโทนหนังแบบไม่เข้ากันเลย
สุดท้ายหนังจบด้วยการคลายปมทุกอย่างทุกตัวละครที่มาประจบเข้ากันได้อย่างลงตัว (และลงตัวเข้าไปอีก ต้องอยู่ดู Mid Credits ด้วยนะ) ทั้งกับฝ่ายเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนว่ามีต้นกำเนิดและที่มาเป็นอย่างไร พวกเขาตายอย่างไร แล้วมาเจอกันได้อย่างไร รวมไปถึงยังได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เป็นอยู่ของราชันย์ ยอมรา ราชันแห่งนรก ว่าทำไมเขาต้องยื่นข้อเสนอต่างๆให้คังลิม และทำไมคังลิมถึงเป็นเทพผู้พิทักษ์คนเดียวที่สามารถจำเรื่องราวในอดีตชาติได้
สรุปความสัมพันธ์รวมของอดีตชาติของสามเทพผู้พิทักษ์ และราชันย์ยอมรา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ << ตรงนี้สปอยนะ
สรุป
หนังยังคงความเข้มข้นของเรื่องราวไว้เป็นอย่างดี การปูเรื่องของตัวละครเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามจากภาคแรกนั้น ในภาคนี้จะถูกเฉลย โดยที่หนังค่อยๆคลายปมไปทีละนิดๆ พร้อมกับเล่าเรื่องหลายๆเรื่องราวไปพร้อมๆกันจนตอนจบของหนังที่ทุกๆเรื่องราวนั้นเดินทางมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว แม้กระทั่งจุดพีคของหนังก็ยังบิวท์อารมณ์ให้สามารรู้สึกตามได้ ให้ดราม่าน้ำตาไหลได้พอสมควร แต่ก็ยังมีหลายๆเรื่องที่ยังไม่สามารถสู้ภาคแรกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวหลายๆเรื่องขนานและสลับไปมาที่ค่อนข้างเปลี่ยนอารมณ์เร็วเกินไป ทำให้บางสถานการณ์นั้นหนังไปไม่สุดทางเท่าที่ควร ฉากดราม่าก็ไม่สามารถเรียกน้ำตาได้เท่าภาคแรก (แต่ก็พอทำได้) หนังยังขาดจุดเด่นของเส้นเรื่องที่แน่ชัด แต่ถ้าดูโดยรวมๆแล้วก็ถือว่าหนังทำได้ค่อนข้างดีและเก็บรายละเอียดได้ไม่แพ้ภาคแรกเลย ตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทบาทในภาคแรกก็มีบทบบาทมากขึ้นในภาคนี้ มีการสร้างอารมณ์ขันได้บางเรื่องบางฉากทไห้หนังไม่เครียดจนเกิดไป การแสดงของนักแสดงก็ไร้ที่ติ รวมถึงซาวด์ประกอบที่ยังคงแอลังการเช่นเดิม
ให้คะแนน 9.5/10