[รีวิวหนัง] Along With The Gods The Last 49 Days | ดราม่าน้ำตานอง + มาแสดงความรู้สึกหลังดูกันครับ [สปอย+ไม่สปอย]


Along With The Gods The Last 49 Days ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า 2
"ไม่มีมนุษย์คนใดเลวตั้งแต่เกิด สถานการณืต่างหากที่บีบให้ต้องเลว"


เรื่องย่อ

เหตุการณ์ต่อเนื่องหลัง 3 เทพผู้พิทักษ์ คังลิม (ฮาจุงวู) เฮวอนเมก (จูจีฮุน) ดัคชุน (คิมฮยางกี) ตัดสินใจเดิมพันโอกาสเกิดใหม่ด้วยการพา คิมซูฮง (คิมดองวุก) วิญญาณอาฆาต (น้องชายคิมจาฮง ที่ได้ไปเกิดแล้ว) ฝ่าการพิพากษาของศาลนรกชั้นต่างๆเพื่อการเกิดใหม่ โดยทางราชันย์ยอมรา (อีจุงแจ) ยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมให้สามเทพผู้พิทักษ์ ไปนำดวงวิญญานคนชราที่มีชีวิตเลยกำหนดเวลามาสู่การตัดสิน แต่นอกจากการมีหลานชายตัวน้อยที่ยังไม่พร้อมเผชิญโลกเพียงลำพังของดวงวิญญาที่สร้างความหนักใจแล้ว ยังมีเทพประจำตระกูล (มา ดงซอก)ที่ไม่ยอมปล่อยดวงวิญญาณ และยังเป็นผู้กุมความลับตอนเป็นมนุษย์ของ 3 เทพผู้พิทักษ์ที่อาจพลิกผันชะตาชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล.




รีวิว

ตัวหนังนั้นมีความเข้มข้นในทางเนื้อเรื่องพอสมควร เนื่องจากสามเทพผู้พิทักษ์จะต้องทำภารกิจตามข้อเสนอที่ได้จากราชันราชันย์ยอมรา แล้วก็ต้องพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณของ คิมซูฮง นั้นได้เป็นวิญญาณคนดีเพื่อให้ศาลตัดสินคดีแล้วจะได้เกิดใหม่ รวมไปถึงภารกิจในครั้งนี้ยังเป็นการเดิมพันเพื่อให้พวกเขาเองนั้นสามารถได้ไปเกิดใหม่อีกด้วย


ในส่วนของพาร์ทดราม่านั้นยังคงจัดหนักจัดเต็มอีกตามเคย ทั้งซาวด์ประกอบที่คอยบิวท์อารมณ์คนดู บางฉากก็ถือได้ว่าเรียกน้ำตากันเยอะเลยทีเดียว แต่ถึงจะใส่มาเต็มที่ยังไงก็ยังไม่สามารถเข้าไปจนสุดทางได้มากเท่าภาคแรกเท่าไหร่ พลอตเรื่องที่ปูไปสู่ความดราม่าจะเน้นไปที่เทพผู้พิทักษ์ทั้งสามซะมากกว่า แต่ก็ยังไม่ทิ้งความดราม่าที่เป็นเรื่องราวของดวงวิญญาณ คิมซูฮง ที่เป็นภารกิจของพวกเขา ตรงส่วนนี้เลยทำให้ภาคนี้ยังดูอ่อนกว่าภาคแรกไม่มากก็น้อย


หนังยังคงแฝงด้วยปรัชญาคมๆ ให้คนดูที่ดูแล้วได้กลับมาคิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบาปต่างๆ ที่คนเราต้องเจอรวมถึงการใช้ชีวิตของคนในสมัยนี้หรือสมัยก่อนว่าแท้จริงแล้วกาลเวลาเปลี่ยนไปแค่ไหนมันมีอะไรเปลี่ยนไปกับคนหรือไม่ ธาตุแท้ของคนเราจะเป็นอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ต่างๆที่บังคับให้เราเป็นคนแบบในสถานการณ์นั้นๆ ซึ่งหนังสะท้อนตรงนี้ออกมาขนาดที่เรียกได้ว่า นี่แหละคือแก่นหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้


ในหลายๆฉากหลายๆตอน โดยเฉพาะตอนต้นเรื่องจนไปถึงกลางเรื่องนั้นหนังค่อนข้างใช้การสลับเหตการณ์ไปมาๆ ระหว่างโลกมนุษย์กับในนรก คือตัดไปๆมาๆเหมือนภาคแรกแต่เป็นการตัดสลับไปๆมาๆในแบบที่ค่อนข้างตัดโทนหนังกันพอสมควร หนังเปลี่ยนอารมณ์เร็วจนทำให้หนังนั้นไปไม่ค่อยสุดในหลายๆฉากหลายๆตอน ในขณะที่ภาคแรกนั้นการตัดสลับไปมาจะคงโทนของเหตุการณ์ที่คล้ายกันและไปในทิศทางเดียวกันทำให้ภาคแรกหนังดูลื่นไหลและน่าลุ้นกว่า


ส่วนที่ไม่ค่อยชอบคือ หนังมีการเล่าเรื่องหลายเรื่องราวจากเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนโดยมีหลายเหตการณ์ที่เล่าขนานกันไปทั้งจากในโลกมนุษย์ ในขุมนรก เรื่องราวจากอดีตของเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคน ตรงนี้แหละที่ทำให้แย่งความโดดเด่นกันพอสมควร อีกทั้งยังทำให้ไม่สามารถโฟกัสได้อย่างเต็มที่ว่าควรจะโฟกัสตรงใหนดี ตรงไหนคือเส่นเรื่องหลักของหนังกันแน่ และบางเรื่องราวของบางตัวละครก็เปลี่ยนโทนหนังแบบไม่เข้ากันเลย


สุดท้ายหนังจบด้วยการคลายปมทุกอย่างทุกตัวละครที่มาประจบเข้ากันได้อย่างลงตัว (และลงตัวเข้าไปอีก ต้องอยู่ดู Mid Credits ด้วยนะ) ทั้งกับฝ่ายเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามคนว่ามีต้นกำเนิดและที่มาเป็นอย่างไร พวกเขาตายอย่างไร แล้วมาเจอกันได้อย่างไร รวมไปถึงยังได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เป็นอยู่ของราชันย์ ยอมรา ราชันแห่งนรก ว่าทำไมเขาต้องยื่นข้อเสนอต่างๆให้คังลิม และทำไมคังลิมถึงเป็นเทพผู้พิทักษ์คนเดียวที่สามารถจำเรื่องราวในอดีตชาติได้

สรุปความสัมพันธ์รวมของอดีตชาติของสามเทพผู้พิทักษ์ และราชันย์ยอมรา   [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ << ตรงนี้สปอยนะ

สรุป

หนังยังคงความเข้มข้นของเรื่องราวไว้เป็นอย่างดี การปูเรื่องของตัวละครเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามจากภาคแรกนั้น ในภาคนี้จะถูกเฉลย โดยที่หนังค่อยๆคลายปมไปทีละนิดๆ พร้อมกับเล่าเรื่องหลายๆเรื่องราวไปพร้อมๆกันจนตอนจบของหนังที่ทุกๆเรื่องราวนั้นเดินทางมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว แม้กระทั่งจุดพีคของหนังก็ยังบิวท์อารมณ์ให้สามารรู้สึกตามได้ ให้ดราม่าน้ำตาไหลได้พอสมควร แต่ก็ยังมีหลายๆเรื่องที่ยังไม่สามารถสู้ภาคแรกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวหลายๆเรื่องขนานและสลับไปมาที่ค่อนข้างเปลี่ยนอารมณ์เร็วเกินไป ทำให้บางสถานการณ์นั้นหนังไปไม่สุดทางเท่าที่ควร ฉากดราม่าก็ไม่สามารถเรียกน้ำตาได้เท่าภาคแรก (แต่ก็พอทำได้) หนังยังขาดจุดเด่นของเส้นเรื่องที่แน่ชัด แต่ถ้าดูโดยรวมๆแล้วก็ถือว่าหนังทำได้ค่อนข้างดีและเก็บรายละเอียดได้ไม่แพ้ภาคแรกเลย ตัวละครที่ไม่ค่อยมีบทบาทในภาคแรกก็มีบทบบาทมากขึ้นในภาคนี้ มีการสร้างอารมณ์ขันได้บางเรื่องบางฉากทไห้หนังไม่เครียดจนเกิดไป การแสดงของนักแสดงก็ไร้ที่ติ รวมถึงซาวด์ประกอบที่ยังคงแอลังการเช่นเดิม

ให้คะแนน 9.5/10





ชอบไม่ชอบ หรือว่าชอบภาคหนึ่งมากกว่า มาแชร์ความรู้สึกหลังดูกันครับ ^^


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่