วันนี้ไปดูแบบพากย์ไทยมาครับ เป็นเรื่องราวที่ขยายต่อจากฉบับการ์ตูน คือ ฉบับการ์ตูนจะจบลงตรงคริสโตเฟอร์กล่าวอำลากับหมีพูห์ ส่วนของหนังก็มีฉากนี้เหมือนกัน แต่จะเน้นที่คริสเนี่ยโตจนมีเมีย มีลูกแล้ว เป็นพ่อคริสในวัยสี่สิบมั้ง มาในคอนเซปต์ซุปเปอร์แด๊ดดี้คือเอาการเอางาน จนลืมเอาใจใส่ลูกเมีย เมียเลยเอือม...ลูกก็งอน คุณพ่อคริสนั้นมุ่งมั่นในหน้าที่การงาน จนลืมกลับไปหาหมีพูห์และเหล่าสัตว์ป่าในป่าร้อยเอเคอร์ตั้งสามสิบปี วันหนึ่งหมีพูห์พบว่าเพื่อนหายไป เลยเดินตามหาจนเข้าไปในประตูที่คริสใช้เดินทางมาหาพวกเขา (ประตูมิติอะไรประมาณนั้นแหละ) แล้วหมีพูห์ก็โผล่มาพบกับคริส สร้างความวุ่นวายและน่ารักให้ทั้งตัวคริสเองและคนที่ได้พบเจอ (ก็หมีดันพูดได้ ก็คิดดูแล้วกันคนนอกที่เห็นจะรู้สึกยังไง 555)
สำหรับเสียงพากย์ ก็ยังเป็นคนเดิมจากที่เคยพากย์ฉบับการ์ตูน (น่าจะทั้งหมดนะ แต่ที่แน่ ๆ หมีพูห์ ทิกเกอร์ และอียอร์ นี่คนเดิมพากย์แน่ ๆ) ส่วนตัวชอบเสียงพากย์หมีพูห์ของไทย เสียงพากย์ต้นฉบับที่ได้ยินจากตัวหนังมันเสียงแก่ไปอะ ถึงจะสมกับ silly old bear ก็เถอะ แต่มันไม่ฟินอะ
สำหรับผองสัตว์ในป่าร้อยเอเคอร์ จะเน้นบทให้กับหมีพูห์ อียอร์ ทิกเกอร์ และพิกเล็ต ตามลำดับ (ในความรู้สึกส่วนตัวนะ) แต่ก็เข้าใจแหละ เพราะว่าชื่อหนังก็บอกว่า Christopher Robin เรื่องเลยจะเน้นความรู้สึก การเปลี่ยนทัศนคติ วิถีชีวิตของคริสโตเฟอร์กับหมีพูห์มากกว่า ไม่ได้ชื่อว่า The Many Adventures of Winnie the Pooh แร็บบิท รู ลุงฮูก และแม่รู เลยไม่ได้รับบทเด่นเหมือนในฉบับการ์ตูนมาก
ทุกตัวละครก็ยังคงคอนเซปท์เดิม หมีพูห์เจ้าทึ่ม พิกเล็ทขี้กลัว ทิกเกอร์จอมโดดดึ๋ง แร็บบิทเจ้าพ่อพูดมาก อียอร์เสียงเศร้าเสียงยาน ลุงฮูกลุคนักปราชญ์ รูจิงโจ้น้อยแสนซน และแม่รูที่บทน้อยตามเดิม 555 จริง ๆ ชอบอียอร์เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ในการ์ตูนไม่ค่อยโดดเด่นเท่ากับในหนัง ในหนังนี่พี่แกพูดเยอะจริง เลยปลื้มตรงนี้ แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะพูดน้อยพูดเยอะ อียอร์เป็นตัวละครรองที่แย่งซีนสุดละ นอกจากนี้ในพาร์ทของป่าร้อยเอเคอร์ก็ยังมีอิงถึงเฮฟฟาลัมกับวูสเซิลด้วย แต่ไม่ได้มีตัวเฮฟฟาลัมแบบชัดเจนโผล่มา มีโผล่มาแบบราวกับหมอกควัน
ที่บอกในหัวข้อกระทู้ว่าเป็นหนังที่ผสมผสานความ innocent กับ mature เพราะว่าในส่วนของสัตว์จากป่าร้อยเอเคอร์เป็นตัวแทนของความไร้เดียงสา มีแกนนำเป็นหมีพูห์อยู่แล้วนี่ silly old bear >< พูห์จะไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่คริสเป็น ช่างซักถามจนทำให้คริสนั้นหัวร้อน แต่ก็เพราะพูห์ ทำให้คริสได้ไอเดียปิ๊ง ๆ ในการเสนอแผนงานที่ตัวเองทำอยู่ ส่วนความเป็นผู้ใหญ่คือคาแรกเตอร์ของคริสโตเฟอร์เอง ที่เขาเลือกงานมากกว่าครอบครัว เสาร์อาทิตย์ก็ยังเลือกจะทำ ทั้งที่สัญญากับลูกเมียไว้ว่าจะพาไปเที่ยวพักผ่อน เข้มงวดกับลูกสาวเกิน แม้จะไม่ได้แสดงออกแบบพ่อใจร้ายขี้ตะคอก แต่สิ่งที่คริสทำมันก็คือการเข้มงวด เขาไม่ยอมปล่อยสบายบ้างจนเมียเตือนว่าระวังจะสติแตก
โดยรวมเป็นหนังที่น่ารัก ดูได้ทุกวัย เพราะความอินโนเซนต์ของหมีพูห์ ความบ่นพร่ำเพรื่อของอียอร์ และความซนชอบกระเด้งกระดอนอยู่ไม่สุขของทิกเกอร์ (แอบสปอยล์หน่อยว่ามีเพลงจากฉบับการ์ตูนโผล่มาสองเพลง แต่เป็นแค่การร้องสั้น ๆ เป็นเพลงประจำตัวน่ะ) ดูแล้วทั้งยิ้มตาม หัวเราะตาม และซึ้งตาม โดยเฉพาะฉากที่คริสโตเฟอร์อยู่กับหมีพูห์สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ที่ตรงต้นไม้ แล้วกล้องค่อย ๆ แพนไปแนวมุมสูงเฉียง แสงตะวันนั้นสาดส่องเป็นประกาย <<<
สปอยล์ได้ใช่ปะ คือมันก็มีในฉบับการ์ตูนอยู่แล้วอะ เพียงแต่พอเป็นฉบับคนแสดง แถมเป็นคริสตอนโต มันเลยซึ้งกว่าในความคิดนะ ให้ไปเลย 9/10
สุดท้ายนี้ถ้าเขียนวนหรือไม่เข้าเป้าประเด็นก็ขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่าอยากแชร์ความรู้สึกง่ะ
(แชร์ความรู้สึก) Christopher Robin 2018 // ผสมผสานความ innocent กับ mature
สำหรับเสียงพากย์ ก็ยังเป็นคนเดิมจากที่เคยพากย์ฉบับการ์ตูน (น่าจะทั้งหมดนะ แต่ที่แน่ ๆ หมีพูห์ ทิกเกอร์ และอียอร์ นี่คนเดิมพากย์แน่ ๆ) ส่วนตัวชอบเสียงพากย์หมีพูห์ของไทย เสียงพากย์ต้นฉบับที่ได้ยินจากตัวหนังมันเสียงแก่ไปอะ ถึงจะสมกับ silly old bear ก็เถอะ แต่มันไม่ฟินอะ สำหรับผองสัตว์ในป่าร้อยเอเคอร์ จะเน้นบทให้กับหมีพูห์ อียอร์ ทิกเกอร์ และพิกเล็ต ตามลำดับ (ในความรู้สึกส่วนตัวนะ) แต่ก็เข้าใจแหละ เพราะว่าชื่อหนังก็บอกว่า Christopher Robin เรื่องเลยจะเน้นความรู้สึก การเปลี่ยนทัศนคติ วิถีชีวิตของคริสโตเฟอร์กับหมีพูห์มากกว่า ไม่ได้ชื่อว่า The Many Adventures of Winnie the Pooh แร็บบิท รู ลุงฮูก และแม่รู เลยไม่ได้รับบทเด่นเหมือนในฉบับการ์ตูนมาก ทุกตัวละครก็ยังคงคอนเซปท์เดิม หมีพูห์เจ้าทึ่ม พิกเล็ทขี้กลัว ทิกเกอร์จอมโดดดึ๋ง แร็บบิทเจ้าพ่อพูดมาก อียอร์เสียงเศร้าเสียงยาน ลุงฮูกลุคนักปราชญ์ รูจิงโจ้น้อยแสนซน และแม่รูที่บทน้อยตามเดิม 555 จริง ๆ ชอบอียอร์เป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ในการ์ตูนไม่ค่อยโดดเด่นเท่ากับในหนัง ในหนังนี่พี่แกพูดเยอะจริง เลยปลื้มตรงนี้ แต่ที่สำคัญไม่ว่าจะพูดน้อยพูดเยอะ อียอร์เป็นตัวละครรองที่แย่งซีนสุดละ นอกจากนี้ในพาร์ทของป่าร้อยเอเคอร์ก็ยังมีอิงถึงเฮฟฟาลัมกับวูสเซิลด้วย แต่ไม่ได้มีตัวเฮฟฟาลัมแบบชัดเจนโผล่มา มีโผล่มาแบบราวกับหมอกควัน
ที่บอกในหัวข้อกระทู้ว่าเป็นหนังที่ผสมผสานความ innocent กับ mature เพราะว่าในส่วนของสัตว์จากป่าร้อยเอเคอร์เป็นตัวแทนของความไร้เดียงสา มีแกนนำเป็นหมีพูห์อยู่แล้วนี่ silly old bear >< พูห์จะไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่คริสเป็น ช่างซักถามจนทำให้คริสนั้นหัวร้อน แต่ก็เพราะพูห์ ทำให้คริสได้ไอเดียปิ๊ง ๆ ในการเสนอแผนงานที่ตัวเองทำอยู่ ส่วนความเป็นผู้ใหญ่คือคาแรกเตอร์ของคริสโตเฟอร์เอง ที่เขาเลือกงานมากกว่าครอบครัว เสาร์อาทิตย์ก็ยังเลือกจะทำ ทั้งที่สัญญากับลูกเมียไว้ว่าจะพาไปเที่ยวพักผ่อน เข้มงวดกับลูกสาวเกิน แม้จะไม่ได้แสดงออกแบบพ่อใจร้ายขี้ตะคอก แต่สิ่งที่คริสทำมันก็คือการเข้มงวด เขาไม่ยอมปล่อยสบายบ้างจนเมียเตือนว่าระวังจะสติแตก
โดยรวมเป็นหนังที่น่ารัก ดูได้ทุกวัย เพราะความอินโนเซนต์ของหมีพูห์ ความบ่นพร่ำเพรื่อของอียอร์ และความซนชอบกระเด้งกระดอนอยู่ไม่สุขของทิกเกอร์ (แอบสปอยล์หน่อยว่ามีเพลงจากฉบับการ์ตูนโผล่มาสองเพลง แต่เป็นแค่การร้องสั้น ๆ เป็นเพลงประจำตัวน่ะ) ดูแล้วทั้งยิ้มตาม หัวเราะตาม และซึ้งตาม โดยเฉพาะฉากที่คริสโตเฟอร์อยู่กับหมีพูห์สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน จะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ที่ตรงต้นไม้ แล้วกล้องค่อย ๆ แพนไปแนวมุมสูงเฉียง แสงตะวันนั้นสาดส่องเป็นประกาย <<< สปอยล์ได้ใช่ปะ คือมันก็มีในฉบับการ์ตูนอยู่แล้วอะ เพียงแต่พอเป็นฉบับคนแสดง แถมเป็นคริสตอนโต มันเลยซึ้งกว่าในความคิดนะ ให้ไปเลย 9/10 สุดท้ายนี้ถ้าเขียนวนหรือไม่เข้าเป้าประเด็นก็ขอโทษด้วยนะครับ แต่ว่าอยากแชร์ความรู้สึกง่ะ