แรกเริ่มเดิมทีผมมีบาดแผลทางจิตใจมาเกือบ 2 ปีได้แล้วครับ ซึ่งบาดแผลทางใจนั้นผมได้มาจากครอบครัว มันทำให้ผมรู้จักกับคำว่า'เจ็บปวด'ได้อย่างถ่องแท้ ซึ่งแต่ก่อนผมคิดว่าคำนี้มันเกินจริงมาก
พอเราเหมือนรับมือกับเรื่องครอบครัวได้ ก็มาเจอปัญหาเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน ซึ่ง 2 เรื่องนี้ทำให้อาการซึมเศร้าของผมมันชัดเจนยิ่งขึ้น อาการที่ว่านั้น คือ...
1.ไม่อยากลุกจากเตียง
2.ไม่อยากพบผู้คน เกลียดการเข้าสังคม
3.ทำร้ายทุบตีตัวเอง
4.มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หดหู่มาก หันไปทางไหนก็มืดแปดด้าน จะพึ่งครอบครัวก็ไม่ได้ จะให้เพื่อนปลอบก็ไม่มีคนที่ไว้ใจพอจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังได้ ผลสุดท้ายคือเราเก็บเรื่องต่างๆไว้กับตัวเอง เกิดเป็นความเครียดสะสมจนเลยเถิดมาถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า
ผมมีพี่สาว 2 คน ผมเป็นลูกคนเล็ก พี่คนกลางคือคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด แต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปทำให้เขาต้องเครียดไปกับเราด้วย มันเลยทำให้ผมเก็บความเครียดและโรคซึมเศร้านั้นเรื่อยมา จนกระทั่งเวลาผ่านไป ผมคิดว่าจริงๆแล้วผมคงไม่ได้เป็นโรคที่ว่าหรอก คงคิดไปเอง แต่ไม่ใช่... เพราะอาการหลายๆอย่างมันทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองยังคงอยู่กับโรคนั้นเรื่อยมา มันไม่ได้หายไปไหน ปฏิกิริยาที่พอจะสังเกตุได้เลยก็คือ panic ความคิดช้า ใครป้อนงานอะไรก็ไม่ค่อยเข้าหัว ต้องให้เขาสอนหลายๆครั้ง ทุบตีตัวเองเมื่อเครียดจัด บางคืนถึงขั้นลุกขึ้นมานั่งร้องไห้กลางดึก
ผมเคยทำแบบทดสอบก็ได้คำแนะนำว่าต้องไปพบแพทย์ เมื่อวานผมลองโทรไป 1323 แล้วครับ แต่เขาก็เหมือนรับฟังแบบขอไปที ไม่ได้จริงจังกับเรื่องราวของเรามากนัก ผมลองโทรไปหาโรงพยาบาลที่บำบัดรักษาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง แต่เวลารับบัตรคิวมันตรงกับเวลาเรียน ผมเลยเลือกที่จะไปคลินิกจิตแพทย์แทน
ผมยังเป็นนักศึกษา เรื่องที่อดกังวลไม่ได้ก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ายา คุณหมอเลยบอกว่าไม่แพงนะ พร้อมกับอธิบายรายการที่เราอาจจะได้จ่าย ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ผมรับได้ ตอนโทรคุยกับคุณหมอเพื่อนัดเวลา รู้สึกได้เลยว่าผมประหม่ามาก เสียงสั่น มือสั่น(panic) ความกลัว ความอายมันประเดประดังเข้ามาในหัวไม่หยุด คุณหมอพูดดีมากๆ บอกว่าพรุ่งนี้ลองเข้ามาคุยก่อนได้ พร้อมแจ้งสถานที่ตั้งของคลินิก ผมเลยตั้งมั่นว่าพรุ่งนี้ต้องไปจริงๆ ผมอยากหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ผมอยากกลับมาสดใสได้อีกครั้ง เวลาหัวเราะกับเพื่อนผมจะได้หัวเราะได้ด้วยใจจริงๆไม่ใช่การหัวเราะแบบตบตาคนว่าเรามีความสุขเพื่อกลบเกลื่อนความไม่ปกติของเรา
มันมีช่วงเหมือนไม่มีความเครียดแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือผมไม่มีความรู้สึกสนุกหรือเฮฮาอย่างที่เคยเป็น เหมือนเราคนเก่ามันหายไป แล้วพอมีอะไรมากระตุ้นหรือมีเรื่องมากระทบจิตใจ เราก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม คือร้องไห้ เก็บตัว ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากพบเจอใคร อารมณ์รุนแรงเริ่มมีมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงขั้นใช้กำลัง ผมไม่อยากเป็นหนักไปกว่านี้เลยเลือกที่จะพบแพทย์
จริงๆกะจะสั่งยาจากเว็ปยามากิน แต่เท่าที่สืบค้นเอฟเฟ็กของยาแล้วทำเรากลัวไปเลย เพราะเอ็ฟเฟ็กของมันคืออาจทำให้เรา'อยากฆ่าตัวตาย' ประกอบกับอยากหายและกลัวจะเอ๋อจนเป็นบ้าเข้าจริงๆเลยเลือกที่จะพบแพทย์ครับ
เขาว่าโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นเพราะสารสื่อประสาทบางตัวทำงานผิดปกติ ธรรมะต่างๆช่วยแค่ทำให้ใจเราสงบแต่ไม่สามารถทำให้หายขาดได้จากสิ่งที่เป็นได้ ผมจึงตัดสินใจไปพบจิตรแพทย์ ซึ่งกำหนดวันนัดก็คือวันพรุ่งนี้ แล้วผมจะมาอัพเดทต่อนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ...
ผมเลือกที่จะพบจิตแพทย์หลังจากที่พยายามหลีกหนีโรคซึมเศร้ามาเกือบ 2 ปี
พอเราเหมือนรับมือกับเรื่องครอบครัวได้ ก็มาเจอปัญหาเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน ซึ่ง 2 เรื่องนี้ทำให้อาการซึมเศร้าของผมมันชัดเจนยิ่งขึ้น อาการที่ว่านั้น คือ...
1.ไม่อยากลุกจากเตียง
2.ไม่อยากพบผู้คน เกลียดการเข้าสังคม
3.ทำร้ายทุบตีตัวเอง
4.มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หดหู่มาก หันไปทางไหนก็มืดแปดด้าน จะพึ่งครอบครัวก็ไม่ได้ จะให้เพื่อนปลอบก็ไม่มีคนที่ไว้ใจพอจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังได้ ผลสุดท้ายคือเราเก็บเรื่องต่างๆไว้กับตัวเอง เกิดเป็นความเครียดสะสมจนเลยเถิดมาถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า
ผมมีพี่สาว 2 คน ผมเป็นลูกคนเล็ก พี่คนกลางคือคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด แต่ก็ไม่อยากเอาเรื่องนี้ไปทำให้เขาต้องเครียดไปกับเราด้วย มันเลยทำให้ผมเก็บความเครียดและโรคซึมเศร้านั้นเรื่อยมา จนกระทั่งเวลาผ่านไป ผมคิดว่าจริงๆแล้วผมคงไม่ได้เป็นโรคที่ว่าหรอก คงคิดไปเอง แต่ไม่ใช่... เพราะอาการหลายๆอย่างมันทำให้ผมรู้ตัวว่าตัวเองยังคงอยู่กับโรคนั้นเรื่อยมา มันไม่ได้หายไปไหน ปฏิกิริยาที่พอจะสังเกตุได้เลยก็คือ panic ความคิดช้า ใครป้อนงานอะไรก็ไม่ค่อยเข้าหัว ต้องให้เขาสอนหลายๆครั้ง ทุบตีตัวเองเมื่อเครียดจัด บางคืนถึงขั้นลุกขึ้นมานั่งร้องไห้กลางดึก
ผมเคยทำแบบทดสอบก็ได้คำแนะนำว่าต้องไปพบแพทย์ เมื่อวานผมลองโทรไป 1323 แล้วครับ แต่เขาก็เหมือนรับฟังแบบขอไปที ไม่ได้จริงจังกับเรื่องราวของเรามากนัก ผมลองโทรไปหาโรงพยาบาลที่บำบัดรักษาเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง แต่เวลารับบัตรคิวมันตรงกับเวลาเรียน ผมเลยเลือกที่จะไปคลินิกจิตแพทย์แทน
ผมยังเป็นนักศึกษา เรื่องที่อดกังวลไม่ได้ก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ายา คุณหมอเลยบอกว่าไม่แพงนะ พร้อมกับอธิบายรายการที่เราอาจจะได้จ่าย ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ผมรับได้ ตอนโทรคุยกับคุณหมอเพื่อนัดเวลา รู้สึกได้เลยว่าผมประหม่ามาก เสียงสั่น มือสั่น(panic) ความกลัว ความอายมันประเดประดังเข้ามาในหัวไม่หยุด คุณหมอพูดดีมากๆ บอกว่าพรุ่งนี้ลองเข้ามาคุยก่อนได้ พร้อมแจ้งสถานที่ตั้งของคลินิก ผมเลยตั้งมั่นว่าพรุ่งนี้ต้องไปจริงๆ ผมอยากหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ผมอยากกลับมาสดใสได้อีกครั้ง เวลาหัวเราะกับเพื่อนผมจะได้หัวเราะได้ด้วยใจจริงๆไม่ใช่การหัวเราะแบบตบตาคนว่าเรามีความสุขเพื่อกลบเกลื่อนความไม่ปกติของเรา
มันมีช่วงเหมือนไม่มีความเครียดแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือผมไม่มีความรู้สึกสนุกหรือเฮฮาอย่างที่เคยเป็น เหมือนเราคนเก่ามันหายไป แล้วพอมีอะไรมากระตุ้นหรือมีเรื่องมากระทบจิตใจ เราก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม คือร้องไห้ เก็บตัว ไม่อยากเข้าสังคม ไม่อยากพบเจอใคร อารมณ์รุนแรงเริ่มมีมากขึ้นแต่ยังไม่ถึงขั้นใช้กำลัง ผมไม่อยากเป็นหนักไปกว่านี้เลยเลือกที่จะพบแพทย์
จริงๆกะจะสั่งยาจากเว็ปยามากิน แต่เท่าที่สืบค้นเอฟเฟ็กของยาแล้วทำเรากลัวไปเลย เพราะเอ็ฟเฟ็กของมันคืออาจทำให้เรา'อยากฆ่าตัวตาย' ประกอบกับอยากหายและกลัวจะเอ๋อจนเป็นบ้าเข้าจริงๆเลยเลือกที่จะพบแพทย์ครับ
เขาว่าโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นเพราะสารสื่อประสาทบางตัวทำงานผิดปกติ ธรรมะต่างๆช่วยแค่ทำให้ใจเราสงบแต่ไม่สามารถทำให้หายขาดได้จากสิ่งที่เป็นได้ ผมจึงตัดสินใจไปพบจิตรแพทย์ ซึ่งกำหนดวันนัดก็คือวันพรุ่งนี้ แล้วผมจะมาอัพเดทต่อนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ...