เทยแบกเป้เที่ยว
ติดตามกะเทยได้ที่นี้ :
https://www.facebook.com/followkatoey/

กระทู้ของกะเทย
เทยแบกเป้เที่ยว zipline Pakse Laos
https://ppantip.com/topic/37785121
เทยแบกเป้เที่ยวปราสาทวัดพู ปากเซ
https://ppantip.com/topic/37837119

สวัสดีเพื่อนๆทุกคนจ้า ถึงจะไม่ค่อยมีคนอ่านกะเทยก็จะเขียนรีวิวทริปที่กะเทยไปเที่ยวมาเพื่อแบ่งปันความรู้การเดินทางและภาพสวยไม่ได้แคร์สื่อได๋ๆ
ทริปนี้กะเทยจะพาไปเที่ยวจังหวัดบึงกาฬเป็นจังหวัดบ้านเกิดของกะเทยเอง ก็ได้พาเหล่าเพื่อนกะเทยไปบุกกันถึงบ้านเกิดใช้เวลา 3วัน3คืนสำหรับทริปนี้พวกเราออกเดินทางประมาณสองทุ่มของคืนวันพฤหัสบดีขับรถกันจากกทมหน้าไปจังหวัดบึงกาฬ ถึงโน้นเช้าวันศุกร์เวลาประมาณ 8 โมงกว่าที่บ้านกะเทยเองที่อ.โซ่พิสัย

นี้คือบรรยากาศที่ชานบ้านของกะเทยเอง เอาไว้นั้งตั้งวงกินเหล้า 555

หลังจากกะเทยทานข้าวเสร็จแล้วก็ออกเดินทาง ซึ่งกะเทยเลือกทางลัดที่จะเดินทางไปภูทอก แล้วกะเทยก็เจอตามภาพค่ะ




เจอรถติดโคลนค่ะ กะเทยทุกนางเลยต้องลงรถออกมาซ้อมเต้นกัน แล้วก็เละตามภาพ ทริปแรกกะเทยก็เจอของดีเลยค่ะ

ถึงภูทอกกะเทยก็เริ่มกันเดินขึ้นสำรวจภูทอกกันเลยจ้า วิวสวยเขียวขจีอากาศดีในช่วงฤดูฝน

ช่วงกะเทยประวัติศาสตร์
ภูทอก เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาศรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง จ.บึงกาฬ โดยมีพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ เป็นผู้ก่อตั้ง ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว ภูทอก มี 2 ลูก คือภูทอกใหญ่และภูทอกน้อยส่วนที่นักแสวงบุญและ นักท่องเที่ยวทั่วไป สามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวชม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก จุดเด่นของภูทอกก็คือ สะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก ใช้เพียงแรงงานคนสร้าง บรรไดเวียนไปมา รอบภูทอกแบบ 360 ซึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้น ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 5 ปีเต็มจากชั้น 1-7 จะมีบันไดไม้ให้เดินแบบ ตรงทอดยาวจนถึงจุดสูงสุดของ ยอดภูทอก และตั้งแต่ชั้นที่ 3 เป็นต้นไปนักท่องเที่ยวสามารถเดินชม แบบสะพานเวียน รอบเขาซึ่งจะได้เห็น มุมมองที่แตกต่างไปเรื่อย ๆในแต่ละย่างก้าวบันไดขึ้นภูทอกแบ่งออกเป็น 7 ชั้น

การเดินทาง
1. รถส่วนตัว
ภูทอก อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายประมาณ 185 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอ โพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล จากอำเภอศรีวิไล มีทางแยกซ้ายผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอกเป็นระยะทางอีก 20 กิโลเมตร
2. รถประจำทาง
อีกทางหนึ่งคือ เดินทางมากับรถบัสขนาดเล็กได้ โดยเดินทางจากอำเภอบึงกาฬ ไปลงอำเภอศรีวิไลจากนั้นเดินทาง ต่อไปโดย รถสองแถวที่ไป ภูทอก โดยใช้เส้นทางหมายเลข 212 (บึงกาฬ-บ้านชัยพร) ประมาณ 24 กิโลเมตร และ เดินทางจากบ้านชัยพร เข้าสู่ภูทอก อีกประมาณ 22 กิโลเมตร 3 ภูทอก สำหรับคนที่ชอบเที่ยวป่า เที่ยวเขา หรือไปดูน้ำตกสวยๆ และถ้ายิ่งได้ไปในช่วงหน้าฝน..ก็จะได้เห็นความเขียวขจีของต้นไม้ ใบหญ้าอย่างเต็มตา แถมยังมีทะเลหมอกให้ชมโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าหนาวอีกด้วย ไม่ให้นักท่องเที่ยว ขึ้นในวันที่ 10 -16 เมษายน ของทุกปี











ช่วงบ่ายเราก็ขับรถไปกันที่น้ำตกถ้ำพระซึ่งห่างจากภูทอกราวประมาณ20กิโลเมตร
กะเทยไปหาส้มตำไก่ย่างกินที่น้ำตกถ้ำพระจะมีร้านอาหารริมแม่น้ำให้นั้งทานกันด้วยจ้า

ช่วงกะเทยประวัติศาสตร์
สำหรับ น้ำตกถ้ำพระ ตั้งอยู่กลางเทือกเขาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในเขตพื้นที่ บ้านภูวัว หมู่ 9 ต.โสกก่าม อ.เซกา จ.บึงกาฬ ซึ่งถือเป็นเทือกเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน
น้ำตกถ้ำพระได้ชื่อมาจาก ในสมัยก่อนภายในบริเวณ น้ำตกเป็นวัดป่า และมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บริเวณชะง่อนผา ภายหลังวัดป่าได้ย้ายไปและเปิดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมความงามของน้ำตก นอกจากนี้ยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่เป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ และครอบครัวเนื่องจากได้มาเล่นน้ำกันในลำธารกันอย่างสนุกสนาน

ช่วงพีค ฮุ๊ค ฮิตฮิตสุดๆแนะนำคือช่วงหน้าฝนจะมีน้ำจากต้นน้ำ ลำธาร บนเทือกเขาไหลผ่านโขดหิน ซอกหินขนาดใหญ่ เป็นน้ำตก ผ่านหน้าผาหิน ก่อนไหลลงสู่ลานหินภูเขา บางจุดเป็นเส้นทางเล่นน้ำสไลเดอร์ ที่สวยงามแบบธรรมชาติ ไม่แพ้สวนน้ำขนาดใหญ่เลยขอบอก ทำให้ปัจจุบันน้ำตกถ้ำพระ กลายเป็นที่ท่องเที่ยว พักผ่อน เล่นน้ำตก ชมธรรมชาติ ที่ประชาชน นักท่องเที่ยว เริ่มให้ความสนใจ แห่ไปท่องเที่ยวกันคึกคัก ไม่ขาดสาย

การเดินทาง
การเดินทางขึ้นไปยังน้ำตกถ้ำพระ จะต้องเดินทางด้วยเรือหางยาวขนาดใหญ่ ที่ชุมชนได้จัดบริการไว้ ในราคาไปกลับคนละ 20 บาท. หากเหมาลำ ประมาณลำละ 100 บาทเท่านั้น นั่งเรือผ่านลำน้ำบังบาตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์คล้ายป่าดงดิบ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถึงท่าเทียบเรือ และเดินท้าวต่ออีกประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงน้ำตกถ้ำพระ น้ำตกมีขนาดใหญ่ 3 ชั้น. หากมีแรงเดินก็แนะนำให้เดินกันอีกสักนิดเพื่อขึ้นไปยังน้ำตกชั้นที่ 3 ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของน้ำตกถ้ำพระก็ว่าได้ เพราะในชั้น 3 มีหน้าผาขนาดใหญ่ที่มีน้ำตกไหลผ่าน ละอองน้ำที่เกิดจากน้ำกระทบหินกระเซ็นขึ้นโดนใบหน้าบวกกับสายน้ำเย็นๆที่ไหลผ่านเท้าทำให้สดชื่นเกินบรรยาย ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อยผู้ชอบเล่นน้ำ พ่อแม่ผู้ชื่นชอบธรรมชาติหรือจะเป็นนักถ่ายภาพตัวยงก็คงไม่อยากจะพลาดบรรยากาศของน้ำตกชั้นนี้อย่างแน่นอน

















หลังจากเล่นน้ำกันอย่างหนำใจแล้วกะเทยก็กลับบ้านไปตั้งวงพักผ่อนของคืนที่สอง

เช้าของวันที่สอง กะเทยมุ่งหน้าไปหินสามวาฬกันเลยจ้า










ช่วงกะเทยประวัติศาสตร์
หินสามวาฬ (Tree Rock Whale) Unseen Bungkan มีอายุกว่า 75 ล้านปี ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดมหึมาวางเรียงกัน 3 ก้อน มองไกลหรือมองจากภาพถ่ายทางอากาศ มีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ พ่อ แม่ ลูก กำลังว่ายน้ำกันอย่างสนุกสนาน จึงเรียกกันว่า”หินสามวาฬ”  ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ในพื้นที่ของภูสิงห์  ต.โคกก่อง อ.ศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ

เช้าวันที่สาม กะเทยก็ออกจากบ้านช่วงเช้าแล้วมุ้งหน้าขับรถเรียบริมโขงชมตลาดไทย-ลาว เข้าตัวเมืองจ.หนองคาย เข้าชมศาลาแก้วกู่ แล้วไปไหว้พระขอพรที่วัดหลวงพ่อพระใส และไปละลายทรัพย์กันที่ตลาดท่าเสด็จหาซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับกรุงเทพ ถึงกทมก็ค่ำๆนอนพักผ่อนตื่นเช้าวันถัดไปก็ไปทำงานต่อแบบสดใส วิถีกะเทย คิดว่าหลายๆคนทำแบบนี้กันเยอะ 555




แวะตลาดไทย-ลาว ริมโขงจ้า




เข้าตัวเมืองหนองคายไหว้พระขอพรจากหลวงพ่อพระใส และหาซื้อของฝากจ้า





กะเทยขอลาด้วยคลิปวีดีโอเทยแบกเป้เที่ยวบึงกาฬนี้นาจา ไว้เจอกันทริปหน้า สวัสดีจ้าาาา