ฉันมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มีความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ ฝันถึงอะไรตั้งหลายอย่างที่จะต้องทำก่อนตาย ตอนนั้นไม่รู้หรอกนะว่าเขาเรียกว่า Bucket List จนโตมาได้ดูหนังที่แสดงโดย Jack Nicholson กับ Morgan Freeman ถึงได้รู้ว่า อ้อ..ไอ้ที่เราฝันไว้ว่าอยากทำโน่นนี่นั่นตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นน่ะ เขาเรียกว่า Bucket List.
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป จนมาถึงวันนี้ หลายอย่างที่เคยฝันไว้ก็ทำเสร็จไปแล้ว แต่หลายอย่างก็ยังค้างคาอยู่ ตัวอย่างที่ทำไปแล้วเห็นจะมี
- กระโดดร่มจากเครื่องบิน
- ปั่นจักรยานจากกรุงเทพกลับบ้าน (730 กม.)
- วิ่งมาราธอน 42.195 กม.
- เรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก
- ทำงานกับบริษัทต่างชาติ (จะได้เดินทางฟรี พักโรงแรมฟรี)
- ซื้อบ้านให้แม่
- เป็น Idol ของใครสักคน (ฉันไม่รู้หรอก จนมีคนมาบอกว่าฉันเป็น Idol ของเขานั่นแล่ะ ฉันถึงรู้ว่า เออ ทำได้ละนะ)
- ร้องเพลงไทยที่หอไอเฟล (เอาเข้าจริงฉันไปที่หอไอเฟลนะ แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง ได้แต่ฮัมเพลงเบาๆ) เอาน่า ถือว่าได้ทำแล้วก็แล้วกัน ^^
- ฯลฯ
ส่วนไอ้ที่ยังทำไม่สำเร็จก็เห็นจะมี
- ปีนเขาที่สูงกว่าดอยอินทนนท์อย่างน้อย 3 ลูก. ตั้งแต่เดินขึ้นเขาอันนาปุระที่เนปาลเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ไม่มีโอกาสไปปีนเขาที่ไหนอีกเลย อ้อ...ไปปีนภูเขาไฟโบรโม่ที่อินโดนีเซียมาด้วยนะคะ แต่ไม่ถือว่าสูงมาก
- เที่ยวรอบโลก, ฉันเดินทางต่างประเทศบ่อยนะ แต่ไปทำงาน ไม่เคยนึกว่าตัวเองได้ไปเที่ยวเลย
- ว่ายน้ำกับปลาฉลาม
- ไปดูแสงเหนือ
- ดูแลพ่อกับแม่ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ
- บวชชี
ฉันจากบ้านมาเรียนในกรุงเทพ ทำงานในกรุงเทพ ก่อนจะย้ายไปๆมาๆ ระหว่างกรุงเทพกับต่างประเทศ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารมันจะไปไกลมากเมื่อเทียบกับสมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก แต่ทุกครั้งที่วีดีโอ คอล แล้วเห็นพ่อแม่แก่ลงทุกวัน มันทำให้รู้สึกว่าฉันเป็นลูกที่แย่มาก แม่ฉันใส่ฟันปลอมแล้ว พ่อก็เริ่มสวมแพมเพิสแล้วเพราะกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ แต่ฉันมัวแต่หลงระเริงไปกับหน้าที่การงาน มีคนนับหน้าถือตา พักโรงแรมหรูหรา บิน Business Class ฉันมีเวลาให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ลูกน้อง ลูกค้า แต่ไม่มีเวลาให้พ่อแม่ตัวเอง
วันหนึ่งฉันไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่ามีก้อนเนื้อขนาดเท่าไข่ไก่ในมดลูก หมอบอกว่าผู้หญิง 25-30% มีก้อนแบบนี้ทั้งนั้น เล็กใหญ่ต่างกัน บางคนก็เป็นก้อนเนื้อ บางคนก็เป็นถุงน้ำ หมอเหมือนจะพูดให้ฉันรู้สึกดีว่ามันไม่น่ากังวล แต่ฉันรู้สึกว่า ทำไมฉันถึงเป็นผู้หญิงใน 25-30% ล่ะ ทำไมถึงไม่อยู่ในกลุ่ม 70-75% ที่ไม่มีก้อนใด ๆ ในมดลูก
ชีวิตนี้มันไม่แน่นอนนะ ขนาดฉันเป็นคนที่แข็งแรงมาก เป็นคนดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย วิ่งมาราธอน นอกจากเป็นหวัดเล็ก ๆ น้อยๆ ฉันไม่เคยป่วยถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเลยเกือบยี่สิบปีแล้ว หลายคนบอกว่าชีวิตนี้มันสั้นนัก บางคนเกิดมาและตายไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบและอยากที่จะทำอะไร ถ้าฉันโชคร้ายกว่านี้ ก้อนเนื้อนั้นมันกลายเป็นมะเร็งขึ้นมา ฉันคงจะเสียใจมากว่าทำไมเราถึงไม่ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ฉันยื่นใบลาออก จบชีวิตการเป็นพนักงานบริษัท กับตำแหน่งสุดท้าย South East Asia Manager ฉันจะใช้เวลา 6 เดือนเที่ยวไปให้ทั่วโดยการขับมอเตอร์ไซค์จากเมืองไทย ไปลาว, จีน. รัสเซีย และเข้ายุโรป ฉันอาจจะปีนเขาอีกซัก 2-3 ลูกในยุโรป นอนดูแสงเหนือที่รัสเซียหรือไม่ก็ฟินแลนด์ หาทริปดำน้ำเล่นกับฉลามสักแห่งที่ฉันขับมอเตอร์ไซค์ผ่าน หลังจากจบทริป คงไม่มีอะไรที่ค้างคาใจอีกแล้ว ฉันจะทำงานที่ไม่ต้องไปไกลบ้าน เพราะฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือดูแลพ่อแม่ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาส แม่ดูเหมือนจะเสียดายที่ฉันทิ้งหน้าที่การงานที่ใคร ๆ ก็มองว่ามันดี แล้วกลับมาทำงานที่บ้าน แต่ฉันเห็นแม่ยิ้มนะ
ตอนนี้ฉันกำลังหัดขับมอเตอร์ไซค์หลังจากที่ไม่ได้ขี่มาหลายสิบปี โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์มีคลัชที่ฉันขี่ไม่เป็นเพราะฉันอาจจะต้องนำมอเตอร์ไซค์มีคลัชไป และฉันก็เตรียมเอกสารการเดินทางไปพร้อม ๆ กัน ฉันตั้งใจจะออกเดินทางวันที่ 25 สิงหาคม 2018
ฉันไม่รู้ว่าวันข้างหน้าในขณะที่ฉันเดินทางอยู่ในประเทศอื่นมันจะเป็นยังไง ฉันรู้แค่ว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ
แล้วคุณล่ะ
คุณมี Bucket List หรือเปล่าคะ
เล่าให้ฟังบ้างนะ.
.
.
ฉันยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เก่ง แต่ใจมันใหญ่กว่าตัว ช่วยเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://youtu.be/x1Z1GRcZbU4
คุณมี Bucket List หรือเปล่าคะ
ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่มีความฝันตั้งแต่เด็ก ๆ ฝันถึงอะไรตั้งหลายอย่างที่จะต้องทำก่อนตาย ตอนนั้นไม่รู้หรอกนะว่าเขาเรียกว่า Bucket List จนโตมาได้ดูหนังที่แสดงโดย Jack Nicholson กับ Morgan Freeman ถึงได้รู้ว่า อ้อ..ไอ้ที่เราฝันไว้ว่าอยากทำโน่นนี่นั่นตั้งแต่เด็ก ๆ นั่นน่ะ เขาเรียกว่า Bucket List.
ยี่สิบกว่าปีผ่านไป จนมาถึงวันนี้ หลายอย่างที่เคยฝันไว้ก็ทำเสร็จไปแล้ว แต่หลายอย่างก็ยังค้างคาอยู่ ตัวอย่างที่ทำไปแล้วเห็นจะมี
- กระโดดร่มจากเครื่องบิน
- ปั่นจักรยานจากกรุงเทพกลับบ้าน (730 กม.)
- วิ่งมาราธอน 42.195 กม.
- เรียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก
- ทำงานกับบริษัทต่างชาติ (จะได้เดินทางฟรี พักโรงแรมฟรี)
- ซื้อบ้านให้แม่
- เป็น Idol ของใครสักคน (ฉันไม่รู้หรอก จนมีคนมาบอกว่าฉันเป็น Idol ของเขานั่นแล่ะ ฉันถึงรู้ว่า เออ ทำได้ละนะ)
- ร้องเพลงไทยที่หอไอเฟล (เอาเข้าจริงฉันไปที่หอไอเฟลนะ แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง ได้แต่ฮัมเพลงเบาๆ) เอาน่า ถือว่าได้ทำแล้วก็แล้วกัน ^^
- ฯลฯ
ส่วนไอ้ที่ยังทำไม่สำเร็จก็เห็นจะมี
- ปีนเขาที่สูงกว่าดอยอินทนนท์อย่างน้อย 3 ลูก. ตั้งแต่เดินขึ้นเขาอันนาปุระที่เนปาลเมื่อหลายปีก่อน แล้วก็ไม่มีโอกาสไปปีนเขาที่ไหนอีกเลย อ้อ...ไปปีนภูเขาไฟโบรโม่ที่อินโดนีเซียมาด้วยนะคะ แต่ไม่ถือว่าสูงมาก
- เที่ยวรอบโลก, ฉันเดินทางต่างประเทศบ่อยนะ แต่ไปทำงาน ไม่เคยนึกว่าตัวเองได้ไปเที่ยวเลย
- ว่ายน้ำกับปลาฉลาม
- ไปดูแสงเหนือ
- ดูแลพ่อกับแม่ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ
- บวชชี
ฉันจากบ้านมาเรียนในกรุงเทพ ทำงานในกรุงเทพ ก่อนจะย้ายไปๆมาๆ ระหว่างกรุงเทพกับต่างประเทศ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้เทคโนโลยีการสื่อสารมันจะไปไกลมากเมื่อเทียบกับสมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก แต่ทุกครั้งที่วีดีโอ คอล แล้วเห็นพ่อแม่แก่ลงทุกวัน มันทำให้รู้สึกว่าฉันเป็นลูกที่แย่มาก แม่ฉันใส่ฟันปลอมแล้ว พ่อก็เริ่มสวมแพมเพิสแล้วเพราะกลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ แต่ฉันมัวแต่หลงระเริงไปกับหน้าที่การงาน มีคนนับหน้าถือตา พักโรงแรมหรูหรา บิน Business Class ฉันมีเวลาให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย ลูกน้อง ลูกค้า แต่ไม่มีเวลาให้พ่อแม่ตัวเอง
วันหนึ่งฉันไปตรวจสุขภาพแล้วพบว่ามีก้อนเนื้อขนาดเท่าไข่ไก่ในมดลูก หมอบอกว่าผู้หญิง 25-30% มีก้อนแบบนี้ทั้งนั้น เล็กใหญ่ต่างกัน บางคนก็เป็นก้อนเนื้อ บางคนก็เป็นถุงน้ำ หมอเหมือนจะพูดให้ฉันรู้สึกดีว่ามันไม่น่ากังวล แต่ฉันรู้สึกว่า ทำไมฉันถึงเป็นผู้หญิงใน 25-30% ล่ะ ทำไมถึงไม่อยู่ในกลุ่ม 70-75% ที่ไม่มีก้อนใด ๆ ในมดลูก
ชีวิตนี้มันไม่แน่นอนนะ ขนาดฉันเป็นคนที่แข็งแรงมาก เป็นคนดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย วิ่งมาราธอน นอกจากเป็นหวัดเล็ก ๆ น้อยๆ ฉันไม่เคยป่วยถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อเลยเกือบยี่สิบปีแล้ว หลายคนบอกว่าชีวิตนี้มันสั้นนัก บางคนเกิดมาและตายไปโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองชอบและอยากที่จะทำอะไร ถ้าฉันโชคร้ายกว่านี้ ก้อนเนื้อนั้นมันกลายเป็นมะเร็งขึ้นมา ฉันคงจะเสียใจมากว่าทำไมเราถึงไม่ทำในสิ่งที่เราอยากทำ
ฉันยื่นใบลาออก จบชีวิตการเป็นพนักงานบริษัท กับตำแหน่งสุดท้าย South East Asia Manager ฉันจะใช้เวลา 6 เดือนเที่ยวไปให้ทั่วโดยการขับมอเตอร์ไซค์จากเมืองไทย ไปลาว, จีน. รัสเซีย และเข้ายุโรป ฉันอาจจะปีนเขาอีกซัก 2-3 ลูกในยุโรป นอนดูแสงเหนือที่รัสเซียหรือไม่ก็ฟินแลนด์ หาทริปดำน้ำเล่นกับฉลามสักแห่งที่ฉันขับมอเตอร์ไซค์ผ่าน หลังจากจบทริป คงไม่มีอะไรที่ค้างคาใจอีกแล้ว ฉันจะทำงานที่ไม่ต้องไปไกลบ้าน เพราะฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือดูแลพ่อแม่ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาส แม่ดูเหมือนจะเสียดายที่ฉันทิ้งหน้าที่การงานที่ใคร ๆ ก็มองว่ามันดี แล้วกลับมาทำงานที่บ้าน แต่ฉันเห็นแม่ยิ้มนะ
ตอนนี้ฉันกำลังหัดขับมอเตอร์ไซค์หลังจากที่ไม่ได้ขี่มาหลายสิบปี โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์มีคลัชที่ฉันขี่ไม่เป็นเพราะฉันอาจจะต้องนำมอเตอร์ไซค์มีคลัชไป และฉันก็เตรียมเอกสารการเดินทางไปพร้อม ๆ กัน ฉันตั้งใจจะออกเดินทางวันที่ 25 สิงหาคม 2018
ฉันไม่รู้ว่าวันข้างหน้าในขณะที่ฉันเดินทางอยู่ในประเทศอื่นมันจะเป็นยังไง ฉันรู้แค่ว่านี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ
แล้วคุณล่ะ
คุณมี Bucket List หรือเปล่าคะ
เล่าให้ฟังบ้างนะ.
.
.
ฉันยังขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เก่ง แต่ใจมันใหญ่กว่าตัว ช่วยเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้