เรื่องมันมีอยู่ว่า เพราะคิดถึง....จึงมาเล่า
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่น เป็นครั้งเเรกในชีวิต ซึ่งจองตั๋วข้ามปีกันเลยทีเดียว ^^ นี่ก็กลับมาได้สองเดือนกว่าเเล้ว ยังมโนว่าตัวเองอยู่ที่โน่นอยู่เลย รูปที่ถ่ายไว้ลงig ได้ทั้งปีละมั้ง
สวัสดีค่าา
ก่อนอื่น ขอฝากกระทู้เที่ยวฮ่องกง กระทู้เเรกของเราหน่อยน๊า
อีกรูปแบบหนึ่งของการไปฮ่องกง ไม่เน้นช้อป ไม่เน้นชิม เเต่ชิลมากก ใครชอบสายธรรมชาติ เสพความสโลว์ไลฟ์ ตามโลด!!....
https://m.ppantip.com/topic/36216803?
นั่งไทม์เเมชชีน ย้อนกลับไปเมื่อเดือน พฤษภาคม หลังจากมือลั่นกดจองตั๋วโปรศูนย์บาท ของสายการบินเเอร์เอเชีย เมื่อเดือน เมษายน 2017 เป็นการบังคับตัวเองว่าต้องเก็บตังค์นะ ได้มากได้น้อยค่อยว่ากัน เที่ยวเองสบายๆ กินมาม่าได้
ถ้าพร้อมเเล้ว วางเเผนเที่ยวอยากไปไหนบ้างปักหมุดไว้เลย! เก็บไม่หมดไม่เป็นไร เที่ยวด้วยตัวเองเรายืดหยุ่นได้ค่ะ
ประหนึ่งว่าถึงญี่ปุ่นเเล้ว ไปไหนก็ได้ เพราะญี่ปุ่น เเค่คิดก็ฟินเเล้วว
เเละครั้งแรกกับการเดินทางไปญี่ปุ่นก็มาถึง !
18.05.2018 Kansai Airport • Day 1
บิน 14.50น. ถึงสนามบินคันไซประมาณ21.50 น. (ที่ญี่ปุ่นเวลาจะเร็วกว่าไทยสองชั่วโมง) กว่าจะทำอะไรเสร็จ ผ่าน ตม.ก็จะดึกเเล้ว คืนเเรกเราไม่รีบเท่าไหร่ เพราะเเพลนไว้ว่าจะนอนสนามบินกัน สนามบินคันไซ จะมีที่สำหรับให้นอนด้วยนะคะ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ตอนเเรกเราก็กลัวว่าจะดีมั้ย แต่ลองดูรีวิว ก็สบายใจขึ้น พอไปถึงเห็นสถานที่จริงก็หมดห่วง
อ้อ เราลืมบอกไปว่าเป็นที่นอนรวม (ใครเเพลนจะนอนที่นี่ เตรียมear plugไปเผื่อก็ดีนะคะ ขอเตือน) สำหรับคืนนี้นอนฟังเสียงกรนวนไปค่ะ เตรียมพร้อมลุยกับเช้าวันรุ่งขึ้น
ต้องขอบคุณ chillchilljapan.com รีวิวที่พักได้ระเอียดยิบ ส่วนรายละเอียดขออนุญาตเเปะลิงค์ตรงนี้นะคะ
https://chillchilljapan.com/stay-overnight-in-aeroplaza-kansai-airport/
19.05.2018 Wakayama • Day 2
ตามรอยเหมียวทามะ นายสถานีเเมวเหมียว เเห่งเดียวของญี่ปุ่น!
จุดหมายหลักของวันนี้คือ มุ่งหน้าไปหาเจ้าเหมียว เเค่นั้นเเล่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันไกลเเค่ไหน เเต่เราอยากไปเจอน้อง มันคือความตั้งใจ เราจะไปค่ะ
05.30น. ตื่นเเล้ว! เรียกว่าเเทบไม่ได้นอนเลยดีกว่า หกโมงหน่อยๆ นั่งรถไฟออกจากสนามบินคันไซไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี hineno เเละนั่งไปลงสถานีรถไฟ JR wakayama
ทำไมรถไฟหล่อจัง ^^
อากาศดีมากเลยค่ะ 18-20องศา เเต่พอลมมานี่สั่นกันเลยทีเดียว อ้อลืมบอกไป ตลอดทั้งทริป 5 วันนี้ เราใช้ตั๋วสองเเบบในการเดินทางนะคะ Kansai wide area pass (สามารถใช้ได้แต่รถไฟสาย JR เท่านั้น รวมถึง Shinkansen ตั้งแต่สถานี Shin-Osaka ถึง สถานี Okayama)และ Icoca (บัตรนี้เเค่เติมเงินเข้าไป ก็ใช้แทนเงินสดขึ้นรถ ซื้อของได้เลยค่ะ สะดวกดี)
ตั้งเเต่ออกจากสนามบิน ระหว่างทาง ที่จะไปสถานี Kishi เราจะไม่ค่อยได้เห็นตึกสูงๆ เเต่จะเห็นบ้าน ชุมชน เมืองเล็กๆ สองข้างทางก็จะเต็มไปด้วย ภูเขา ต้นไม้ สายน้ำ เเละสวนผักเขียวขจีเต็มไปหมด อากาศสดชื่นมากๆ
เอาล่ะมาถึงวากายามาเเล้วว ใช้เวลาประมาณ....จำไม่ได้ ไม่ถึงชั่วโมง เเต่ยังค่ะ เป้าหมายเราไม่ได้หยุดอยุ่เเค่นี้ ก่อนอื่นเราเอากระเป๋ามาฝากไว้ในล็อคเกอร์ ที่สถานีนี้ค่ะ ที่ญี่ปุ่นมีล็อคเกอร์ฝากของตามสถานีรถไฟเยอะมาก ราคาประมาณ 300-700 เยน มันเป็นทางผ่าน เดี๋ยวขากลับค่อยเเวะมาเอาไป เพราะวันแรกแพลนเที่ยวที่ Wakayama จึงจำเป็นต้องเอากระเป๋ามาฝากที่ล็อคเกอร์ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาเกินไป เนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่ Osaka ค่ะ
ฝากกระเป๋าไว้ล็อคเกอร์ตรงนั้น เเล้วเดินขึ้นบันไดมารอรถได้เลยค่ะ
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยเเล้ว เราจะไปต่อรถเพื่อไปยัง Kishi เดินไปที่ชานชาลาหมายเลข9 (สังเกตุจากรอยเท้าเเมวที่อยู่บนพื้น เเล้วเดินตามไปเลยค่ะ)
กรอบรูปพวกนี้ ติดไว้สองฝั่งของบันได อ่านไม่ออกค่ะ
เเต่น่าจะเป็นประวัติต่างๆ เรื่องเล่าของ Kishi ^^
ตรงนี้จะมีตู้รถไฟแบบปกติ กับตู้รถไฟขบวนต่างๆที่ตกเเต่งไว้น่ารักมาก เช่นรถไฟสายเเมวเหมียว รถไฟสายของเล่น รถไฟสายสตอเบอรี่ เเต่เรารีบไปหน่อย เลยกระโดดขึ้นรถไฟขบวนเเรกเลย เป็นขบวนเเบบปกติ พอรถออกจากสถานี ก็มีขบวนรถไฟสายเเมวเหมียวสวนทางมา ฮือๆ เสียใจ เเต่ไม่เป็นไรค่ะไปต่อ!
8.45น. เย้ถึงแล้ว! ในที่สุด ในที่สุด ไม่เจอเจ้าเหมียวจ้าาา ไม่เจอคนด้วย! น่าจะเช้าอยู่
มีแต่หมวกหนึ่งใบและความว่างเปล่า ^^
จะบอกว่าเจ้านิทามะ จะมาประจำสถานี เวลาประมาณ 10.00-16.00 น. รู้ทั้งรู้เเต่จะรีบมา อ้อ ถ้าใครจะมาต้องเช็คตารางเข้างานของเจ้าเหมียวก่อนนะคะ ^^ ระหว่างรอเจ้าเหมียว เราก็ไปเดินเล่นบริเวณถนนสายนั้น เดินถ่ายรูป ชมบ้านเมือง อากาศดี เมืองสงบเงียบมากก (ผู้คนน่าจะยังไม่ตื่น ฮ่าๆๆ)
เดินมาไกลพอสมควร ได้เวลาเดินย้อนกลับแล้ว ประมาณ10โมง คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าเเมว เรื่อยๆเลยค่ะ ก็อ้วนกลม น่ารักขนาดนี้นี่นา
มาถึงเจ้าตัวก็นอนเลยจ้าา ขี้เซาจริงๆ
ตื่นมาละยังหันก้นกลมๆให้อี๊กก
เข้าไปหาถึงที่ซะเลย ^^
สถานีนี้ก็มีคาเฟ่ เเละร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เจ้าทามะเลยก็ว่าได้ อย่าลืมอุดหนุน ซื้อติดไม้ติดมือไว้เป็นของฝากได้นะคะ บอกเลยไม่มีจำหน่ายที่ไหน เรานี่อยากได้เยอะเเยะไปหมด สำหรับทาสเเมวทั้งหลาย ระวังจะล้มละลายเอาได้น๊าา
ประทับตราไว้ซะหน่อย เค้ามาหาละน๊าา
เมื่อได้ทักทายเจ้านิทามะสมใจเเล้ว ก็ต้องขอลาเจ้าเหมียวตรงนี้ ไว้มีโอกาสจะมาหานะ
ซาโยนาระ
จากนั้น ก็ขึ้นไปรอรถไฟ ตรงที่เดิมนั่นแหละกลับไปตั้งหลักที่ สถานีวากายามะก่อน คราวนี้ได้ขึ้นรถไฟสายของเล่นด้วย ตกเเต่งได้น่ารักมาก ภายในรถมีกาชาปอง เเละโมเดลของเล่นเต็มไปหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ นั่งไม่ติดเลย หมุนกาชาปองกันสนุกสนาน
จุดหมายหลักไปมาแล้ว ต่อไปเป็นจุดหมายรองของวันนี้บ้าง เมื่อนั่งรถย้อนกลับมาถึงที่วากายามะแล้ว ออกจากสถานีมา
ก็นั่งรถเมล์ไปลง Marina City ที่นั่นก็จะมีตลาดปลา Kuroshio Ichiba ศูนย์รวมอาหารทะเลสดๆ สาธิตการโชว์เเร่ปลาทูน่ายักษ์ มีผักผลไม้ ผลิตภัณฑ์เเปรรูป ส่งตรงจากฟาร์ม ราคาไม่เเพงด้วยนะคะ ว่าแล้วก็วาร์ปโลดด!
ดูสิ ตลาดปลาที่นี่ธรรมดาที่ไหน เเค่ทางเข้าก็อลังเเล้วว
มีโชว์เเร่ปลาทูน่ายักษ์ด้วย
เดินทะลุออกมาก็จะเป็นที่นั่งทานอาหารริมทะเล บรรยากาศดีมากเว่อร์ ^^
อ้อ ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลเท่านั้นนะคะ ของฝาก ผลไม้ ขนมพื้นบ้านก็มี
ถัดมาข้างๆ ตลาดปลาก็เป็นสวนสนุก Porto Europa หากต้องการเข้าสวนสนุกก็จะมีเสียค่าเครื่องเล่น ต่างหากนะคะ เเต่ถ้าไม่เล่นก็เข้าไปเดินถ่ายรูปได้ รับรองที่นี่ได้รูปสวยๆเยอะเเน่นอนค่ะ
เหมือนมาญี่ปุ่นเเล้วได้เที่ยวยุโรปนิดนึง ^^
กลับไปที่สถานี JR Wakayama ค่ะ ไปกินราเม็งที่ร้าน Ide Shoten ร้านราเม็งชื่อดังของญี่ปุ่นเลยนะคะ
ได้รับเลือกให้ไปประจำที่ราเม็งมิวเซียมด้วย ว่ากันว่าคุณลุงเจ้าของร้านเป็นเเชมป์ราเม็งเเชมป์เปี้ยนไปอีก!
ขอวาร์ปเลยละกัน!
ถึงเเล้วค่า ร้านอยู่ห่างจากสถานี JR Wakayama เดินมาเเค่ 10-15 นาทีเองค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย กลิ่นนี้ลอยมาถึงก่อนจะเจอหน้าร้านซะอีก
[CR] KANSAI_JAPAN :: ทริปสุดหินฟินจนเท้าบวม 4 คืน5 วัน กับ 5 เมือง Wakayama • Okayama • Kobe • Kyoto • Osaka
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่น เป็นครั้งเเรกในชีวิต ซึ่งจองตั๋วข้ามปีกันเลยทีเดียว ^^ นี่ก็กลับมาได้สองเดือนกว่าเเล้ว ยังมโนว่าตัวเองอยู่ที่โน่นอยู่เลย รูปที่ถ่ายไว้ลงig ได้ทั้งปีละมั้ง
ก่อนอื่น ขอฝากกระทู้เที่ยวฮ่องกง กระทู้เเรกของเราหน่อยน๊า
อีกรูปแบบหนึ่งของการไปฮ่องกง ไม่เน้นช้อป ไม่เน้นชิม เเต่ชิลมากก ใครชอบสายธรรมชาติ เสพความสโลว์ไลฟ์ ตามโลด!!....https://m.ppantip.com/topic/36216803?
นั่งไทม์เเมชชีน ย้อนกลับไปเมื่อเดือน พฤษภาคม หลังจากมือลั่นกดจองตั๋วโปรศูนย์บาท ของสายการบินเเอร์เอเชีย เมื่อเดือน เมษายน 2017 เป็นการบังคับตัวเองว่าต้องเก็บตังค์นะ ได้มากได้น้อยค่อยว่ากัน เที่ยวเองสบายๆ กินมาม่าได้
ถ้าพร้อมเเล้ว วางเเผนเที่ยวอยากไปไหนบ้างปักหมุดไว้เลย! เก็บไม่หมดไม่เป็นไร เที่ยวด้วยตัวเองเรายืดหยุ่นได้ค่ะ
ประหนึ่งว่าถึงญี่ปุ่นเเล้ว ไปไหนก็ได้ เพราะญี่ปุ่น เเค่คิดก็ฟินเเล้วว
เเละครั้งแรกกับการเดินทางไปญี่ปุ่นก็มาถึง !
18.05.2018 Kansai Airport • Day 1
บิน 14.50น. ถึงสนามบินคันไซประมาณ21.50 น. (ที่ญี่ปุ่นเวลาจะเร็วกว่าไทยสองชั่วโมง) กว่าจะทำอะไรเสร็จ ผ่าน ตม.ก็จะดึกเเล้ว คืนเเรกเราไม่รีบเท่าไหร่ เพราะเเพลนไว้ว่าจะนอนสนามบินกัน สนามบินคันไซ จะมีที่สำหรับให้นอนด้วยนะคะ ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ตอนเเรกเราก็กลัวว่าจะดีมั้ย แต่ลองดูรีวิว ก็สบายใจขึ้น พอไปถึงเห็นสถานที่จริงก็หมดห่วง
อ้อ เราลืมบอกไปว่าเป็นที่นอนรวม (ใครเเพลนจะนอนที่นี่ เตรียมear plugไปเผื่อก็ดีนะคะ ขอเตือน) สำหรับคืนนี้นอนฟังเสียงกรนวนไปค่ะ เตรียมพร้อมลุยกับเช้าวันรุ่งขึ้น
ต้องขอบคุณ chillchilljapan.com รีวิวที่พักได้ระเอียดยิบ ส่วนรายละเอียดขออนุญาตเเปะลิงค์ตรงนี้นะคะ https://chillchilljapan.com/stay-overnight-in-aeroplaza-kansai-airport/
19.05.2018 Wakayama • Day 2
ตามรอยเหมียวทามะ นายสถานีเเมวเหมียว เเห่งเดียวของญี่ปุ่น!
จุดหมายหลักของวันนี้คือ มุ่งหน้าไปหาเจ้าเหมียว เเค่นั้นเเล่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันไกลเเค่ไหน เเต่เราอยากไปเจอน้อง มันคือความตั้งใจ เราจะไปค่ะ
05.30น. ตื่นเเล้ว! เรียกว่าเเทบไม่ได้นอนเลยดีกว่า หกโมงหน่อยๆ นั่งรถไฟออกจากสนามบินคันไซไปเปลี่ยนขบวนที่สถานี hineno เเละนั่งไปลงสถานีรถไฟ JR wakayama
ทำไมรถไฟหล่อจัง ^^
อากาศดีมากเลยค่ะ 18-20องศา เเต่พอลมมานี่สั่นกันเลยทีเดียว อ้อลืมบอกไป ตลอดทั้งทริป 5 วันนี้ เราใช้ตั๋วสองเเบบในการเดินทางนะคะ Kansai wide area pass (สามารถใช้ได้แต่รถไฟสาย JR เท่านั้น รวมถึง Shinkansen ตั้งแต่สถานี Shin-Osaka ถึง สถานี Okayama)และ Icoca (บัตรนี้เเค่เติมเงินเข้าไป ก็ใช้แทนเงินสดขึ้นรถ ซื้อของได้เลยค่ะ สะดวกดี)
ตั้งเเต่ออกจากสนามบิน ระหว่างทาง ที่จะไปสถานี Kishi เราจะไม่ค่อยได้เห็นตึกสูงๆ เเต่จะเห็นบ้าน ชุมชน เมืองเล็กๆ สองข้างทางก็จะเต็มไปด้วย ภูเขา ต้นไม้ สายน้ำ เเละสวนผักเขียวขจีเต็มไปหมด อากาศสดชื่นมากๆ
เอาล่ะมาถึงวากายามาเเล้วว ใช้เวลาประมาณ....จำไม่ได้ ไม่ถึงชั่วโมง เเต่ยังค่ะ เป้าหมายเราไม่ได้หยุดอยุ่เเค่นี้ ก่อนอื่นเราเอากระเป๋ามาฝากไว้ในล็อคเกอร์ ที่สถานีนี้ค่ะ ที่ญี่ปุ่นมีล็อคเกอร์ฝากของตามสถานีรถไฟเยอะมาก ราคาประมาณ 300-700 เยน มันเป็นทางผ่าน เดี๋ยวขากลับค่อยเเวะมาเอาไป เพราะวันแรกแพลนเที่ยวที่ Wakayama จึงจำเป็นต้องเอากระเป๋ามาฝากที่ล็อคเกอร์ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาเกินไป เนื่องจากเราจองที่พักไว้ที่ Osaka ค่ะ
ฝากกระเป๋าไว้ล็อคเกอร์ตรงนั้น เเล้วเดินขึ้นบันไดมารอรถได้เลยค่ะ
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยเเล้ว เราจะไปต่อรถเพื่อไปยัง Kishi เดินไปที่ชานชาลาหมายเลข9 (สังเกตุจากรอยเท้าเเมวที่อยู่บนพื้น เเล้วเดินตามไปเลยค่ะ)
ตรงนี้จะมีตู้รถไฟแบบปกติ กับตู้รถไฟขบวนต่างๆที่ตกเเต่งไว้น่ารักมาก เช่นรถไฟสายเเมวเหมียว รถไฟสายของเล่น รถไฟสายสตอเบอรี่ เเต่เรารีบไปหน่อย เลยกระโดดขึ้นรถไฟขบวนเเรกเลย เป็นขบวนเเบบปกติ พอรถออกจากสถานี ก็มีขบวนรถไฟสายเเมวเหมียวสวนทางมา ฮือๆ เสียใจ เเต่ไม่เป็นไรค่ะไปต่อ!
8.45น. เย้ถึงแล้ว! ในที่สุด ในที่สุด ไม่เจอเจ้าเหมียวจ้าาา ไม่เจอคนด้วย! น่าจะเช้าอยู่
มีแต่หมวกหนึ่งใบและความว่างเปล่า ^^
จะบอกว่าเจ้านิทามะ จะมาประจำสถานี เวลาประมาณ 10.00-16.00 น. รู้ทั้งรู้เเต่จะรีบมา อ้อ ถ้าใครจะมาต้องเช็คตารางเข้างานของเจ้าเหมียวก่อนนะคะ ^^ ระหว่างรอเจ้าเหมียว เราก็ไปเดินเล่นบริเวณถนนสายนั้น เดินถ่ายรูป ชมบ้านเมือง อากาศดี เมืองสงบเงียบมากก (ผู้คนน่าจะยังไม่ตื่น ฮ่าๆๆ)
ตื่นมาละยังหันก้นกลมๆให้อี๊กก
เข้าไปหาถึงที่ซะเลย ^^
สถานีนี้ก็มีคาเฟ่ เเละร้านจำหน่ายของที่ระลึกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เจ้าทามะเลยก็ว่าได้ อย่าลืมอุดหนุน ซื้อติดไม้ติดมือไว้เป็นของฝากได้นะคะ บอกเลยไม่มีจำหน่ายที่ไหน เรานี่อยากได้เยอะเเยะไปหมด สำหรับทาสเเมวทั้งหลาย ระวังจะล้มละลายเอาได้น๊าา
ประทับตราไว้ซะหน่อย เค้ามาหาละน๊าา
เมื่อได้ทักทายเจ้านิทามะสมใจเเล้ว ก็ต้องขอลาเจ้าเหมียวตรงนี้ ไว้มีโอกาสจะมาหานะ
จากนั้น ก็ขึ้นไปรอรถไฟ ตรงที่เดิมนั่นแหละกลับไปตั้งหลักที่ สถานีวากายามะก่อน คราวนี้ได้ขึ้นรถไฟสายของเล่นด้วย ตกเเต่งได้น่ารักมาก ภายในรถมีกาชาปอง เเละโมเดลของเล่นเต็มไปหมด ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ นั่งไม่ติดเลย หมุนกาชาปองกันสนุกสนาน
น่ารักมากกกก
จุดหมายหลักไปมาแล้ว ต่อไปเป็นจุดหมายรองของวันนี้บ้าง เมื่อนั่งรถย้อนกลับมาถึงที่วากายามะแล้ว ออกจากสถานีมา
ก็นั่งรถเมล์ไปลง Marina City ที่นั่นก็จะมีตลาดปลา Kuroshio Ichiba ศูนย์รวมอาหารทะเลสดๆ สาธิตการโชว์เเร่ปลาทูน่ายักษ์ มีผักผลไม้ ผลิตภัณฑ์เเปรรูป ส่งตรงจากฟาร์ม ราคาไม่เเพงด้วยนะคะ ว่าแล้วก็วาร์ปโลดด!
ดูสิ ตลาดปลาที่นี่ธรรมดาที่ไหน เเค่ทางเข้าก็อลังเเล้วว
เดินทะลุออกมาก็จะเป็นที่นั่งทานอาหารริมทะเล บรรยากาศดีมากเว่อร์ ^^
อ้อ ที่นี่ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลเท่านั้นนะคะ ของฝาก ผลไม้ ขนมพื้นบ้านก็มี
ถัดมาข้างๆ ตลาดปลาก็เป็นสวนสนุก Porto Europa หากต้องการเข้าสวนสนุกก็จะมีเสียค่าเครื่องเล่น ต่างหากนะคะ เเต่ถ้าไม่เล่นก็เข้าไปเดินถ่ายรูปได้ รับรองที่นี่ได้รูปสวยๆเยอะเเน่นอนค่ะ
กลับไปที่สถานี JR Wakayama ค่ะ ไปกินราเม็งที่ร้าน Ide Shoten ร้านราเม็งชื่อดังของญี่ปุ่นเลยนะคะ
ได้รับเลือกให้ไปประจำที่ราเม็งมิวเซียมด้วย ว่ากันว่าคุณลุงเจ้าของร้านเป็นเเชมป์ราเม็งเเชมป์เปี้ยนไปอีก!
ขอวาร์ปเลยละกัน!
ถึงเเล้วค่า ร้านอยู่ห่างจากสถานี JR Wakayama เดินมาเเค่ 10-15 นาทีเองค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงเลย กลิ่นนี้ลอยมาถึงก่อนจะเจอหน้าร้านซะอีก
สมคำร่ำรือ อร่อยจนต้องยกซด (เพราะไม่มีช้อนให้) อร่อยจริงๆค่ะ หมูชาบูชิ้นใหญ่ๆ น้ำซุปเข้นข้น ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลย
มีเครื่องเคียงวางให้ด้วย ราคาราเม็งเริ่มที่ 600 เยนก็อิ่มได้นะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้