สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่มีใจรักการเดินทาง และกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครทุกท่าน
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ ประกอบกับการรีวิว การเดินทางไปยังบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จ.กาญจนบุรี กันนะครับ
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ ผมเลือกไปในหน้าฝน และตรงกับวันหยุด 4 วันพอดี (27-29 ก.ค. 61) เอาละครับมาเริ่มกันเลย
ก่อนจะเริ่มทริปในครั้งนี้ ผมดูปฏิทิน และเริ่มวางแผนว่า วันหยุดเดือน กรกฎาคม มี 4 วัน จะไปเที่ยวไหนดี จากนั้นก็ไปเปิด facebook เข้าเพจเที่ยวต่าง ๆ
เพื่อมีคนรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนแบบชิกๆ ชิวๆ จนสุดท้ายก็เลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ ก็เจอ ไม่ว่าจะเป็น น่าน ปัว บ่อเกลือ เชียงใหม่ เขาใหญ่ แม่ฮ่องสอน ฯลฯ และสุดท้ายก็มาจบลงที่หมู่บ้านอีต่อง ปิล็อก หมู่บ้านกลางหุบเขา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยทะเลหมอก อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย และธรรมชาติที่เขียวขจี
หลังจากได้สถานที่แล้ว ผมก็เริ่มชวนเพื่อน วางแผนเส้นทาง ที่พัก วิธีการเดินทาง สถานที่ที่จะไปเมื่อไปถึงหมู่บ้าน จนได้ออกมาเป็นแผนดังนี้ครับ
แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ เพราะการเริ่มเดินทางมันไม่ง่ายขนาดนั้น มันมีความซวยตั้งแต่ก่อนที่ทริปนี้จะเริ่มอีกนะครับ
ขอเล่าก่อนเลยนะครับ พวกเราเลือกใช้การเดินทางโดยรถตู้ ซึ่งค่าเช่ารถ 1,800 บาทต่อวัน น้ำมันเราเติมเอง โดยเราให้รถมารับที่บางแสน หน้าแหลมทอง เวลา 06.30 น. และก็จะออกเดินทางไปรับเพื่อนที่อยู่ กทม. ที่ BTS บางนา
พอรถตู้มาถึงจุดนัดรับ ความซวยก็เริ่มขึ้น คนขับรถเดินลงมาเปิดประตูและบอกเราว่า "น้องๆ แอร์เสีย แถวนี้มีร้านไดนาโมที่เปิดแล้วบ้างไหม"
เอาแล้วไงคิดในใจ "ไอ้...เช้าขนาดนี้จะมีร้านไหนเปิดว่ะ" เราเลยบอกคนขับไปว่า "เอาแบบนี้ครับ งั้นเราออกเดินทางไป BTS บางนากันก่อน ระหว่างทางถ้าเจอร้านได ก็ค่อยจอดซ่อมก็ได้ครับ"
คนขับก็โอเค เราจึงขนของขึ้นรถ ออกเดินทางในสภาพที่โคตรร้อน กระจกหน้ารถก็เอาลงไม่ได้ แล้วกูต้องมานั่งหน้าข้างคนขับอีก
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดนัดรับเพื่อนที่กลุ่มที่ BTS บางนา และได้บอกข่าวร้ายเบา ๆ ว่า "รถแอร์เสียนะ ทนร้อนหน่อย เดี๋ยวเจอร้านซ่อมได จะจอดซ่อมก่อนนะ"
เพื่อนๆในทริปก็โอเค และเดินทางต่อไป ระหว่างนั้นเราก็มองข้างทาง หาร้านซ่อมได จนมาเจอร้านนึงที่เปิดพอดี
ในใจคิดว่า "สบายใจแล้ว เจอร้านแล้ว กูรอดแล้วโว้ยยยยยยยย"
พอซ่อมเสร็จ พวกเราขึ้นรถ ด้วยแอร์ที่เย็นช่ำ และออกเดินทางกันต่อโดยใช้เส้นทาง นครปฐม - ราชบุรี - กาญจนบุรี
แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ซวยครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น เราออกเดินทางมาเรื่อย ๆ จนถึงปั๊ม ปตท. แถวๆ บางใหญ่ เราแวะปั๊มซื้อกาแฟ พักรถ เข้าห้องน้ำกัน
จากนั้นเพื่อนคนนึง เดินมาหาเราและบอกว่า "คนขับรถบอกว่า รถแบตหมด ต้องเปลี่ยนให้รอสักครู่"
เราก็บอกว่า "โอเคๆ งั้นนั่งรถก่อนละกัน" ในใจคิดว่า "คงจะเปลี่ยนแบตแปปเดียวก็น่าจะไม่ถึง 15 นาทีก็น่าจะพร้อมเดินทางต่อ"
แต่ทันใดไหนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนขับรถโทรมาบอกว่า "น้องๆ พอดีระบบไดมันเหมือนจะเสียอีกแล้ว เดี๋ยวพี่เอาไปเข้าร้านซ่อมแถวนี้ก่อนนะ น้องๆนั่งรอแปปนึงที่ปั๊มก่อนนะ"
เราก็บอกไปว่า "ครับพี่ (กูคงปฏิเสธไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้ซ่อมไปก่อน)" พวกเรานั่งรอยาวนานนนนน ประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม. ได้ คนขับก็โทรมาและเรียกให้เราไปขึ้นรถ
จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ และถามกับคนขับว่า "คงจะไม่มีอะไรเสียอีกแล้วใช่ไหมครับพี่"
คนขับบอกว่า "น่าจะไม่มีแล้วนะ"
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม แต่แล้วความซวยครั้งที่สามก็มาถึง
เราออกเดินทางมาถึงที่อำเภอ นครชัยศรี รถก็เริ่มมีปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง แอร์เริ่มติดๆดับๆ
คนขับเลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าร้านซ่อมรถ
จากนั้นเราก็เลยบอกว่า "งั้นเช็คให้หมดเลยพี่ จะได้ไม่เสียเวลา"
แต่แล้วความเสียเวลาก็บังเกิด เราเสียเวลาในการจอดๆ หยุดๆ ขึ้นๆ ลงๆ กับการซ่อมรถ ตั้งแต่ 9 โมงเช้ายัน บ่าย 2 (แต่ในความซวยก็ยังมีความโชคดีอยู่คือ "พี่คนขับเขาไม่คิดเงินค่ารถ 1 วัน" ซึ่งเราประหยัดไปได้ 1,800 บาท แลกกับการที่ไม่ได้ไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้)
แผนที่วางไว้ ทุกอย่างล้มหมด งั้นเราจึงตัดสินใจบอกเพื่อนๆว่า "เราจะแวะไหว้พระที่องค์พระปฐมเจดีย์ ล้างซวย แล้วกินข้าวที่หน้าองค์พระ แล้วออกเดินทางไปที่กาญจนบุรีเลยนะ"
เพื่อนๆทุกคนตกลง และเข้าใจก็เริ่มวางแผนกันใหม่ ออกเดินทางไปองค์พระปฐมเจดีย์ ไหว้พระ กินข้าว และออกเดินทางต่อไปแวะที่
"มีนา คาเฟ่"
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. จากนครปฐมไปถึง มีนา คาเฟ่ ก็เวลา 4 โมงเย็น เราหยุดพักรถ ถ่ายรูปเล่น กินน้ำ เข้าห้องน้ำที่ มีนา คาเฟ่
เอาละครับ เราไปชมภาพที่เอามาฝากกันเลย
ชมภาพบรรยากาศไปแล้ว ไปชมเพื่อนร่วมทริปกันบ้าง
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ได้ เราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ (เริ่มออกเดินทางตอน 5 โมงเย็น) มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านอีต่อง ปิล็อก เราเปิดดู google map พบว่า "ไอ้...นี้กูต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานขนาดนี้เลยหรอว่ะ กูจะถึงกี่โมงเนี้ย (จากมีนา คาเฟ่ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.) เอาว่ะ 5 ชม. ก็ 5 ชม. ไปกันเลยครับพี่ ออกเดินทางสู่ปิล็อก" จากนั้นเราก็นั่งอยู่แต่ในรถ แวะปั๊มเข้าห้องน้ำบ้าง แต่ที่โชคดีคือ รถไม่มีปัญหาแล้วโว้ยยยยย
จนเราออกเดินทางมาถึง อ.ทองผาภูมิ เราก็แวะกินข้าวกัน เพราะตอนนั้นก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวขึ้นไปหมู่บ้านจะไม่มีอะไรกิน เราเลยตัดสินใจหาอะไรกินก่อนไปเจอเส้นทางคตโค้งยังกะลำไส้ในอนาคต (คตโค้งยังกะลำไส้ขนาดไหน ให้กดไปดูเส้นทางได้ที่ google map ได้เลย จำนวน 399 โค้งจากจุดเริ่มต้นของเส้นทางลำไส้)
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านอีต่องในเวลา 5 ทุ่มโดยประมาณ เราจองเต็นท์กับทางปิล็อก แคมป์ไว้ 3 หลัง ซึ่งเต็นท์กางอยู่ที่ศาลาอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน เราต้องใช้ห้องน้ำรวม (เรื่องที่พักนี้เราคุยกับทุกคนแล้ว ทุกคนบอกว่าโอเคไม่มีปัญหาอะไร) พอลงจากรถเจ้าของที่พักก็ทักทายด้วยคำว่า "ยินดีต้อนรับสู่ความลำบาก" ในใจคิดว่า "เอาแล้วไง กูไม่ได้มาแบบสบายๆแล้วไงละ"
หลังจากนั้นไม่นานความซวยครั้งที่สี่ ก็เริ่มต้นขึ้น เรากำลังนั่งพัก พูดคุยกัน และกำลังจะไปอาบน้ำ ไฟก็ดับ ความซวยต่อมาคือไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ(น้ำอุ่นที่จะอาบเราต้องเดินออกไปประมาณ 300 เมตร) สรุปแล้วเราต้องใช้แสงไฟจากไฟฉายบ้าง เทียนบ้าง โทรศัพท์บ้าง และอาบน้ำเย็นในห้องน้ำร่วม ส่วนพรุ่งนี้เช้าก็แล้วแต่ว่า ใครจะอาบหรือไม่อาบ เพราะอากาศข้างบน เย็น หนาว และมีหมอกตลอดเวลาจริงๆครับ หลังจากตกลงกันแล้วเราก็แยกย้ายไปจัดการตัวเอง เข้านอนพักผ่อน เติมพลัง เพื่อเช้าวันใหม่ที่เราพวกเราอยู่
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าที่ปิล็อก เราตื่นเช้า ทำธุระส่วนตัว แล้วก็แยกย้ายกันไปถ่ายรูป เก็บบรรยากาศ เก็บภาพไว้ในความทรงจำ และนัดพบกันอีกที่ตรงที่พักเวลา 9 โมงเช้า เพื่อที่จะออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รอบหมู่บ้าน
ตามตรงเลยนะครับ ระหว่างที่เดินเล่นในหมู่บ้าน เราต้องใส่เสื้อกันฝน หรือพกฝนไว้ตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่า ฝนจะตกลงมาเมื่อไร เพราะหมอกหนามากๆ แถมเสี่ยงต่อกล้องจะขึ้นฝ้าอีกด้วย
พอเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสะพานที่ทุกคนที่มาต้องมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
ป้าเสื้อแดงนี่แย่งซีนสุดๆ
พอได้รูปที่ต้องการแล้ว เราก็ออกเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอกับจุดสำคัญอีกจุด นั่นคือ เหมืองเก่าที่ชื่อว่า "เหมืองปิล็อก"
เนื่องจากต้องตัดลงไปแค่นี้ก่อนนะครับ เราจะมาต่อกันที่คอมเม้น เนื่องจากตัวอักษรมีจำกัดครับ
ปิล็อก "กูบอกแล้ว"
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ ประกอบกับการรีวิว การเดินทางไปยังบ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จ.กาญจนบุรี กันนะครับ
ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ ผมเลือกไปในหน้าฝน และตรงกับวันหยุด 4 วันพอดี (27-29 ก.ค. 61) เอาละครับมาเริ่มกันเลย
ก่อนจะเริ่มทริปในครั้งนี้ ผมดูปฏิทิน และเริ่มวางแผนว่า วันหยุดเดือน กรกฎาคม มี 4 วัน จะไปเที่ยวไหนดี จากนั้นก็ไปเปิด facebook เข้าเพจเที่ยวต่าง ๆ
เพื่อมีคนรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวหน้าฝนแบบชิกๆ ชิวๆ จนสุดท้ายก็เลื่อนลงมาดูเรื่อยๆ ก็เจอ ไม่ว่าจะเป็น น่าน ปัว บ่อเกลือ เชียงใหม่ เขาใหญ่ แม่ฮ่องสอน ฯลฯ และสุดท้ายก็มาจบลงที่หมู่บ้านอีต่อง ปิล็อก หมู่บ้านกลางหุบเขา บรรยากาศที่เต็มไปด้วยทะเลหมอก อากาศบริสุทธิ์ เย็นสบาย และธรรมชาติที่เขียวขจี
หลังจากได้สถานที่แล้ว ผมก็เริ่มชวนเพื่อน วางแผนเส้นทาง ที่พัก วิธีการเดินทาง สถานที่ที่จะไปเมื่อไปถึงหมู่บ้าน จนได้ออกมาเป็นแผนดังนี้ครับ
แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ เพราะการเริ่มเดินทางมันไม่ง่ายขนาดนั้น มันมีความซวยตั้งแต่ก่อนที่ทริปนี้จะเริ่มอีกนะครับ
ขอเล่าก่อนเลยนะครับ พวกเราเลือกใช้การเดินทางโดยรถตู้ ซึ่งค่าเช่ารถ 1,800 บาทต่อวัน น้ำมันเราเติมเอง โดยเราให้รถมารับที่บางแสน หน้าแหลมทอง เวลา 06.30 น. และก็จะออกเดินทางไปรับเพื่อนที่อยู่ กทม. ที่ BTS บางนา
พอรถตู้มาถึงจุดนัดรับ ความซวยก็เริ่มขึ้น คนขับรถเดินลงมาเปิดประตูและบอกเราว่า "น้องๆ แอร์เสีย แถวนี้มีร้านไดนาโมที่เปิดแล้วบ้างไหม"
เอาแล้วไงคิดในใจ "ไอ้...เช้าขนาดนี้จะมีร้านไหนเปิดว่ะ" เราเลยบอกคนขับไปว่า "เอาแบบนี้ครับ งั้นเราออกเดินทางไป BTS บางนากันก่อน ระหว่างทางถ้าเจอร้านได ก็ค่อยจอดซ่อมก็ได้ครับ"
คนขับก็โอเค เราจึงขนของขึ้นรถ ออกเดินทางในสภาพที่โคตรร้อน กระจกหน้ารถก็เอาลงไม่ได้ แล้วกูต้องมานั่งหน้าข้างคนขับอีก
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงจุดนัดรับเพื่อนที่กลุ่มที่ BTS บางนา และได้บอกข่าวร้ายเบา ๆ ว่า "รถแอร์เสียนะ ทนร้อนหน่อย เดี๋ยวเจอร้านซ่อมได จะจอดซ่อมก่อนนะ"
เพื่อนๆในทริปก็โอเค และเดินทางต่อไป ระหว่างนั้นเราก็มองข้างทาง หาร้านซ่อมได จนมาเจอร้านนึงที่เปิดพอดี
ในใจคิดว่า "สบายใจแล้ว เจอร้านแล้ว กูรอดแล้วโว้ยยยยยยยย"
พอซ่อมเสร็จ พวกเราขึ้นรถ ด้วยแอร์ที่เย็นช่ำ และออกเดินทางกันต่อโดยใช้เส้นทาง นครปฐม - ราชบุรี - กาญจนบุรี
แต่ทันใดนั้น เหตุการณ์ซวยครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น เราออกเดินทางมาเรื่อย ๆ จนถึงปั๊ม ปตท. แถวๆ บางใหญ่ เราแวะปั๊มซื้อกาแฟ พักรถ เข้าห้องน้ำกัน
จากนั้นเพื่อนคนนึง เดินมาหาเราและบอกว่า "คนขับรถบอกว่า รถแบตหมด ต้องเปลี่ยนให้รอสักครู่"
เราก็บอกว่า "โอเคๆ งั้นนั่งรถก่อนละกัน" ในใจคิดว่า "คงจะเปลี่ยนแบตแปปเดียวก็น่าจะไม่ถึง 15 นาทีก็น่าจะพร้อมเดินทางต่อ"
แต่ทันใดไหนมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนขับรถโทรมาบอกว่า "น้องๆ พอดีระบบไดมันเหมือนจะเสียอีกแล้ว เดี๋ยวพี่เอาไปเข้าร้านซ่อมแถวนี้ก่อนนะ น้องๆนั่งรอแปปนึงที่ปั๊มก่อนนะ"
เราก็บอกไปว่า "ครับพี่ (กูคงปฏิเสธไม่ได้ ก็คงต้องปล่อยให้ซ่อมไปก่อน)" พวกเรานั่งรอยาวนานนนนน ประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชม. ได้ คนขับก็โทรมาและเรียกให้เราไปขึ้นรถ
จากนั้นเราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ และถามกับคนขับว่า "คงจะไม่มีอะไรเสียอีกแล้วใช่ไหมครับพี่"
คนขับบอกว่า "น่าจะไม่มีแล้วนะ"
จากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม แต่แล้วความซวยครั้งที่สามก็มาถึง
เราออกเดินทางมาถึงที่อำเภอ นครชัยศรี รถก็เริ่มมีปัญหาขึ้นมาอีกครั้ง แอร์เริ่มติดๆดับๆ
คนขับเลยตัดสินใจเลี้ยวเข้าร้านซ่อมรถ
จากนั้นเราก็เลยบอกว่า "งั้นเช็คให้หมดเลยพี่ จะได้ไม่เสียเวลา"
แต่แล้วความเสียเวลาก็บังเกิด เราเสียเวลาในการจอดๆ หยุดๆ ขึ้นๆ ลงๆ กับการซ่อมรถ ตั้งแต่ 9 โมงเช้ายัน บ่าย 2 (แต่ในความซวยก็ยังมีความโชคดีอยู่คือ "พี่คนขับเขาไม่คิดเงินค่ารถ 1 วัน" ซึ่งเราประหยัดไปได้ 1,800 บาท แลกกับการที่ไม่ได้ไปเที่ยวตามแผนที่วางไว้)
แผนที่วางไว้ ทุกอย่างล้มหมด งั้นเราจึงตัดสินใจบอกเพื่อนๆว่า "เราจะแวะไหว้พระที่องค์พระปฐมเจดีย์ ล้างซวย แล้วกินข้าวที่หน้าองค์พระ แล้วออกเดินทางไปที่กาญจนบุรีเลยนะ"
เพื่อนๆทุกคนตกลง และเข้าใจก็เริ่มวางแผนกันใหม่ ออกเดินทางไปองค์พระปฐมเจดีย์ ไหว้พระ กินข้าว และออกเดินทางต่อไปแวะที่ "มีนา คาเฟ่"
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. จากนครปฐมไปถึง มีนา คาเฟ่ ก็เวลา 4 โมงเย็น เราหยุดพักรถ ถ่ายรูปเล่น กินน้ำ เข้าห้องน้ำที่ มีนา คาเฟ่
เอาละครับ เราไปชมภาพที่เอามาฝากกันเลย
ชมภาพบรรยากาศไปแล้ว ไปชมเพื่อนร่วมทริปกันบ้าง
หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ได้ เราก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ (เริ่มออกเดินทางตอน 5 โมงเย็น) มุ่งหน้าสู่ หมู่บ้านอีต่อง ปิล็อก เราเปิดดู google map พบว่า "ไอ้...นี้กูต้องใช้เวลาเดินทางยาวนานขนาดนี้เลยหรอว่ะ กูจะถึงกี่โมงเนี้ย (จากมีนา คาเฟ่ เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม.) เอาว่ะ 5 ชม. ก็ 5 ชม. ไปกันเลยครับพี่ ออกเดินทางสู่ปิล็อก" จากนั้นเราก็นั่งอยู่แต่ในรถ แวะปั๊มเข้าห้องน้ำบ้าง แต่ที่โชคดีคือ รถไม่มีปัญหาแล้วโว้ยยยยย
จนเราออกเดินทางมาถึง อ.ทองผาภูมิ เราก็แวะกินข้าวกัน เพราะตอนนั้นก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว เดี๋ยวขึ้นไปหมู่บ้านจะไม่มีอะไรกิน เราเลยตัดสินใจหาอะไรกินก่อนไปเจอเส้นทางคตโค้งยังกะลำไส้ในอนาคต (คตโค้งยังกะลำไส้ขนาดไหน ให้กดไปดูเส้นทางได้ที่ google map ได้เลย จำนวน 399 โค้งจากจุดเริ่มต้นของเส้นทางลำไส้)
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านอีต่องในเวลา 5 ทุ่มโดยประมาณ เราจองเต็นท์กับทางปิล็อก แคมป์ไว้ 3 หลัง ซึ่งเต็นท์กางอยู่ที่ศาลาอเนกประสงค์ของหมู่บ้าน เราต้องใช้ห้องน้ำรวม (เรื่องที่พักนี้เราคุยกับทุกคนแล้ว ทุกคนบอกว่าโอเคไม่มีปัญหาอะไร) พอลงจากรถเจ้าของที่พักก็ทักทายด้วยคำว่า "ยินดีต้อนรับสู่ความลำบาก" ในใจคิดว่า "เอาแล้วไง กูไม่ได้มาแบบสบายๆแล้วไงละ"
หลังจากนั้นไม่นานความซวยครั้งที่สี่ ก็เริ่มต้นขึ้น เรากำลังนั่งพัก พูดคุยกัน และกำลังจะไปอาบน้ำ ไฟก็ดับ ความซวยต่อมาคือไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ(น้ำอุ่นที่จะอาบเราต้องเดินออกไปประมาณ 300 เมตร) สรุปแล้วเราต้องใช้แสงไฟจากไฟฉายบ้าง เทียนบ้าง โทรศัพท์บ้าง และอาบน้ำเย็นในห้องน้ำร่วม ส่วนพรุ่งนี้เช้าก็แล้วแต่ว่า ใครจะอาบหรือไม่อาบ เพราะอากาศข้างบน เย็น หนาว และมีหมอกตลอดเวลาจริงๆครับ หลังจากตกลงกันแล้วเราก็แยกย้ายไปจัดการตัวเอง เข้านอนพักผ่อน เติมพลัง เพื่อเช้าวันใหม่ที่เราพวกเราอยู่
อรุณสวัสดิ์ยามเช้าที่ปิล็อก เราตื่นเช้า ทำธุระส่วนตัว แล้วก็แยกย้ายกันไปถ่ายรูป เก็บบรรยากาศ เก็บภาพไว้ในความทรงจำ และนัดพบกันอีกที่ตรงที่พักเวลา 9 โมงเช้า เพื่อที่จะออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ รอบหมู่บ้าน
ตามตรงเลยนะครับ ระหว่างที่เดินเล่นในหมู่บ้าน เราต้องใส่เสื้อกันฝน หรือพกฝนไว้ตลอดเวลา เพราะเราไม่รู้ว่า ฝนจะตกลงมาเมื่อไร เพราะหมอกหนามากๆ แถมเสี่ยงต่อกล้องจะขึ้นฝ้าอีกด้วย
พอเดินเล่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสะพานที่ทุกคนที่มาต้องมาถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก
ป้าเสื้อแดงนี่แย่งซีนสุดๆ
พอได้รูปที่ต้องการแล้ว เราก็ออกเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอกับจุดสำคัญอีกจุด นั่นคือ เหมืองเก่าที่ชื่อว่า "เหมืองปิล็อก"
เนื่องจากต้องตัดลงไปแค่นี้ก่อนนะครับ เราจะมาต่อกันที่คอมเม้น เนื่องจากตัวอักษรมีจำกัดครับ