ชุมชนจันทบูร วันฉ่ำฝน

จากที่พักโรงแรมเกษมศานติ์ เราเดินกางร่ม ฝ่าสายฝนไปที่วัดโบสถ์ ที่วัดแห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินเที่ยวชุมชนจันทบูรของเรา

ในวันธรรมดา ที่ไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์นักท่องเที่ยวดูจะบางตา ยิ่งสายฝนโปรยปรายหนักอย่างนี้นักท่องเที่ยวแทบจะไม่มีมาเดินให้เห็น ร้านรวงหลายร้านปิดจึงทำให้ชุมชนที่มีการค้าขายคึกคัก ดูเงียบเหงา...แต่ในวันฉ่ำฝนชุมชนริมน้ำจันทบูร กับเพิ่มมนต์เสน่ห์และกลิ่นอายเมืองเก่า ให้ผมอยากออกเดินสัมผัสไปอย่างเนิบช้า ในทุกซอกมุม



ชุมชนริมน้ำจันทบูร ประกอบไปด้วยบ้านโบราณ ร้านค้า ศาลเจ้า โบสถ์ และวัดไทย ที่ตั้งอยู่สองฝั่งของถนนสุขาภิบาล ซึ่งมีความเป็นมายาวนานกว่า 100  ปี ชุมชนแห่งนี้ มีทั้ง ชาวจีนและชาวญวนอพยพที่ลี้ภัยการเมืองเข้ามาอยู่ในเมืองจันทบูรสมัยนั้นเป็นจำนวนมาก จากกรณีพิพาทอินโดจีน ทำให้ฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีเป็นตัวประกันนานถึง 11 ปี

การอพยพมาของผู้คนที่หลากหลายเชื้อชาติได้มีการนำศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิตเข้ามาด้วย ทำให้ชุมชนจันทบูรมีวิถีชีวิตที่หลากหลาย หลายศาสนาอยู่รวมกัน ทำให้เกิดความหลากหลายวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม อาหารการกิน ประเพณี ไปจนถึงการนับถือศาสนา...ซึ่งเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของชุมชนริมน้ำจันทบูรมาจนถึงทุกวันนี้


ณ ชุมชนจันทบูร...ผมได้เห็นบ้านที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่งดงาม และที่นี่ยังมีบ้านที่มีประวัติยาวนานน่าสนใจหลายหลัง

นอกจากบ้านเรือนโบราณ ที่นักท่องเที่ยวสามารถขอเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพได้แล้ว ที่นี่ยังมีอาหารที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนและหากินยาก อย่างขนมโบราณ ...ขนมไข่ป้าไต๋ ขนมลืมกลืน(ร้านป้าต้อย) ขนมเปี๊ยะ ขนมโก๋ ข้าวตังโบราณ ขนมเที่ยนแก้ว ขนมดอกจอก ไอศกรีมตราจรวด ฯลฯ

นอกจากขนมยังมีอาหารพื้นเมืองอร่อยๆหลายร้าน เช่นร้านขายข้าวหน้าทะเล และก๋วยเตี๋ยวทะเล ร้านก๋วยจั๊บโบราณ ไม่ต้องถามว่าที่นี่จะมีอาหารพื้นบ้านภาคตะวันออกขายหรือเปล่า...ที่นี่มีทั้ง แกงหมูชะมวง เส้นจันท์ผัดปู ลอมาจู(ต้มส้ม) แกงมัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน...ส่วนขนมหวานก็มีสละลอยแก้ว หวานหอมชื่นใจ...ของฝากของที่ระลึกประจำชุมชน อย่าง "เสื่อจันทบูร" ที่มีต้นกำเนิดมาจากชาวญวนที่อพยพมาจากเวียดนาม







เดินเที่ยวชุมชนจันทบูร นอกจากชมบ้านโบราณสวยๆ ทานอาหาร และขนมพื้นบ้านอร่อยๆแล้วที่นี่ยังมีภาพสตรีทอาร์ต ที่แอบอยู่ตามผนังของตึกให้เราได้เก็บภาพด้วย







สิ่งที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของชุมชนจันทบูร นอกเหนือจากบ้านเรือนแบบโบราณแล้ว ยังมีศาสนสถานทั้งของชาวพุทธและชาวคริสต์ที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำจันท์  เป็นเสมือนเครื่องยืนยันถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของคนต่างชาติต่างภาษาที่มาอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน...ไม่ว่าจะเป็นวัดโบสถ์ วัดเขตร์นาบุญญาราม วัดจันทนาราม ศาลตั้วเล่า ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าที่ตลาดล่าง ศาลเจ้าโจวซือกง และอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ที่มีความงดงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทย





ตอนเช้าผมเดินผ่าน "โรงเจเทียงเซ็งตึ๊ง" ที่มีอาคารสองหลังต่อกันถึงด้วยโถงกลาง ด้านหน้าเป็นอาคารไม้ ตกแต่งด้วยลวดลายฉลุวิจิตรงดงาม ส่วนด้านหลังเป็นอาคารปูน อาคารหลังนี้จะเปิดขายอาหารเจ ซึ่งใครที่กินเจไปเที่ยวชุมชนจันทบูร ก็แวะเข้าไปได้









อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล ถือเป็นไฮไลต์ของชุมชนริมน้ำจันทบูรเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นความสวยงามอันหาดูได้ยากในเมืองไทย เหตุการณ์เรื่องราวของการสร้างโบสถ์แห่งนี้มีมากมายให้เล่าขาน และที่ขาดไม่ได้ หนึ่เดียวในประเทศไทยที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดชม นั่นคือ "แม่พระประดับพลอย" เป็นรูปปั้นพระแม่มารี ทั้งองค์ประกอบด้วยทองคำบริสุทธิ์ เงินบริสุทธิ์ และพลอยบริสุทธิ์กว่าหนึ่งแสนเม็ดซึ่งได้รับบริจาควัตถุดิบจากคนในชุมชน องค์แม่พระนั้นงดงามและเลอค่า ไม่อาจประเมินได้



การมาเที่ยวชุมชนจันทรบูร ถ้าเดินกันจริงๆ จากหัวถนนไปท้ายถนนสุขาภิบาลคงใช้เวลาไม่กี่นาที แต่ผมผมเดินเตร็ดเตร่อยู่ในชุมชนทั้งตอนเย็น และตอนเช้า จะเห็นรอยยิ้ม และคำทักทายปราศรัยอย่างเป็นกันเอง มองดูผู้คนมีความสามัคคีกลมเกลียว แม้ต่างศาสนาต่างวัฒนธรรม

ผมสูดเอา..."กลิ่นอายเมืองเก่า ริมน้ำจันทบูร" ...เข้าไปเก็บไว้ในความทรงจำ แม้เป็นช่วงเวลาที่น้อยนิด แล้วผมจะกลับมาเยือน "ชุมชนริมน้ำจันทบูร" อีกครั้งในวันที่ฝนซา

ขอขอบคุณ อพท.สำนักงานพื้นที่พิเศษ 3
ขอขอบคุณ TEATA สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.)