ขออนุญาตรีวิวรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เพิ่งไปพักมาเมื่อไม่กี่วันมานี้ เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาว ผมจึงพาครอบครัวไปเที่ยวเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ผมได้รีวิวที่พักต่างๆมากมายว่าที่ไหนดูดี มีวิวทะเลหมอก แต่ส่วนใหญ่ที่พักจะเต็ม เพราะเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาว จึงได้เจอรีสอร์ทชื่อว่า " ฟ้าใสหมอกสวย " อื่ม...ที่นี่ต้องน่าจะมีวิวทะเลหมอกแน่เลย แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเห็นรูปที่พักมีวิวทะเลหมอกบวกกับมีชื่อรีสอร์ทแนะนำในเวปไซต์ต่างๆ ซึ่งห้องพักที่นี่เหลือไม่กี่ห้อง จึงตัดสินใจจองที่พักผ่านเวปไซต์ไป โดยจองล่วงหน้า 1 เดือน ในราคา 2,500 บาท/1 คืน (ห้องพัดลม) นอนได้ 3 คน พร้อมอาหารเช้า
ถึงวันที่ออกเดินทางไปเขาค้อ และเข้าที่พักที่ " ฟ้าใสหมอกสวย " ความคาดหวังของผมก็นิดนึง เนื่องจากราคาก็แพงระดับนึง สำหรับห้องพัดลม เมื่อไปถึงที่เขาค้อก็แวะเที่ยวที่ต่างๆก่อน ตกช่วงเย็นก็เข้าพักที่รีสอร์ท ซึ่งทางเข้ารีสอร์ทก็จะงงๆนิดนึง เพราะที่นี่เค้ามี 3 โซน ได้แก่ โซน A, B, C ซึ่งต้องสังเกตุดีๆ ส่วนตัวผมพักอยู่โซน B ต่อจากนี้ผมขอรีวิวการบริการ และสภาพที่พักที่ประทับใจและไม่ประทับใจดังนี้นะคับ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ)
1. เมื่อเข้าไปถึงรีสอร์ท ก็ลงมาจากรถ เดินไปหา reception ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจลูกค้าเลย จนผมได้เดินเข้าไปถามเอง จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนการเข้าพัก เซ็นต์เอกสาร ถ่ายบัตรประชาชน รับกุญแจห้อง และใบเสร็จรับเงิน ผมยืนรอพักนึง จนได้ถามว่า เสร็จหรือยังคับ พนักงานตอบว่า เรียบร้อยค่ะ (อ่าว..แล้วทำไมไม่บอก ให้ยืนรออะไร)
2. จากนั้นก็มีพนักงานเดินพาไปที่ห้องพัก แต่ห้องพักต้องขับรถลงไปด้านล่างนิดนึง ซึ่งเป็นทางแคบๆ ผมก็ไปสตาร์ทรถจะขับลงไปที่พัก แต่ปรากฏว่า มีรถยนต์ของรีสอร์ทขับมาจอดขวางทางเลี้ยวลงต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่เห็นว่าผมกำลังจะเลี้ยวลงไป แล้วคนขับก็เดินไปที่ reception โดยไม่ได้สนใจอะไร กว่าจะถอยเข้าถอยออกได้ ก็หลายสเตป จอดขวางแล้วทางมันแคบ จะให้ลงยังงายยย....
3. เมื่อจอดรถแล้วจะเดินไปที่พัก พนักงานที่ไปส่งที่ห้องพัก ก็เดินมาบอกว่า กุญแจเสียบหน้าห้องนะคะ (สงสัยรอเราลงมาจากข้างบนนาน ก็มันมีรถขวางนี่) แล้วก็ชี้นิ้วไป อ่าว...ห้องไหนละหว่า ถ้าส่งถึงหน้าห้อง จะดีกว่านี้นะผมว่า
4. จากนั้นเดินเข้าที่พัก ภายในห้องพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป ลักษณะเป็นห้องไม้ ผมว่ามันมืดไปหน่อย ขนาดเปิดไฟทุกดวงแล้วนะ โดยเฉพาะตรงที่นอนไม่มีไฟเพดานเลย เต้าเสียบก็ไม่มี จะชาร์ตโทรศัพท์ ยังต้องมุดไปเสียบข้างตู้เย็น กลิ่นในห้องมีกลิ่นอับเล็กน้อย เหมือนไม่ได้ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นให้ อ่างน้ำล้างหน้าท่อรั่ว ไหลลงพื้นอีก แถมชักโครกยังมีคราบฉี่ด้วย อันนี้นี่รับไม่ได้เลยคับ คิดในใจว่านี่ห้องราคา 2,500 บาท/ 1 คืน จริงๆหรอนี่ Oh! My God
5. ตกตอนพลบค่ำบรรยากาศกำลังเงียบสงบ ฟังเสียงลมชิวๆ สบายๆ นอนชมวิวเขาอยู่ในห้อง ภรรยากับลูกนอนหลับ และแล้วก็มีเสียงห้องข้างๆที่เพิ่งมาเข้าพัก น่าเป็นคนมีอายุซัก 3 คน คุยกันเสียงดัง ห้องดันไม่เก็บเสียงอีก ลืมดูไปว่าผนังที่ติดกับห้องข้างๆ ครึ่งห้องเป็นปูน ครึ่งห้องเป็นไม้ คือน่าจะทำห้องให้มันเก็บเสียงดีกว่านี้นะคับ....กว่าเสียงจะเงียบก็เกือบ 5 ทุ่ม แถมตอนเช้ายังมีเสียงมารบกวนการนอนอีก เพราะคนแก่ตื่นเช้า เสียงคุยอะไรกันก็ไม่รู้ เลยต้องตื่นเช้าไปด้วย T_T
6. บรรยากาศตอนเช้ามีทะเลหมอกนิดหน่อยไม่เยอะมาก แต่วิวสวยดี ลมพัดเย็นจนหนาว มีเสียงนก เสียงไก่ เป็นธรรมชาติ มันมีดีแค่ตรงนี้ล่ะที่ประทับใจ คิดซะว่า ซื้อบรรยากาศล่ะกัน
7. และก็ถึงเวลาข้าวเช้าล่ะ แวะถ่ายรูปบรรยากาศยามเช้าภายในรีสอร์ทสักนิดนึง แล้วผมและครอบครัวก็เดินไปตึกอาหารเช้าประมาณ 150 เมตร ผมไม่ขับรถไปเพราะทางแคบมาก เมื่อถึงจุดอาหารเช้า เราก็ยืนงงๆ ว่ากินได้เลยรึเปล่า พนักงานก็เดินไปมา ไม่เห็นสนใจพวกผมเลย ซักพักก็มีพนักงานลุงแก่ๆ มาถามว่า ยื่นคูปองที่เค้าท์เตอร์เลยครับ (หะ๊...คูปองอะไรทำไมตอนไป check in ทำไมไม่ได้) ก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้คูปองมาคับ เค้าไม่มีให้ บอกมากินได้เลย ลุงแกก็บอกว่า ให้เดินกลับไปเอาคูปองที่ reception (เดินกลับไปเอา 150 ม. เดินกลับมาอีก 150 ม.) คือผมต้องมาเหนื่อยเดินไปกลับ เพื่อไปเอาคูปองอาหารเช้าเนี่ยนะ ทำไมคุณไม่โทรถามกันว่าทำไมลูกค้าไม่ได้คูปอง ส่วนผมโทรไปที่ reception แต่สายไม่ว่าง ก็เลยต้องพากันเดินไปเอาเอง ไม่โอเคเลย
8. พอไปถึง reception ก็ถามว่าทำไมไม่ให้คูปองข้าวเช้า พนักงานบอกว่า ไม่ต้องใช้คะ เพราะมีลุกค้าหลายห้องที่ไม่ได้คูปอง ผมเลยพูดว่า ลุงแกบอกว่าต้องใช้ไปเบิกค่าอาหาร แล้วทำไมคุณไม่ส่งเรื่องกันไว้ว่า มีหลายๆห้องที่ไม่ได้คูปองอาหารเช้า (แล้วมันใช่เรื่องไหมที่ผมจะต้องเดินมาประสานงานเองไหมนี่) จากนั้นผมก็เดินกลับไปที่อาคารทานข้าวเช้า แบบเซ็งๆ แล้วไปบอกว่าไม่มีคูปอง พนักงานก็ไม่ขอโทษสักคำ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เห้อ...) หลังจากนั้นผมก็ไปตักอาหารทาน อาหารก็เป็นข้าวต้ม สลัด กาแฟ ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรมาก ปรากฏว่า มีโต๊ะว่าง แต่พนักงานไม่เช็ดให้ และไม่เคลียโต๊ะให้ด้วย ผมก็ต้องไปเก็บเองอีก
สรุป : วันหยุดอันแสนไม่ประทับใจนี้ ต้องมาจบที่รีสอร์ทที่นี่ กับที่พักและการบริการที่ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเอาเสียเลย ประทับใจแค่วิวและความสวยงามของทิวทัศน์เท่านั้น แต่อย่างอื่นไม่โอเคเลย นักท่องเทียวท่านอื่นอาจจะไม่เจอแบบผมก็ได้คับ และนี่เป็นการรีวิวจากการที่ได้ไปพัก และประสบพบเจอส่วนตัวเท่านั้น เพื่อเป็นการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ ถ้าจะไปพักที่ไหนก็ให้ศึกษาดีๆนะคับ เพราะวันหยุด ใครๆก็หวังไปเก็บเกี่ยวความประทับใจจากที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวกันทั้งนั้นล่ะคับ
[CR] Review ประสบการณ์การบริการที่ไม่ประทับของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ณ เขาค้อ
ถึงวันที่ออกเดินทางไปเขาค้อ และเข้าที่พักที่ " ฟ้าใสหมอกสวย " ความคาดหวังของผมก็นิดนึง เนื่องจากราคาก็แพงระดับนึง สำหรับห้องพัดลม เมื่อไปถึงที่เขาค้อก็แวะเที่ยวที่ต่างๆก่อน ตกช่วงเย็นก็เข้าพักที่รีสอร์ท ซึ่งทางเข้ารีสอร์ทก็จะงงๆนิดนึง เพราะที่นี่เค้ามี 3 โซน ได้แก่ โซน A, B, C ซึ่งต้องสังเกตุดีๆ ส่วนตัวผมพักอยู่โซน B ต่อจากนี้ผมขอรีวิวการบริการ และสภาพที่พักที่ประทับใจและไม่ประทับใจดังนี้นะคับ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคับ)
1. เมื่อเข้าไปถึงรีสอร์ท ก็ลงมาจากรถ เดินไปหา reception ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจลูกค้าเลย จนผมได้เดินเข้าไปถามเอง จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนการเข้าพัก เซ็นต์เอกสาร ถ่ายบัตรประชาชน รับกุญแจห้อง และใบเสร็จรับเงิน ผมยืนรอพักนึง จนได้ถามว่า เสร็จหรือยังคับ พนักงานตอบว่า เรียบร้อยค่ะ (อ่าว..แล้วทำไมไม่บอก ให้ยืนรออะไร)
2. จากนั้นก็มีพนักงานเดินพาไปที่ห้องพัก แต่ห้องพักต้องขับรถลงไปด้านล่างนิดนึง ซึ่งเป็นทางแคบๆ ผมก็ไปสตาร์ทรถจะขับลงไปที่พัก แต่ปรากฏว่า มีรถยนต์ของรีสอร์ทขับมาจอดขวางทางเลี้ยวลงต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่เห็นว่าผมกำลังจะเลี้ยวลงไป แล้วคนขับก็เดินไปที่ reception โดยไม่ได้สนใจอะไร กว่าจะถอยเข้าถอยออกได้ ก็หลายสเตป จอดขวางแล้วทางมันแคบ จะให้ลงยังงายยย....
3. เมื่อจอดรถแล้วจะเดินไปที่พัก พนักงานที่ไปส่งที่ห้องพัก ก็เดินมาบอกว่า กุญแจเสียบหน้าห้องนะคะ (สงสัยรอเราลงมาจากข้างบนนาน ก็มันมีรถขวางนี่) แล้วก็ชี้นิ้วไป อ่าว...ห้องไหนละหว่า ถ้าส่งถึงหน้าห้อง จะดีกว่านี้นะผมว่า
4. จากนั้นเดินเข้าที่พัก ภายในห้องพัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป ลักษณะเป็นห้องไม้ ผมว่ามันมืดไปหน่อย ขนาดเปิดไฟทุกดวงแล้วนะ โดยเฉพาะตรงที่นอนไม่มีไฟเพดานเลย เต้าเสียบก็ไม่มี จะชาร์ตโทรศัพท์ ยังต้องมุดไปเสียบข้างตู้เย็น กลิ่นในห้องมีกลิ่นอับเล็กน้อย เหมือนไม่ได้ฉีดสเปรย์ดับกลิ่นให้ อ่างน้ำล้างหน้าท่อรั่ว ไหลลงพื้นอีก แถมชักโครกยังมีคราบฉี่ด้วย อันนี้นี่รับไม่ได้เลยคับ คิดในใจว่านี่ห้องราคา 2,500 บาท/ 1 คืน จริงๆหรอนี่ Oh! My God
5. ตกตอนพลบค่ำบรรยากาศกำลังเงียบสงบ ฟังเสียงลมชิวๆ สบายๆ นอนชมวิวเขาอยู่ในห้อง ภรรยากับลูกนอนหลับ และแล้วก็มีเสียงห้องข้างๆที่เพิ่งมาเข้าพัก น่าเป็นคนมีอายุซัก 3 คน คุยกันเสียงดัง ห้องดันไม่เก็บเสียงอีก ลืมดูไปว่าผนังที่ติดกับห้องข้างๆ ครึ่งห้องเป็นปูน ครึ่งห้องเป็นไม้ คือน่าจะทำห้องให้มันเก็บเสียงดีกว่านี้นะคับ....กว่าเสียงจะเงียบก็เกือบ 5 ทุ่ม แถมตอนเช้ายังมีเสียงมารบกวนการนอนอีก เพราะคนแก่ตื่นเช้า เสียงคุยอะไรกันก็ไม่รู้ เลยต้องตื่นเช้าไปด้วย T_T
6. บรรยากาศตอนเช้ามีทะเลหมอกนิดหน่อยไม่เยอะมาก แต่วิวสวยดี ลมพัดเย็นจนหนาว มีเสียงนก เสียงไก่ เป็นธรรมชาติ มันมีดีแค่ตรงนี้ล่ะที่ประทับใจ คิดซะว่า ซื้อบรรยากาศล่ะกัน
7. และก็ถึงเวลาข้าวเช้าล่ะ แวะถ่ายรูปบรรยากาศยามเช้าภายในรีสอร์ทสักนิดนึง แล้วผมและครอบครัวก็เดินไปตึกอาหารเช้าประมาณ 150 เมตร ผมไม่ขับรถไปเพราะทางแคบมาก เมื่อถึงจุดอาหารเช้า เราก็ยืนงงๆ ว่ากินได้เลยรึเปล่า พนักงานก็เดินไปมา ไม่เห็นสนใจพวกผมเลย ซักพักก็มีพนักงานลุงแก่ๆ มาถามว่า ยื่นคูปองที่เค้าท์เตอร์เลยครับ (หะ๊...คูปองอะไรทำไมตอนไป check in ทำไมไม่ได้) ก็เลยตอบไปว่า ไม่ได้คูปองมาคับ เค้าไม่มีให้ บอกมากินได้เลย ลุงแกก็บอกว่า ให้เดินกลับไปเอาคูปองที่ reception (เดินกลับไปเอา 150 ม. เดินกลับมาอีก 150 ม.) คือผมต้องมาเหนื่อยเดินไปกลับ เพื่อไปเอาคูปองอาหารเช้าเนี่ยนะ ทำไมคุณไม่โทรถามกันว่าทำไมลูกค้าไม่ได้คูปอง ส่วนผมโทรไปที่ reception แต่สายไม่ว่าง ก็เลยต้องพากันเดินไปเอาเอง ไม่โอเคเลย
8. พอไปถึง reception ก็ถามว่าทำไมไม่ให้คูปองข้าวเช้า พนักงานบอกว่า ไม่ต้องใช้คะ เพราะมีลุกค้าหลายห้องที่ไม่ได้คูปอง ผมเลยพูดว่า ลุงแกบอกว่าต้องใช้ไปเบิกค่าอาหาร แล้วทำไมคุณไม่ส่งเรื่องกันไว้ว่า มีหลายๆห้องที่ไม่ได้คูปองอาหารเช้า (แล้วมันใช่เรื่องไหมที่ผมจะต้องเดินมาประสานงานเองไหมนี่) จากนั้นผมก็เดินกลับไปที่อาคารทานข้าวเช้า แบบเซ็งๆ แล้วไปบอกว่าไม่มีคูปอง พนักงานก็ไม่ขอโทษสักคำ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (เห้อ...) หลังจากนั้นผมก็ไปตักอาหารทาน อาหารก็เป็นข้าวต้ม สลัด กาแฟ ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรมาก ปรากฏว่า มีโต๊ะว่าง แต่พนักงานไม่เช็ดให้ และไม่เคลียโต๊ะให้ด้วย ผมก็ต้องไปเก็บเองอีก
สรุป : วันหยุดอันแสนไม่ประทับใจนี้ ต้องมาจบที่รีสอร์ทที่นี่ กับที่พักและการบริการที่ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเอาเสียเลย ประทับใจแค่วิวและความสวยงามของทิวทัศน์เท่านั้น แต่อย่างอื่นไม่โอเคเลย นักท่องเทียวท่านอื่นอาจจะไม่เจอแบบผมก็ได้คับ และนี่เป็นการรีวิวจากการที่ได้ไปพัก และประสบพบเจอส่วนตัวเท่านั้น เพื่อเป็นการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ ถ้าจะไปพักที่ไหนก็ให้ศึกษาดีๆนะคับ เพราะวันหยุด ใครๆก็หวังไปเก็บเกี่ยวความประทับใจจากที่พัก และสถานที่ท่องเที่ยวกันทั้งนั้นล่ะคับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้