คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
มันก็กระจายๆไป คนที่เจาะจงไปเลย เขาก็ได้คนเดียวเต็มๆ อย่างคุณเป็นผี แล้วมีลูกของลูกพี่ลูกน้องคุณ ทำบุญแล้วตั้งใจกว้างๆว่าขออุทิศให้ญาติทั้งหลาย บางทีคุณไม่ใช่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายเขา แบบนี้เขายังจะพอนึกถึงหน้าญาติที่ใกล้ชิดมากกว่า ผีอย่างคุณก็จะไปคิดว่า เอ๊ะ..ตูใช้ญาติเขาหรือเปล่า เขาให้เราหรือเปล่า แต่เวลาทำบุญเราก็ควรให้หมดแหละ อย่างเทวดาที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า เราไม่มีทิพจักขุญาณ เราไม่รู้นามของท่านที่รักษาเรา เราก็ตั้งใจให้คนที่รักษาเราอยู่ จริงๆเทวดาประจำตัวเขาก็คือญาติเรานี่แหละ อาจจะเป็นแม่เราเมื่อร้อยชาติที่แล้ว พอเขาตายเขาเป็นพรหม เทวดาจนป่านนี้ยังไม่หมดบุญเลย แต่เราเกิดมาหลายชาติแล้ว แต่ญาติเราเขายังไม่เกิด เขาก็จำเราได้ คอยดูแลเท่าที่จะทำได้ ไม่เกินกฏของกรรมเรา ถ้าเราตั้งใจให้บุญใคร อยากให้ใครก็เจาะจง นึกถึงชื่อ นึกถึงหน้าไปเลย ถ้าเราไม่รู้จัก อย่างเจ้ากรรมนายเวร เทวดา เจ้าที่ๆรักษาเขตที่เราอาศัย ก็ตั้งใจบอกกว้างๆไป อย่างเราให้เจ้าที่ จริงๆก็ไม่กว้างนะ ท่านที่ดูแลแถวนั้นท่านก็โมทนาได้เลย ..อย่างที่เขาเจอผีกัน เช่นเห็นแว๊บๆ ได้กลิ่น ได้ยินเสียง หรือฝัน จริงๆเขาไม่ได้หลอก แต่เขาอยากให้เราอุทิศเจาะจงให้เขา แต่ความสามารถเขาแสดงให้เห็นได้แค่นั้น บวกกับใจผู้รับไม่ได้ผ่านการฝึกในด้านทิพจักขุญาณมา ก็จะรับรู้เผินๆ เราก็ตั้งใจเจาะจงได้ ขอให้เจ้าของเสียง เจ้าของกลิ่น ฯลฯ โมทนา
แสดงความคิดเห็น
ขอถามเกี่ยวกับการอุทิศผลบุญแบบเจาะจง กับ แบบไม่เจาะจง
ถ้าเราอุทิศผลบุญให้ใครคนใดคนหนึ่ง เขารับผลบุญนั้นเต็มที่
แต่ถ้าอุทิศแบบให้หลายคน เช่น เทวดาประจำตัว ญาติผู้ล่วงลับ เจ้ากรรมนายเวร จะทำให้สัดส่วนของผลบุญก็ลดลงตามลำดับจริงไหมครับ
ขอบคุณครับ