หมีสร้างครัว - แชร์ประสบการณ์บิวท์อินห้องครัวด้วยตัวเองแบบละเอียดสุดๆ (DIY Kitchen)



เล่าที่มาซักนิดนึงครับ

สวัสดีครับ หลังจากที่วุ่นวายกับการลงมือบิวท์อินห้องครัวด้วยตัวเองอยู่หลายเดือน ทั้งหาข้อมูล, วางแผน, เลือกซื้อของและลงมือทำ จนในที่สุดก็เดินทางมาถึงเป้าหมาย ตั้งใจว่าหลังจากเสร็จงานทั้งหมดจะเขียนเล่าสิ่งต่างๆที่เจอเพื่อแชร์ประสบการณ์การทำห้องครัวของเราไว้เป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากจะทำห้องครัวด้วยตัวเองหรือเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำเองดีมั้ย? หรือ ตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือเองแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน? จะต้องใช้เงินเท่าไหร่? ประเมินค่าใช้จ่ายยังไง? ต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง? หาได้จากที่ไหน? พาพันสงสัยกระทู้นี้อาจจะมีคำตอบหลังจากที่อ่านจบ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่สนใจครับ

ขอออกตัวก่อนว่า “เรา” ทั้งสองคนไม่ใช่มืออาชีพสำหรับงานด้านนี้ ปกติแล้วทำงานประจำวันจันทร์-วันศุกร์ มีเวลาว่างวันเสาร์-วันอาทิตย์ ถ้าไม่ได้มีธุระไปก็จะทำงาน DIY เล็กๆน้อยๆ เลยทำให้พอจะมีอุปกรณ์งานช่างสะสมไว้นิดหน่อย มีต้นทุนอยู่บ้างครับ ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ซะเลยทีเดียว

แต่...ในส่วนของงานปูนต้องบอกเลยว่าประสบการณ์เท่ากับ "ศูนย์" งานนี้เป็นครั้งแรก บางวิธีอาจจะไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ตามหลักงานช่างเท่าไหร่ หากสมาชิกมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสามารถ Comment แนะนำเพื่อเป็นประโยชน์กับเราทั้งสองคนและสมาชิกท่านอื่นๆ ที่สนใจอยากจะทำงานนี้ด้วยตัวเองครับ

จุดเริ่มต้นของเรื่องมันก็เริ่มจากรับโอนบ้านจากทางโครงการและย้ายเข้าอยู่แบบเสื่อผืนหมอนใบ ห้องแรกที่เราสองคนตั้งใจจะทำก็คือ “ห้องครัว” เพราะเราถือคติที่ว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” (เกี่ยวมั้ย อันนี้ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่) เเละเพราะเรามีงบค่อนข้างจำกัด ไม่สิต้องพูดว่า "งบหมด" ถึงจะถูกต้องพาพันเศร้า ครั้นจะไปจ้างช่างมาทำให้ก็ไม่มีเงินก้อน พอเจอที่ราคาสู้ไหวก็ใช้วัสดุที่ไม่ค่อยทน (เข้าใจดีว่าของถูกและดีมันหายาก ซื้อล็อตเตอรี่ยังมีลุ้นมากกว่าหล่ะมั้ง) ส่วนช่างที่พอจะรู้จักก็คิวทองเหลือเกิน ต้องจองกันข้ามปี ไหนๆก็ไหนๆละ ทำเองมันซะเลยก็แล้วกัน พอเลือกทำเองก็เลยทำให้ต้องวางแผนเยอะขึ้น วางแผนให้รอบคอบที่สุด ทั้งเรื่องของวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ อุปกรณ์หรือเครื่องมือช่างที่อาจจะต้องซื้อมาเพิ่มเติม โดยสิ่งเหล่านี้หวังว่าจะเอามาใช้กับโปรเจคอื่นๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วย

การตัดสินใจของเราจะใช้วิธีตั้งคำถามและตอบตัวเองเป็นข้อๆไปครับ
(การวางแผนและการตัดสินใจจะเขียนไว้ยาวหน่อยนะครับ สำหรับท่านที่อยากรู้ขั้นตอนการลงมือทำจริงเลย ให้ข้ามไปที่ส่วนต่อไปได้เลยครับ)

คำถามที่ 1 : จ้างช่าง? หรือ ทำเอง?

ภาพรวมการทำงาน


สำหรับคนที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะ “จ้างช่าง” หรือ “ทำเอง” เราขออนุญาตแชร์วิธีคิดและการตัดสินใจของเราในช่วงเวลานั้นเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของท่านแบบนี้นะครับ

การจ้างช่าง หรือ การซื้อชุดครัวแบบสำเร็จรูป แน่นอนว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงกว่าการทำเอง (ในกรณีที่เลือกของดีหน่อย) ค่าใช้จ่ายพวกนี้จะมาจากค่าวัสดุอุปกรณ์และค่าแรงของช่าง (เรียกว่าค่าประสบการณ์ของช่างจะเหมาะสมกว่า) เป็นหลัก ส่วนใหญ่แล้วค่าแรงจะคงที่ถ้า Drawing หรือ แบบของเราชัดเจน ช่างจะตีราคาเหมาง่ายมาก เผลอๆ จะต่อรองได้ด้วยเพราะเราลดเวลาทำงานของเค้า แต่สิ่งที่จะทำให้งบบานปลายมันจะมาจากตัวเราเองที่อยากได้ของนี่นั่นเพิ่มขึ้นขึ้นเรื่อย ซึ่งตรงนี้เราต้องควบคุมเอง (ย้ำเลยว่ากิเลสย่อมระงับด้วยการซื้อ พาพันดี๊ด๊า) แต่ข้อดีสำหรับการจ้างช่าง คือ งานเสร็จเร็ว ไม่ต้องเหนื่อยลงแรงตัวเอง บ้านรกไม่นาน ไม่ยืดเยื้อ มีเวลาเหลือไปทำอย่างอื่นอีกเยอะ

สำหรับเราสองคนเลือกที่จะทำเอง โดยตัดสินใจแบบไม่มีลังเลเลยซักนิด เพราะ ไม่มีตัง 555+ เอาจริงๆ ก็คือ จ้างเค้าทำต้องใช้เงินก้อน ทำเองมันทะยอยซื้อของได้เหมือนผ่อนเอา ซึ่งพอมาคิดค่าใช้จ่ายรวมๆของโปรเจคนี้ก็พบว่ามันไม่ค่อยแตกต่างนะ ถ้าเราจ้างช่างมืออาชีพมาทำให้ แต่ว่า...สิ่งที่เราได้ คือ 1. เราสามารถเลือกของที่เกรดดีขึ้นด้วยเงินที่เท่ากันซึ่งคิดว่าจะมีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย 2. เราได้ประสบการณ์ในการวางแผนการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ ได้ความรู้ในการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้ sense ในการแก้ปัญหาหน้างานแบบรู้สึกได้ (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามโนไปเองรึเปล่านะ) และที่สำคัญที่สุดคือข้อที่ 3. ได้อุปกรณ์ช่างเพิ่ม หาข้ออ้างซื้อของได้แล้วววววว เย้ เย แต่...สำหรับคนที่ไม่มีของเลยซักชิ้น เป็น Maker ป้ายแดง ต้องบอกว่าครั้งแรกจะเจ็บตัวนิดหน่อยนะ แต่ถ้าวางแผนดีๆ สำหรับผมถือว่าคุ้มค่า เพราะยังไงซะ อุปกรณ์บางอย่างมันจำเป็นต้องมีติดบ้านอยู่แล้ว (ที่เค้าบอกกันว่าของมันต้องใช้ เรื่องจริง!) พูดถึงข้อเสียมันก็มีนะ เรื่องสำคัญด้วย คือต้องยอมรับเลยว่าทำเองมันต้องแลกกับเวลาในชีวิตพอสมควรอยู่ ของผมนี่เกือบ 6 เดือนได้มั้ง (เฉลี่ยวันทำงานประมาณ 8 วัน/เดือน ไม่ได้ทำทุกวัน) และที่สำคัญมันเหนื่อยโคตรๆ 555+

สำหรับคนที่ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่ออ่านจนถึงตรงนี้ ก็อยากให้ลองตัดสินใจ และเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของแต่ละทางดู ถ้าเราทำงานเดียวคงไม่คุ้มในเชิงของค่าใช้จ่าย แต่ถ้ามีหลายโปรเจคก็ถือว่าน่าลงทุนนะ?

สำหรับคนที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำเองนั้นต้องบอกว่า “ยินดีต้อนรับสู่ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และช่วงเวลาที่วันหยุดสุดสัปดาห์จะไม่ใช่วันหยุดนอนดูทีวีหรือนั่งเล่นเกมชิวๆ อีกต่อไป (จนกว่าโปรเจคนี้จะจบลงหล่ะนะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่